วิกฤตปาล์มราคาร่วงหนัก สต๊อกล้นประเทศ ส่งออกไม่ได้ !

ราคาปาล์มน้ำมันในประเทศร่วงหนัก หลังสต๊อกทะลัก 380,000 ตัน ส่งออกไม่ได้ จับตาช่วงพีกเดือนพฤษภาคมมีสิทธิ์ดิ่งเหว กรมการค้าภายในขึงขังบังคับให้รับซื้อน้ำมันดิบ กก.ละ 19 บาท ด้านโรงงาน B100 ชี้สต๊อกใกล้เต็ม

เกษตรกรชาวสวนปาล์มกำลังเผชิญกับภาวะราคาผลปาล์มทะลายตกต่ำลงเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ตลาดการค้าน้ำมันปาล์มโลกตกอยู่ในภาวะซบเซา ไม่ว่าจะเป็นผู้นำเข้าน้ำมันปาล์มรายใหญ่ อย่าง อินเดียปรับขึ้นภาษีนำเข้าจาก 15% เป็น 40% สหภาพยุโรปลดการใช้น้ำมันปาล์มจากการแก้ไขกฎหมายทางด้านพลังงานทดแทน มีผลทำให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาเหลือ กก.ละ 19.50 บาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ กก.ละ 26 บาท ถือเป็นราคาน้ำมันที่ต่ำที่สุดในรอบ 20 ปี

ปาล์มราคาร่วงหนัก

นายพันศักดิ์ จิตรัตน์ ประธานสภาเกษตรกร จังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ราคาผลปาล์มเทกองลดลงเหลือ กก.ละ 2.70 บาท ส่วนราคาผลปาล์มทะลาย (เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18%) อยู่ที่ กก.ละ 3.20 บาท ถือเป็นราคาต่ำสุด ขณะที่ต้นทุนเกษตรกรอยู่ที่ กก.ละ 3.70 บาท “สถานการณ์ปาล์มแย่มาก จนชาวสวนปาล์มน้ำมันต้องรวมตัวกันที่สุราษฎร์ธานีและยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีไปยังนายกรัฐมนตรี ขอให้เจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขปัญหาด่วน เพราะเกษตรกรพยายามทำปาล์มคุณภาพดีเพื่อยกระดับราคาแล้ว”

ล่าสุด คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ได้ประชุมเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยมีการรายงานตัวเลขผลผลิตปาล์มน้ำมันปี 2561 น่าจะมีปริมาณ 15.18 ล้านตัน หรือมากกว่าปีที่ผ่านมาที่มีผลผลิตอยู่ที่ ประมาณ 14.24 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7

“จากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันทั้งหมด 15.18 ล้านตัน ทำให้เรามีปริมาณน้ำมันปาล์มดิบ 2.67 ล้านตัน เมื่อรวมกับสต๊อกคงเหลือที่สูงถึง 480,000 ตัน เท่ากับปีนี้ไทยจะมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบทั้งหมด 3.15 ล้านตัน หักความต้องการใช้ภายในประเทศที่ 2.34 ล้านตัน ก็จะเหลือปริมาณสต๊อกสำรองในระดับสูงถึง 810,000 ตัน จากปริมาณสต๊อกสำรองปรกติที่ควรจะอยู่ไม่เกิน 250,000 ตัน” นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าว

โดยประเด็นปัญหาสำคัญขนาดนี้ก็คือ จะทำอย่างไร กับปริมาณสต๊อกคงเหลือน้ำมันปาล์มดิบในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นมาก ซึ่งตามปรกติจะมีทางเดียวก็คือ การส่งออกไปต่างประเทศ แต่ขณะนี้ก็ไม่สามารถส่งออกได้มากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันปาล์มดิบตกต่ำ ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบไทย “ใกล้กับ” ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียมาก โดยจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบไป 86,430 ตัน เดือนกุมภาพันธ์ส่งออกได้ 66,000 ตัน และคาดการณ์เดือนมีนาคมจะส่งออกได้แค่ 39,000 ตัน เท่านั้น

