เกษตรกรพร้อมเข้ายึดเองพื้นที่ 6 พันไร่

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จังหวัดชุมพรว่า กรณีเครือข่ายเกษตรกรผู้เดือดร้อนไม่มีที่ทำกินจังหวัดชุมพร ประมาณ 200 คน เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรไม่มีที่ทำกิน สรุปได้ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งที่ 36/2559 เรื่อง มาตรการในการแก้ปัญหาการครอบครองที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมโดยมิชอบกฎหมาย ต่อมาสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จังหวัดชุมพร ได้ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวที่แปลงหมายเลข No.83 เนื้อที่ประมาณ 6,400 ไร่

ครอบครองโดย บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด และต่อมา ส.ป.ก.ชุมพร แจ้งให้บริษัทดังกล่าวออกจากพื้นที่ตั้งแต่ปี 2559 แต่ปัจจุบันยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ ส่วน ส.ป.ก.ยังไม่เข้ายึดพื้นที่เพื่อนำที่ดินมาจัดสรรให้เกษตรกร ทางเครือข่ายจึงรวมตัวยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้ ส.ป.ก.เข้ายึดพื้นที่คืน หากยังไม่ดำเนินการจะร่วมกันเข้ายึดและควบคุมพื้นที่เอง

ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีคำสั่งให้เลขาธิการ ส.ป.ก. มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและปฏิรูปที่ดินจังหวัดชุมพร ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ส.ป.ก.และตามคำสั่ง คสช.ที่ 36/2559 เรียกคืนที่ดินจาก บริษัท สหไทยน้ำมันพืช จำกัด จำนวน 6,083-0-67 ไร่ ที่หมดอายุสัมปทานจากรมป่าไม้แต่ปี 2552 นำมาจัดให้เกษตรกรตามกฎหมาย และแนวทางของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และเพื่อเป็นการแก้ไข หนังสือของเลขาธิการ ส.ป.ก. ด่วนที่สุด  ที่ กษ.1204/4157 ลงวันที่ลงวันที่ 5 มิถุนายน 2561 ที่ให้จังหวัดชุมพรและ ส.ป.ก.จังหวัดชุมพร ชะลอดำเนินการเอาไว้ก่อน เมื่อได้รายละเอียดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความไว้ชัดเจนแล้วว่าเป็นที่ดินของ ส.ป.ก.ตามประกาศ ส.ป.ก.ที่ 8/2559 เรื่องกำหนดพื้นที่เป้าหมายการดำเนินการกับผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ลงวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 จึงสั่งการให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ส่งหนังสือฉบับใหม่ให้จังหวัดชุมพรดำเนินการตามกฎหมายทันที

นายกฤษฏ์ แก้วรักษ์ นายก อบต.ท่าข้าม อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ในฐานะแกนนำเครือข่ายเกษตรกรผู้เดือดร้อนไม่มีที่ทำกินจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ทางบริษัทได้ติดป้ายมีข้อความว่า “ที่ดินแปลงนี้เป็นเขตความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ บริษัทสหไทยฯ ได้ครอบครองและทำประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย” ชาวบ้านสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้ ส.ป.ก.นำป้ายออก หากไม่ดำเนินการจะฟ้องร้องในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และชาวบ้านก็จะให้เวลาอีก 7 วัน จากนั้นในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ ผู้เดือดร้อนจะเดินทางไปติดตามเรื่องที่หน้า อำเภอท่าแซะ อีกครั้ง

ที่มา : ขอบคุณข้อมูลจากข่าวสด