ที่มา | คอลัมน์ฟิสิกส์ธรรมดา สาระมันส์ |
---|---|
ผู้เขียน | อาจวรงค์ จันทมาศ |
เผยแพร่ |
เมื่อพูดถึง ถุงพลาสติก คนจำนวนมากรู้ดีว่ามันเป็นวัสดุยากต่อการย่อยสลาย ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมตามมามากมาย เศษถุงพลาสติกที่ถูกทิ้งไม่เป็นที่ หรือหลุดออกจากสถานที่ทิ้งขยะนั้นเป็นภัยต่อทั้งสัตว์ป่าและสัตว์ทะเลที่อาจหลงคิดว่าเศษถุงพลาสติกเป็นอาหารแล้วเผลอกินเข้าไปจนเสียชีวิต
ถุงพลาสติก โดยทั่วไปเป็นสารประเภทโพลีเอทิลีน (polyethylene) ที่ได้มาจากน้ำมันดิบนักวิทยาศาสตร์จึงทำการวิจัยเพื่อสร้างถุงพลาสติกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (PLA) ซึ่งโดยทั่วไปทำมาจากแป้งข้าวโพด จนได้วัสดุที่คุณสมบัติและหน้าตาคล้ายพลาสติก แต่ใช้เวลาในการย่อยสลายไม่นานนัก
อย่างไรก็ตาม หากพลาสติกที่ย่อยสลายได้นี้ปะปนเข้าไปกับพลาสติกโพลีเอทิลีนที่จะนำไปรีไซเคิล ตัวมันจะกลายเป็นสิ่งปนเปื้อนที่ทำให้การรีไซเคิลยุ่งยากขึ้นไปอีก
ปัญหาอีกอย่างของถุงพลาสติกคือ มันเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่นำมารีไซเคิลได้ยากลำบาก การแยกถุงพลาสติกออกจากขยะอื่นๆ เป็นงานยาก แยกออกมาแล้วยังต้องทำให้สะอาดก่อนรีไซเคิลอีกต่างหาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ถุงพลาสติกปริมาณมหาศาลถูกใช้แล้วทิ้งโดยไม่ถูกนำมารีไซเคิล ในประเทศสหรัฐอเมริกามีถุงพลาสติกเพียง 1% เท่านั้นที่ถูกนำมารีไซเคิล แต่ในหลายประเทศอย่าง แคนาดา ก็มีการรีไซเคิลถุงพลาสติกอย่างได้ผลและเป็นระบบ
หลายๆ ประเทศจึงมีการสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติก ยกตัวอย่างเช่น หลายเมืองในประเทศสหรัฐอเมริกา มีการสั่งห้ามใช้ถุงพลาสติกในร้านสะดวกซื้อ ร้านขายยา ฯลฯ
เริ่มจากที่เมืองซานฟรานซิสโก และค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเป็นการห้ามใช้รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี ค.ศ. 2014 เมือง Modbury ในประเทศอังกฤษ ประกาศเลิกใช้ถุงพลาสติก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 นอกจากนี้ หลายเมืองในประเทศอินเดียและออสเตรเลียก็มีการห้ามใช้ถุงพลาสติกด้วย
ส่วนประเทศรวันดา บังกลาเทศ และเคนยานั้นห้ามใช้ทั้งประเทศ หลายประเทศบนโลกแม้จะไม่ได้สั่งห้าม แต่ก็หาทางออกด้วยการใช้มาตรการขึ้นภาษีถุงพลาสติก ในประเทศไทยมีหน่วยงานหลายแห่งพยายามรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกให้น้อยลง
หลายคนจึงหลีกเลี่ยงไม่ใช้ถุงพลาสติกนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างถุงพลาสติกกับถุงกระดาษ เราควรเลือกใช้อะไร? หลายคนอาจเลือกใช้ถุงกระดาษที่ดูเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่ถ้ามองในแง่ของข้อเสียให้ดี เราจะพบว่าถุงกระดาษนั้นมีด้านมืดที่หลายคนอาจมองไม่เห็น
อย่างแรกคือ วัตถุดิบที่ใช้ทำถุงกระดาษคือ ต้นไม้ ซึ่งมีคุณค่ามากมายต่อระบบนิเวศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการดูดซับก๊าซเรือนกระจก
อย่างที่สองคือ ในกระบวนการผลิตถุงกระดาษนั้นโดยทั่วไปจะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 80% ของการผลิตถุงพลาสติกและทำให้เกิดน้ำเสียมากกว่าราว 50 เท่า
กล่าวโดยสรุปได้ว่า ทั้งสองต่างมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับประโยชน์ในการใช้งานที่แตกต่างกัน
ดังนั้น หากไม่จำเป็นก็ไม่ควรรับถุงใดๆ จากร้านสะดวกซื้อ ไม่ว่าจะถุงพลาสติกหรือถุงกระดาษ แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ควรเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม ที่สำคัญที่สุดคงเป็นการแยกและทิ้งขยะให้เป็นที่และทำอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ธรรมชาติก็ดีขึ้นได้อย่างมากแล้ว
อ้างอิง
https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-02-08/the-obscure-history-and-future-of-the-plastic-bag
https://science.howstuffworks.com/environmental/green-science/paper-plastic1.htm
https://science.howstuffworks.com/environmental/green-science/plastic-bag-green.htm
https://www.csmonitor.com/2007/0329/p01s03-ussc.html
http://www.allaboutbags.ca/recycling.html
http://www.bbc.com/news/uk-42703561
https://www.theguardian.com/environment/2010/jun/28/thailand-plastic-bags
https://www.plasticoceans.org/rwanda-plastic-bag-ban/
https://people.howstuffworks.com/how-many-cities-have-a-ban-on-plastic-bags.htm
http://www.independent.co.uk/news/world/americas/michigan-the-us-state-that-just-banned-banning-plastic-bags-a7505611.html#gallery
http://wwf.panda.org/what_we_do/where_we_work/east_african_coast/?321950/Reducing-plastic-in-Kenya