คน. ให้ซื้อน้ำมันดิบ 19 บาท

ด้าน นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา กรมการค้าภายใน ได้หารือผู้ประกอบการเพื่อแก้ไขปัญหาปริมาณน้ำมันปาล์มส่วนเกิน ส่งผลให้ราคาปาล์มภายในประเทศลดลง โดยที่ประชุมมีมติให้ประกาศราคารับซื้อน้ำมันปาล์มดิบกำหนดให้โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม-ผู้ผลิตไบโอดีเซล (บี100)-ผู้ประกอบการซื้อหรือขายน้ำมันปาล์ม (trader หรือ broker) -ผู้ซื้อน้ำมันปาล์มดิบทั่วไป ต้องรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่ส่งมอบ ณ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ในราคาไม่ต่ำกว่า กก.ละ 19.00 บาท (ทบทวนราคาทุก 2 สัปดาห์) “หากพบว่า ผู้ประกอบการรับซื้อต่ำกว่าราคาที่กำหนด อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตาม มาตรา 29 พ.ร.บ. ราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายบุณยฤทธิ์ กล่าว

แหล่งข่าวจากวงการค้าปาล์มน้ำมันให้ความเห็นถึงการ “บังคับ” ให้ผู้ประกอบการต้องรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่ กก.ละ 19 บาท ว่า “เป็นเรื่องแปลก” เนื่องจากที่ผ่านมาจะ ใช้คำว่า “ราคาแนะนำ” เท่ากับว่า กรมการค้าภายในกำลังพยายามให้ราคาน้ำมันปาล์มดิบเป็นสินค้าควบคุมราคา แต่อย่างใดก็ตามต้องดูประกาศของคณะกรรมการกลางกำหนดราคาสินค้าก่อนว่า จะเขียนออกมาอย่างไร (ประกาศกำหนดราคาผลปาล์มและราคา CPO) จากที่ก่อนหน้านี้มีเพียงประกาศ กกร. ฉบับที่ 47 พ.ศ. 2561 เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการรับซื้อ และการแสดงราคารับซื้อ สินค้าและผลปาล์มน้ำมันตามอัตราน้ำมันตั้งแต่เปอร์เซ็นต์น้ำมัน 18, 19, 20, 21 และ 22 โดยให้ปรับราคาเพิ่มขึ้น กก.ละ 0.30 บาท ทุก 1% พร้อมทั้งให้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ ณ สถานที่และจุดรับซื้อเท่านั้น

ช่วยไม่ได้ B100 สต๊อกเต็ม

ด้านแหล่งข่าวจากกลุ่มโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ กล่าวว่า ปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง ประมาณ 380,000 ตัน จากที่เคยพุ่งขึ้นสูงในระดับ 400,000 ตัน

และลดลงมาจากการส่งออกไปได้บ้างในช่วงจังหวะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบของไทย “ต่ำกว่า” มาเลเซีย โดยปริมาณสต๊อกลงเหลือที่สูงมากประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบตลาดโลกตกต่ำจะส่งผลกดราคารับซื้อผลปาล์มสดของเกษตรกร และภาวะแบบนี้จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตปาล์มในประเทศออกสู่ตลาดสูงสุดหากยังไม่สามารถระบายสต๊อกคงเหลือออกไปได้

“ยอมรับว่า ช่วงปีนี้ผลปาล์มของเกษตรกรออกสู่ตลาดมากเป็นประวัติการณ์ ที่ผ่านมาโรงสกัดน้ำมันปาล์มต้องเปิดหีบตลอดเวลา โดยผลปาล์มทะลายที่ออกมาจะเป็นผลปาล์มที่ปลูกรุ่นใหม่ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันน้อย ส่วนผลปาล์มรุ่นเก่าจะออกช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตอนนั้นสถานการณ์ราคาจะแย่ยิ่งกว่านี้อีก”

ส่วนกรณีที่จะบังคับให้ผู้ค้าน้ำมันตาม มาตรา 7 รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบที่ กก.ละ 19 บาท เพื่อผลิตเป็น B100 นั้น
“ก็เป็นเรื่องยาก” เนื่องจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ผู้ค้าน้ำมันตาม มาตรา 7 เก็บสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบไว้แล้ว 54,169 ตัน หรือคิดเป็น ร้อยละ 90 ของปริมาณสต๊อกสูงสุดที่จัดเก็บได้ในระบบ (60,256 ตัน)

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์