กรมส่งเสริมสหกรณ์เตรียมพร้อมสหกรณ์การเกษตรร่วมโครงการผลิตปุ๋ยสั่งตัด

แนะต้องมีการวิเคราะห์ค่าดินและผลิตปุ๋ยให้มีธาตุอาหารเหมาะสมกับสภาพแต่ละพื้นที่เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุน

กรมส่งเสริมสหกรณ์หนุนสหกรณ์การเกษตรร่วมโครงการผลิตปุ๋ยสั่งตัดตามนโยบายรัฐบาล เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร แนะสหกรณ์เป็นตัวกลางรับตัวอย่างดินจากสมาชิกส่งให้กรมพัฒนาที่ดินวิเคราะห์ ธาตุอาหารในดิน ก่อนจะจัดทำฐานข้อมูลสำรวจความต้องการใช้ปุ๋ยจากสมาชิกเพื่อเตรียมผลิตปุ๋ยให้ตรงกับความต้องการและเติมธาตุอาหารของดินให้สมบูรณ์ คาดจะช่วยลดต้นทุนต่อไร่ไม่น้อยกว่า 500 บาท เตรียมจัดประชุม Video Conference ชี้แจงรายละเอียดโครงการให้สหกรณ์ทั่วประเทศ     รับทราบ วันที่ 5 มิถุนายน นี้

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า ตามที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์      รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินโครงการการผลิตและจัดทำปุ๋ย  สั่งตัดเพื่อลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกร โดยดำเนินการผ่านสถาบันการเกษตรนั้น โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์เป็นเจ้าภาพหลักในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเชิญชวนสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ จัดทำฐานข้อมูลสมาชิกว่ามีปริมาณความต้องการใช้ปุ๋ยมากน้อยเพียงใด โดยให้สมาชิกเก็บตัวอย่างดินในไร่ นา หรือสวนของตนเอง เพื่อนำมาบริการตรวจดิน เพื่อหาธาตุอาหาร N-P-K รวมทั้ง คำแนะนำการใช้ปุ๋ยที่สหกรณ์ สหกรณ์จะให้บริการตรวจดิน (ข้าว ข้าวโพด ใช้ KU Soil Test Kit) และแนะนำการใช้ “ปุ๋ยสั่งตัด” ในกรณีข้าว และข้าวโพด โดยใช้ข้อมูลชุดดินร่วมกับค่าวิเคราะห์ดิน ส่วนพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ใช้คำแนะนำปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินจากกรมพัฒนาที่ดิน เป็นต้น ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตให้กับสมาชิกได้มากขึ้น และส่งผลทำให้พื้นที่เพาะปลูก มีธาตุอาหารที่สมบูรณ์ครบถ้วน ส่งผลต่อการปลูกพืชได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งอยู่ภายใต้โครงการสนับสนุนการผลิตหรือจัดหาปุ๋ยสั่งตัดผ่านสถาบันเกษตรกร วงเงินสินเชื่อ 3,600 ล้านบาท โดยการปล่อยสินเชื่อแยกออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก เป็นสหกรณ์ภาคการเกษตรและกลุ่มเกษตรกร กำหนด  วงเงินให้เป็นไปตามศักยภาพและความจำเป็นของตนเอง ส่วนอีกกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน กำหนดวงเงินแห่งละไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย โดยเรียกเก็บจากสถาบันเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน ในอัตรา MLR-3 ต่อปี หรือคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2% ปี เท่านั้น เพื่อให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนนำไปเป็นทุนหมุนเวียนจัดหาแม่ปุ๋ย เพื่อนำมาบริการผสมปุ๋ยหรือผลิตให้ตรงตามความ ต้องการและสอดคล้องกับสภาพดินแต่ละพื้นที่ของสมาชิก

ขณะที่ระยะเวลาของการดำเนินโครงการนั้น เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 ระยะเวลาการจ่ายเงินกู้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2562 พร้อมกำหนดระยะเวลาในการชำระหนี้เป็นรายเดือน หรือรายไตรมาส หรือราย 6 เดือน หรือรายปี โดยให้ชำระหนี้คืนเสร็จไม่เกินวันที่ 30 เมษายน 2563 ซึ่งโครงการนี้มีกลุ่มเป้าหมาย คือ สถาบันเกษตรกร จำนวน 500 แห่ง แยกเป็นสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกร จำนวน 300 แห่ง และวิสาหกิจชุมชน 200  แห่งทั่วประเทศ

นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะมีประโยชน์ต่อสมาชิกสหกรณ์ที่เป็นเกษตรกรอย่างมาก โดยสมาชิกของสหกรณ์ที่ร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์คือ สามารถลดต้นทุนในการผลิตต่อไร่ลง ไม่น้อยกว่า 500 บาท ต่อไร่ และได้ปุ๋ยที่มีความเหมาะสมกับสภาพดิน ทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและส่งผลต่อปริมาณผลผลิตต่อไร่ที่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามในวันที่ 5 มิถุนายน นี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะมีการประชาสัมพันธ์ และชี้แจงโครงการผ่านระบบ Video Conference  ไปยังสำนักงานสหกรณ์จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้สถาบันเกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการได้รับทราบรายละเอียดของโครงการต่อไป