เอสเอ็มอี แบงก์ ปรับเกณฑ์สินเชื่อแปรรูปสับปะรด

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอี แบงก์ กล่าวว่า ธนาคารดำเนินการปรับเกณฑ์การให้สินเชื่อเพื่อการเก็บตุน วัตถุดิบเกษตร สินค้าเกษตรแปรรูป จากไม่เกิน 3 เท่า ของยอดขายต่อเดือน เป็น 9 เท่า ของยอดขายต่อเดือน เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี กลุ่มโรงงานอาหารแปรรูป สินค้าเกษตรแปรรูป และห้องเย็น มีเงินทุนมากยิ่งขึ้น สำหรับนำไปซื้อวัตถุดิบเกษตรต่างๆ ที่ล้นตลาด โดยเฉพาะสับปะรดและกล้วย ช่วยพยุงราคาสินค้า ลดปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากเกินไป และเพิ่มโอกาสการระบายสินค้าแก่เกษตรกร ขณะเดียวกันช่วยให้ผู้ประกอบการ เอสเอ็มอี ที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบการเกษตรจำนวนมากๆ ได้ซื้อวัตถุดิบคุณภาพดีในราคาถูก เป็นการลดต้นทุน และยังมีวัตถุดิบเก็บตุนไว้แปรรูปจำนวนมาก ช่วยให้ธุรกิจไม่สะดุด

ทั้งนี้ สินเชื่อที่ธนาคารปรับเกณฑ์เป็นกลุ่มสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ได้แก่ สินเชื่อเถ้าแก่ 4.0 สำหรับนิติบุคคล คิดอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา 7 ปี ไม่ต้องใช้หลักประกัน เปิดโอกาสให้รายย่อยที่มีปัญหาทางการเงินสามารถกู้ได้ แม้เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือผ่อนชำระไม่ต่อเนื่องมาก็ตาม โดยให้ชำระแต่ดอกเบี้ยอย่างเดียว ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุด 3 ปี ผ่อนชำระเพียง 410 บาท ต่อวัน และสินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว สำหรับกลุ่มบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลประเภทธุรกิจเกษตรแปรรูป ธุรกิจท่องเที่ยวชุมชนและเชื่อมโยงต่อเนื่องรวมทั้งผู้ประกอบการใหม่มีนวัตกรรม ธุรกิจผลิต หรือบริการต่างๆ ในชุมชนจะพาเข้าใช้บริการ คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 3% คงที่ 3 ปีแรก ผ่อนนาน 7 ปี ไม่มีหลักประกัน สามารถใช้บสย. ค้ำประกันฟรี 4 ปีแรก โดยกู้ 1 ล้านบาท ผ่อนเพียง 460 บาท ต่อวันเท่านั้น โดยการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะมุ่งใช้เกณฑ์กับคุณสมบัติเป็นหลักสำคัญซึ่งจะทำให้การพิจารณาเกิดความเท่าเทียม และรวดเร็ว สามารถรู้ผลการพิจารณาได้ในเวลาเพียง 7 วัน เท่านั้น

“เกษตรกรที่เดิมเคยแต่ปลูกและขายวัตถุดิบเท่านั้น หากต้องการยกระดับธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป หรือต่อยอดทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงเกษตร สามารถเข้ามาใช้บริการสินเชื่อดังกล่าวข้างต้นได้เช่นกัน ระยะยาวจะช่วยให้เกิดความยั่งยืน เพราะสามารถทำธุรกิจด้านเกษตรได้ครบวงจร เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เพราะสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้า ขยายตลาดได้กว้างไกลทั้งในและต่างประเทศ ที่สำคัญหลีกเลี่ยงปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ”นายมงคล กล่าว

ที่มา : มติชนออนไลน์