บางจากทุ่ม 1.1 แสนล. ลงทุน 5 ปี จ่อผุดนิคมชีวภาพที่อีอีซีผลิตไบโอดีเซล เมินประมูลปิโตรฯ แหล่งบงกช-เอราวัณ

บางจากเปิดแผนลงทุน 5 ปีทุ่มกว่าแสนล้านเตรียมเปิดนิคมอุตฯชีวภาพในอีอีซีมูลค่า 3 หมื่นล้าน มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 2 แสนล้านบาท ไม่สนประมูลแหล่งปิโตรเลียม

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนลงทุน 5 ปี (พ.ศ.2561-2565) บริษัทจะใช้งบลงทุน 1.1 แสนล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจหลักและธุรกิจเกี่ยวเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมพลังงานมาพัฒนาเพื่อสอดรับประเทศไทย 4.0 โดยปีนี้จะใช้งบลงทุน 2 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนโรงกลั่น 2,000-3,000 ล้านบาท สร้างโรงกลั่นแห่งใหม่ 5,000 ล้านบาท ลงทุนสถานีบริการน้ำมัน 2,000 ล้านบาท และเตรียมลงทุนพิเศษตามสถานการณ์ 1 หมื่นล้านบาท ส่วนรายได้ปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-2 แสนล้านบาท จากระดับราคาน้ำมันเฉลี่ย 60-70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า นอกจากนี้จะเข้าไปลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยจะตั้งนิคมอุตสาหกรรมชีวภาพ จ.ฉะเชิงเทรา พื้นที่ 500-600 ไร่ เพื่อรองรับการลงทุนของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นการควบรวมของบริษัท บีบีพี โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบางจาก กับบริษัท เคเอสแอลจีไอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ช่วงปลายปีนี้ โดยจะผลิตไบโอดีเซลและเอทานอลโรงละ 1 ล้านลิตร โดยผลิตภัณฑ์ชีวภาพนี้อยู่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้จะลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ ด้วย อาทิ ดิจิทัล

“สาเหตุที่เลือกผลิตภัณฑ์ชีวภาพในอีอีซี เพราะเป็นทำเลที่พร้อมทั้งวัตถุดิบ เชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานทั้งท่าเรือ รถไฟ โดยงบลงทุน 5 ปีจะใช้ลงทุนนิคมฯประมาณ 1 ใน 3 ของเงินลงทุนหรือมากกว่า 3 หมื่นล้านบาท” นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจหลักคือโรงกลั่นจะเพิ่มระดับการกลั่นเป็น 1.33-1.34 แสนบาร์เรล/วันภายในปี 2563 จากปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.02 แสนบาร์เรล/วัน เพราะปีนี้จะปิดซ่อมโรงกลั่นนาน 45 วันช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน 2561 ด้านธุรกิจค้าปลีกน้ำมันปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 2 หรือ 15.8% ขณะที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ สพาร์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต จะมีการนำสินค้าจากเกษตรกรไทยไปจำหน่ายในร้านสพาร์ฯสาขาต่างประเทศ ร้านกาแฟอินทนิลจะขยายสู่กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนธุรกิจไฟฟ้าที่บริหารโดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ 600 เมกะวัตต์ ตั้งเป้าในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะลงทุนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท เฉพาะปีนี้จะเพิ่มการผลิตไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์ ทั้งจากแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่เข้าไปซื้อหุ้นในบริษัท นิโด้ ปิโตรเลียม จำกัด ที่ประเทศฟิลิปปินส์นั้น ขณะนี้ได้ชะลอออกไปก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ไม่คุ้มค่า และบริษัทชัดเจนว่าไม่มีความสนใจเข้าร่วมประมูลแหล่งผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยทั้งแหล่งบงกชและเอราวัณ

ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน