‘เพชรบูรณ์’ ช่วยชาวไร่ ประสานท้องถิ่นช่วยซื้อสับปะรด กิโลละ 4 บาท เกษตรกรพอใจช่วยต่อชีวิต

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่บริเวณสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ อ.เมืองเพชรบูรณ์ และหน้าที่ว่าการอำเภอหล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ กลุ่มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในเขต อ.น้ำหนาว นำสับปะรดจำนวน 12 คันรถปิกอัพ รวม 46 ตัน แยกจัดส่งให้แก่ส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขต อ.เมือง และ อ.หล่มสัก ตามแผนทางจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัด พร้อม กอ.รมน. เพชรบูรณ์ และ มทบ. 36 รวมทั้ง ม.พัน 28 ซึ่งได้ยื่นมือช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในเขตพื้นที่ อ.น้ำหนาว หลังจากเกษตรกรร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ขอให้ช่วยอุ้มเกษตรกรชาวไร่สับปะรดหลังประสบภาวะราคาตกต่ำ หากส่งขายให้โรงงานจะประสบภาวะขาดทุนหนัก จึงขอให้หาช่องทางหรือตลาดเพื่อช่วยระบายสับปะรดที่ตกค้างอยู่ในมือเกษตรกร ราว 50 ตัน โดยเร่งด่วน ก่อนผลผลิตส่วนนี้จะเน่าเสียก่อน จนส่งผลให้เกษตรกรต้องขาดทุนรอนที่จะลงทุนต่อไป

นายสุพล ศรีทับทิม พาณิชย์จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า สับปะรดในส่วนนี้เป็นแผนการระบายอย่างเร่งด่วน เพราะหากยังตกค้างอยู่ในมือของเกษตรกรก็จะเน่าเสีย ทางจังหวัดเพชรบูรณ์จึงประสานขอความร่วมมือไปยังส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในเขต อ.เมือง และ อ.หล่มสัก ให้สนับสนุนช่วยซื้อสับปะรดจากเกษตรกร กิโลกรัมละ 4 บาท ส่วนสับปะรดส่วนที่เหลืออยู่ในแผนที่ทางจังหวัดจะยื่นมือช่วยเหลือในโอกาสต่อไป ก่อนหน้านี้ทางภาคราชการก็ยื่นมือช่วยเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในเขต อ.เขาค้อ มาอย่างต่อเนื่อง โดยการหาตลาดช่วยเร่งระบายให้ ไม่ว่าจะผ่านทางโครงการประชารัฐหรือภาคองค์กรธุรกิจเอกชนภายในจังหวัด รวมทั้งยังหาจุดขายโดยตรงให้แก่เกษตรกร จนสามารถระบายสับปะรดโดยภาพรวมกว่า 100 ตัน แล้ว

อย่างไรก็ตาม ด้านเกษตรกรชาวไร่สับปะรด ต่างแสดงความพอใจและแสดงความขอบคุณ ต่อมาตรการให้ความช่วยเหลือของทางภาคราชการ โดยเฉพาะ นายอร่าม ทองสวยรูป แกนนำเกษตรกรชาวไร่สับปะรดในเขต อ.น้ำหนาว กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ยื่นมือช่วยเหลือ เหมือนเป็นการให้น้ำเกลือช่วยยื้อชีวิตให้แก่เกษตรกร จากสภาวะสับปะรดราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ปัจจุบัน ยังมีผลผลิตอีกหลายร้อยตันที่จะออกสู่ตลาด ก็หวังว่ากลไกการตลาดจะทำงาน จนทำให้ทางโรงงานออกมารับซื้อผลผลิตตามปกติ

 

ที่มา : มติชนออนไลน์