ปลดล็อก 5 ธุรกิจต่างด้าว ทั้งบัญชี-ที่ปรึกษากฎหมาย-กู้ยืมเงิน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเตรียมปลดล็อก 5 ธุรกิจให้ต่างด้าวทำได้ ไม่ต้องยื่น ขออนุญาตกับพาณิชย์ แต่บริการส่งไปรษณียภัณฑ์เร่งด่วนยังห้ามอยู่ คนไทยยังไม่พร้อมรับมือ ส่วนที่ชาวต่างประเทศอาศัยช่องโหว่กฎหมายให้คนไทยเป็นนอมินี ตั้งบริษัท ส่งดีเอสไอตรวจสอบเชิงลึก

นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาทบทวนประเภทธุรกิจตามบัญชีแนบท้าย (บัญชี 3) ของพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ใน 5 ธุรกิจ ประกอบด้วย ธุรกิจบริการด้านการบัญชี ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายให้กับบริษัทในเครือ ธุรกิจบริการด้านกฎหมาย ธุรกิจบริการให้เช่าพื้นที่และสาธารณูปโภค และธุรกิจบริการให้กู้ยืมเงินให้กับบริษัทในเครือ ให้สามารถประกอบธุรกิจได้เลย

เดิมธุรกิจเหล่านี้ต้องมาขออนุญาตกับกระทรวงพาณิชย์ (พณ.) โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือสภาวิชาชีพบัญชี สภาทนายความ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่ามีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่างไร เท่าที่ทราบหน่วยงานที่สอบถามไปก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรกรมก็จะต้องเสนอให้กับคณะกรรมการการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งหากที่ประชุมมีมติเห็นด้วย   ขั้นตอนต่อไปก็เสนอให้รมว.พาณิชย์ เพื่อเสนอให้ ครม.พิจารณาต่อไป
สำหรับกรณีที่มีข่าวว่ากรมจะถอดธุรกิจบริการส่งไปรษณียภัณฑ์เร่งด่วน ในบัญชีแนบท้าย เพื่อรองรับธุรกิจโลจิสติกส์ โดยจะเปิดให้คนต่างด้าวมาทำธุรกิจนี้ได้นั้น ล่าสุดยังคงห้ามคนต่างด้าวทำ เนื่องจากคนไทยยังไม่พร้อม
ส่วนอาชีพสงวนที่ห้ามคนต่างด้าวทำ ตามพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 นั้น ที่ทางกระทรวงแรงงงานเสนอว่าอาชีพใดที่ให้คนต่างด้าวทำได้นั้น ซึ่งทางกระทรวงแรงงานได้มีการทบทวนให้ 10 อาชีพที่เปิดให้คนต่างด้าวทำได้ โดยใน 10 อาชีพนี้มีงานในอาชีพการควบคุมและการทำบัญชีรวมไปด้วย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงกรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ เพื่อหาข้อสรุปให้กับกรมการจัด หางาน กระทรวงแรงงาน เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการของคนต่างด้าวต่อไป
นางกุลณี กล่าวว่า ขณะนี้กรมได้ตรวจสอบชาวต่างชาติที่อาศัย ช่องโหว่ของกฎหมาย ในการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยให้คนไทยเข้ามาถือหุ้นแทน (นอมินี) ด้วยการตั้งเป็นนิติบุคคลเพื่อประกอบธุรกิจในประเทศไทย พบว่าปีนี้มีจำนวน 2 ราย โดยเป็นธุรกิจร้านอาหารและเช่ารถ ซึ่งอยู่ในจังหวัด   ท่องเที่ยวในภาคใต้ โดยทางกรมได้ส่งข้อมูลดังกล่าวไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบในเชิงลึกเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด