กรมส่งเสริมสหกรณ์ จับมือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปั้นนักการเงินสหกรณ์ รุ่น 3 หวังให้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและให้คำแนะนำแก่สหกรณ์

กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมมือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดอบรมนักการเงิน สหกรณ์รุ่น 3 พัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน สามารถนำความรู้ไปวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเงินของสหกรณ์ เพื่อใช้สำหรับวางแผนในการเข้าไปแนะนำส่งเสริมการดำเนินงานของสหกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ ร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดอบรมหลักสูตร “นักการเงิน” เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญด้านการเงิน        ในระบบสหกรณ์ และสามารถก้าวทันความเสี่ยงหรือวิวัฒนาการทางด้านการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะปัจจุบันสหกรณ์ออมทรัพย์มีปริมาณการทำธุรกรรมการเงินที่สูง โดยมีสินทรัพย์มากกว่า 80% เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของสหกรณ์ทั้งระบบ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ที่ต้องปฏิบัติงานและทำหน้าที่ให้คำแนะนำหรือกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และเครดิตยูเนี่ยน จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในการบริหารการเงินที่ถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ในการส่งเสริมการดำเนินงานของสหกรณ์ได้

ทั้งนี้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้จัดอบรมนักการเงินต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี 2560 จัดอบรมไปแล้ว 2 รุ่น รุ่นละ 45 คน รวม 90 คน และในปีงบประมาณ 2561 ได้จัดอบรม รุ่นที่ 3 จำนวน 50 คน ระหว่าง วันที่ 4-25 มิถุนายน 2561 ณ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตลอดระยะเวลาของการอบรมจะเน้นให้ความรู้เรื่องระบบการบัญชีการเงิน การวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านเครดิตและการบริหารความเสี่ยง การลงทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดยการวิเคราะห์ตราสารหนี้ ตลาดการเงิน การวิเคราะห์งบการเงิน การประเมินสินเชื่อและการกำกับดูแลควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงขององค์กร

“นักการเงินที่ผ่านการอบรมในครั้งนี้นับว่าเป็นอนาคตของกรมส่งเสริมสหกรณ์ หวังว่าจะเป็นกำลังหลักที่ช่วยดูแลสหกรณ์ในเรื่องการเงิน ไม่ว่าจะเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์หรือเครดิตยูเนี่ยน เพราะหลักสูตรนี้จะให้ความรู้ทั้งเรื่องของกฎหมายทางการเงิน การเงินการบัญชี และการควบคุมภายในและบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นโอกาสดี ที่บุคลากรของกรมฯ จะได้เรียนรู้และเพิ่มพูนทักษะทางการเงิน และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานได้ สิ่งที่คาดหวังคือ ผู้ที่ผ่านการอบรมนำความรู้มาใช้ประโยชน์โดยสามารถวิเคราะห์งบการเงินของสหกรณ์ได้ และประเมินได้ว่า สหกรณ์นั้นๆ มีการดำเนินงานเป็นอย่างไร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนเข้าไปส่งเสริมแนะนำสหกรณ์ของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งทุกคนต้องพัฒนา ฝึกฝนและนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานให้ได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการดำเนินงานของสหกรณ์ในอนาคตต่อไป” อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าว