“เชียงราย” ติวเข้ม พัฒนาผลิตภัณฑ์เกษตร-อาหารสู้การค้าโลก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า เมื่อเร็วๆนี้ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย เปิดเผยในการเปิดโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอาหาร และอุตสาหกรรมเกษตรเชิงนวัตกรรมปีงบประมาณ 2561 ซึ่งจัดขึ้นโดย สำนักงานอุตสาหกรรม จ.เชียงราย โดยมีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง กลุ่มวิสาหกิจชุมชนและผู้ประกอบธุรกิจอาหารและอุตสาหกรรมการเกษตรในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน เข้าร่วม ณ โรงแรมเวียงอินทร์ ริเวอร์ไซต์ รีสอร์ท จ.เชียงราย ว่า ในปัจจุบันพืชภาคเหนือมีพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคตดีหลายอย่าง โดยเฉพาะเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่องและที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง คือ “ข้าว”

ซึ่งพบว่า ภาคเหนือ มีข้าวกึ่งข้าวเหนียวคุณภาพดีมาก หากทำบรรจุภัณฑ์ดีและรักษาคุณภาพ มีแนวโน้มไปในตลาดดีแน่นอน ส่วนเรื่องชาและกาแฟนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์เฉพาะ เพราะชาให้คุณภาพดีเมื่ออยู่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 500 เมตร ขึ้นไป และกาแฟ ตั้งแต่ 1,200 เมตร ขึ้นไป ทำให้เชียงรายมีพืชเศรษฐกิจออกสู่ตลาดได้อย่างมีคุณภาพและมีความเป็นเอกลักษณ์

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องพัฒนาให้มากคือ การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ชวนให้ซื้อ ซึ่งโครงการนี้สามารถช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการได้ดี และสิ่งสำคัญอีกประการคือ การเป็นอาหารปลอดภัยที่ทาง จ.เชียงราย สนับสนุนมาโดยตลอด เนื่องจากในปัจจุบันสู้สินค้าอุตสหากรรมขนาดใหญ่ไม่ได้ ส่วนอุตสาหกรรมขนาดกลาง เช่น ผ้า ฯลฯ ก็ต้องสู้กับประเทศใหม่ๆ เช่น บังกลาเทศ กัมพูชา หรือในแอฟริกา ฯลฯ ที่มีต้นทุนต่ำกว่าไม่ได้ แต่สิ่งที่ประเทศไทยมีแต่ประเทศอื่นไม่มีคือ“อาหาร สมุนไพร และการบริการ” ซึ่งคนไทยสามารถทำได้ดีมาก มีเกษตรกรกว่า 60% แต่มีมูลค่าจากผลผลิตเพียงแค่ 20-30% ดังนั้น จึงเป็นโอกาสในการพัฒนาเพื่อนำเอกลักษณ์เฉพาะนี้ไปสู่การพัฒนาเพื่อสู้ในตลาดโลกต่อไป

นางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรม จ.เชียงราย กล่าวว่า โครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้สามารถขยายโอกาสด้านตลาดได้อย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ให้เป็นที่ยอมรับหรือทัดเทียมกับนานาประเทศ นอกจากนี้ ยังเพื่อสร้างเครือข่ายในภาคเหนือตอนบน 2 คือเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน ให้มีความเข้มแข็งอีกด้วย

โดยกิจกรรมในโครงการจะมี 6 กิจกรรม คือกิจกรรมสร้างเครือข่ายให้กลุ่มเป้าหมาย จังหวัดละ 20 คนรวมทั้งหมด 100 ราย กิจกรรมอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดทำตราสินค้าเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ ข้าว ชา และกาแฟ ให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และการสร้างศักยภาพด้านการตลาดหลังกิจกรรมจะมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาใหม่ให้มีศักยภาพไม่ต่ำกว่า 40 ผลิตภัณฑ์

นางกฤษนันท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมศึกษาดูงาน กิจกรรมแข่งขันในหัวข้อ “IdeaProducts” กิจกรรมจัดแสดงสินค้า และกิจกรรมพบปะระหว่างสถาบันการศึกษาและผู้ประกอบการ โครงการเริ่มตั้งแต่ เดือน พ.ค.-ก.ย.นี้ รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน สำหรับกิจกรรมที่โรงแรมฯ ครั้งนี้เป็นกิจกรรมอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการ ซึ่งจะดำเนินการ ตั้งแต่ วันที่ 12-15 มิ.ย. โดยมีอาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ภาครัฐ และภาคเอกชน ไปถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วย

 

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์