วท.ทุ่ม 439 ล้าน ยกระดับโอท็อป สังคายนา-อัดฉีดเทคโนโลยี สินค้าซ้ำซ้อน

กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ทุ่มงบฯ กว่า 439 ล้านบาท ยกระดับสินค้าโอท็อป 2,000 กลุ่ม ใน 10 จังหวัดยากจนที่สุดของประเทศไทย อัดฉีด ‘เทคโนโลยีพร้อมใช้’ แก้ปัญหาแบบเร็ว 5 กลุ่ม เผยสินค้าซ้ำซ้อนเพียบ ชี้ ‘ตาก-ปัตตานี-นราธิวาส’ น่าห่วง ไม่ยกระดับ

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการบิ๊กร็อก (Big Rock) เพื่อส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ว่า กำลังเร่งดำเนินการในส่วนของโครงการวิทย์แก้จนที่มีเป้าหมายจะเข้าไปแก้ปัญหาใน 10 จังหวัดที่ยากจนที่สุดในประเทศ ประกอบด้วย แม่ฮ่องสอน นราธิวาส ปัตตานี กาฬสินธุ์ นครพนม ชัยนาท ตาก บุรีรัมย์ อำนาจเจริญ และน่าน โดยการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและ  นวัตกรรม (วทน.) ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาและจัดระเบียบองค์ความรู้แล้วไปถ่ายทอดเพื่อยกระดับ     โอท็อป (OTOP) 2,000 กลุ่ม จากเป้าหมายที่ วท.ได้สำรวจพบว่ามีกลุ่มผู้ประกอบการโอท็อป ใน 10 จังหวัด จำนวน 4,010 ราย และผลิตภัณฑ์โอท็อป จำนวน 7,286 ผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์   โอท็อปใน 5 ประเภท ได้แก่ อาหาร เครื่องดื่ม สมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร ผ้าและเครื่องแต่งกาย และของใช้ ของประดับและของที่ระลึก งบประมาณ 439 ล้านบาท

รัฐมนตรีว่าการ วท.กล่าวว่า ในกลุ่มผู้ประกอบการโอท็อปและผลิตภัณฑ์โอท็อปใน 10 จังหวัดยากจน พบว่า จังหวัดที่มีผู้ประกอบการโอท็อปมากที่สุดคือ บุรีรัมย์ 1,349 กลุ่ม มีผลิตภัณฑ์ 2,519 ผลิตภัณฑ์ รองลงมาคือ กาฬสินธุ์ มีผู้ประกอบการ 1,116 กลุ่ม มีผลิตภัณฑ์ 2,084 ผลิตภัณฑ์ อำนาจเจริญ มีผู้ประกอบการ 652 กลุ่ม มีผลิตภัณฑ์ 1,063 ผลิตภัณฑ์ ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ประกอบการน้อยที่สุด คือ ตาก มีผู้ประกอบการเพียง 49 กลุ่ม มีผลิตภัณฑ์ 128 ผลิตภัณฑ์ ส่วนจังหวัดที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ ตาก ปัตตานี และนราธิวาส เนื่องจากผลิตภัณฑ์โอท็อปส่วนใหญ่ยังไม่มีการยกระดับเท่าที่ควร นอกจากนี้ ในกลุ่ม 10 จังหวัด ยังมีปัญหาที่ผลิตภัณฑ์มีลักษณะคล้ายหรือซ้ำกัน อาทิ อาหาร ผ้าและเครื่องแต่งกาย เป็นต้น ไม่มีความหลากหลาย รวมทั้งขาดเทคโนโลยี ดังนั้น วท.จะนำฐานข้อมูลเทคโนโลยีพร้อมใช้เข้าไปช่วยแก้ปัญหาให้เร็วที่สุด

นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า ได้เตรียมฐานข้อมูลเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ มาตรฐาน การออกแบบกระบวนการผลิตและการออกแบบเครื่องจักรพร้อมใช้ไว้พร้อมแล้ว เพื่อนำไปยกระดับในกลุ่มสินค้าโอท็อป อาทิ ในกลุ่มอาหาร จะมีการนำเทคโนโลยีปรับปรุงดิน การปรับปรุงพันธุ์พืชและสัตว์ เป็นต้น ในกลุ่มเครื่องดื่ม มีการนำจุลินทรีย์ การสกัดที่เป็นประโยชน์มาใช้ไปจนถึงฉลากอัจฉริยะ ระบบบรรจุประป๋อง ขวด เป็นต้น กลุ่มผ้า เครื่องแต่งกาย จะเริ่มตั้งแต่การผลิตเส้นใย การผลิตสีธรรมชาติ การนำผ้านาโนและผ้ากลิ่นธรรมชาติมาใช้ เป็นต้น กลุ่มของใช้ ของประดับ ตกแต่ง จะมีการใช้เทคโนโลยีหาแหล่งดินขาว แหล่งอัญมณีคุณภาพสูงไปจนถึงกระบวนการเผา เจียระไน การขึ้นรูป เป็นต้น และกลุ่มสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เริ่มตั้งแต่การเพิ่มสารสำคัญ ธาตุอาหารพืช การยืดอายุหลังการเก็บเกี่ยว การฉายรังสี การนำนาโนเทคโนโลยีและเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้ในการผลิตเครื่องสำอาง เวชสำอาง ยา เป็นต้น ที่สำคัญ ผลิตภัณฑ์โอท็อปทุกตัวจะต้องมีมาตรฐาน GMP, HACCP, CODEX, ฮาลาล เป็นต้น

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากมติชนรายวัน