ดีเดย์ “พาณิชย์” เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายข้าวพันธุ์ใหม่ “กข 43” น้ำตาลต่ำเหมาะกับผู้บริโภครักสุขภาพ ถึง 15 ก.พ.นี้

ดีเดย์ “พาณิชย์” เปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่ายข้าวพันธุ์ใหม่ “กข 43” น้ำตาลต่ำเหมาะกับผู้บริโภครักสุขภาพ ถึง 15 ก.พ.นี้ เตรียมวางตลาดล็อตแรก 600 ตัน หลังเม.ย.นี้ พร้อมการันตีมาตรฐานโดยกรมการข้าว

นางสาวชุติมา บุณยประภัศร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลมุ่งเน้นส่งเสริมหลักการตลาดนำการผลิต ภายใต้แผนข้าวครบวงจร เพื่อเกษตรกรมั่นใจได้ว่าผลผลิตจะมีตลาดรองรับที่แน่นอนและได้รับราคาที่เหมาะสม โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมาได้ทดลองปลูก“ข้าวพันธุ์ กข43” ซึ่งเป็นข้าวขาวเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ

เนื่องจากผลการวิจัยโดยกรมการข้าวกับคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า ข้าวขาวพันธุ์ กข43 มีค่าการแตกตัวน้ำตาลน้อย และค่าดัชนีน้ำตาลอยู่ในระดับปานกลางที่ค่อนข้างต่ำ คาร์โบไฮเดรตของข้าวมีลักษณะที่ทนต่อการย่อยได้ดีกว่าข้าวอมิโลสต่ำกว่าพันธุ์อื่นๆ จึงถือเป็นข้าวทางเลือ กของผู้ที่ควบคุมน้ำหนักและกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคไต

“ปลายปีก่อนผลิตได้เพียง 20 ตัน เพราะเป็นข้าวที่ปลูกยากต้องอาศัยการดูแลรักษาที่ดี เหมาะสมกับพื้นในภาคกลาง มีผลผลผลิตต่อไร่ต่ำเพียง 430 กก.ต่อไร่ ซึ่งทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คัดเลือกสหกรณ์ที่มีศักยภาพ วางแผนการผลิตภายใต้ระบบนาแปลงใหญ่ นาปี มีพื้นที่รวม 100 ไร่ ผลผลิตรวม 20 ตันข้าวเปลือก วางตลาดโดยสหกรณ์การเกษตรดอนเจดีย์ จำกัด จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย แต่ปี 2561/2562 มีพื้นที่สำหรับนาปรัง ประมาณ 3,000 ไร่ คาดว่าจะมีผลผลิต 600 ตันข้าวสารในช่วงเมษายนนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเริ่มทำการตลาด โดยการเปิดรับสมัครตัวแทนจำหน่าย”

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีความสนใจจะเป็นผู้แทนจำหน่ายแจ้งความประสงค์เข้าร่วมโครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวพันธุ์ กข43 มาได้ที่ นายกรนิจ โนนจุ้ย กองส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร 2 กรมการค้าภายใน โทร. 02-507-6179 โทรสาร. 02-507-6181 หรือทาง E-mail : [email protected] ภายในวันพฤหัสบดีที่ 15 กุมภาพันธ์ 2561 นี้ หลังจากนั้นจะได้มีการจัดทำหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขการรับซื้อข้าวจากสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร และเชิญผู้ที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายประชุมในวันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2561 ต่อไป

“หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผู้ประกอบการที่สมัครเข้าร่วมจะเน้นผู้ที่มีคุณสมบัติสามารถเป็นตัวแทนจำหน่ายได้จริง ส่วนราคาจำหน่ายในแต่ละปีการผลิตขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตที่จะออกสู่ตลาด ซึ่งในปี 2560/2561 ที่ผ่านมาจำหน่ายราคา กก.ละ 80 บาท ส่วนผลผลิตฤดูกาลปี 2561/2562 จะมีการหารือกันอีกครั้งเพื่อให้ได้ประโยชน์ร่วมกับทุกฝ่าย”

นางสาวชุติมากล่าวเพิ่มเติมว่า การทำตลาดข้าวคุณภาพที่มีลักษณะเฉพาะพันธุ์ในพื้นที่ขนาดใหญ่ในลักษณะนี้ จำเป็นต้องสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคถึงมาตรฐานคุณภาพของผลผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานการผลิตตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ ไปจนถึงการสีแปรสภาพว่าเป็นข้าวพันธุ์กข 43 จริง ทางกรมการข้าว จึงได้กำหนดตรารับรองบนถุงบรรจุข้าวพันธุ์ กข43 โดยใช้ เครื่องหมายรับรองเป็นรูปตราหมากฮ็อตสีเขียว ซึ่งผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องติดบนบรรจุภัณฑ์ป้องกันการปลอมแปลงเลียนแบบ หากผู้ใดฝ่าฝืนเลียนแบบจะมีโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากปลอมเครื่องหมายมีโทษจำคุก 4 ปี ปรับ 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

“การรับรองจะเริ่มตั้งแต่กลุ่มเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนนาแปลงใหญ่กับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การดูแลของสหกรณ์ ที่เป็นสมาชิกเพื่อให้มั่นใจว่าข้าวที่ปลูกให้ผู้บริโภค เป็นข้าว กข43 ที่กรมการข้าวให้เมล็ดพันธุ์ข้าวไปปลูกและสีแปรโดยสหกรณ์หรือโรงสีที่ร่วมมือ เพื่อสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ (Traceability) โดยระบบ QR Trace ซึ่งผู้บริโภคสามารถสแกน QR Code เพื่อทราบข้อมูลถึงแหล่งที่มาของข้าวได้”

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