ผู้เขียน | บุญฤทธิ์ เผือกวัฒนะ |
---|---|
เผยแพร่ |
ปี 2561 นับแต่ต้นปีเป็นต้นมา สภาวการณ์ทางธรรมชาติ ฝนฟ้า อากาศ มีความแปรปรวน โดยเฉพาะในภาคเหนือตอนบนบางพื้นที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดเป็นเวลานาน อากาศร้อนถึงร้อนจัดในวันเดียวกัน เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ ถึงเดือนพฤษภาคม มีฝนตกหลายครั้งจากพายุฤดูร้อน อุณหภูมิของแต่ละวันมีความแตกต่างกันมาก ช่วงเช้าอุณหภูมิอยู่ที่ 23-24 องศาเซลเซียส แต่พอตกบ่ายอุณหภูมิสูงขึ้นไปอยู่ที่ 38-40 องศาเซลเซียส ลักษณะอากาศเช่นนี้แม้แต่พืชอย่างไม้ผลย่อมได้รับผลกระทบ ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด มีการแสดงอาการและพฤติกรรมจนถึงการเปลี่ยนแปลงการออกดอกติดผล ไม่ติดผล หรือให้ผลผลิตล่าฤดูไป และต้นหนึ่งๆ ก็ติดผลหลายรุ่น
หลังจากวันพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ก็จะย่างเข้าสู่ฤดูกาลทำการเกษตรกันแล้ว ผมขอเชิญชวนให้เพื่อนๆ ชาวเกษตรกรให้ความสำคัญกับการเตรียมผืนแผ่นดินให้พร้อมก่อนลงหลักปักพืชที่จะปลูก ปฏิบัติการให้ดินมีชีวิต มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อให้พืชมีการเจริญเติบโตได้ผลผลิตหล่อเลี้ยงผู้คน ถ้าจะให้ดี…ขุดดิน ส่งวิเคราะห์หาค่าความเป็นกรดเป็นด่าง หรือค่า pH และหาปริมาณธาตุอาหารในดินเสียก่อนก็จะดีมากๆ
ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ ผมขออ้างอิงข้อมูลทางวิชาการเกษตรว่า จะต้องมีองค์ประกอบของธาตุอาหาร (อนินทรียสาร) ร้อยละ 45 อากาศ ร้อยละ 25 น้ำหรือสารละลาย ร้อยละ 25 และมีอินทรียวัตถุ ร้อยละ 5
การตรวจสอบพิสูจน์หาค่าเป็นตัวเลขร้อยละของส่วนประกอบของดินในแปลงปลูก อาจต้องใช้การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ แต่เกษตรกรอย่างเราๆ ท่านๆ ต้องพยายามปรับวิธีการในการตรวจสอบวิเคราะห์ดินให้ได้ด้วยตนเองโดยขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่รัฐ
ผมขอเน้นที่การปรับปรุงดินให้มีอินทรียวัตถุนะครับ เพราะเป็นปัญหาใหญ่ของคุณภาพดินทั้งประเทศ ต้องลงทุนสร้างชีวิตให้แผ่นดินครับ อากาศและน้ำ ไม่ต้องหาซื้อ ธาตุอาหารในดินก็มีแต่อาจไม่เพียงพอสำหรับพืชบางชนิด ต้องหาซื้อมาใส่บ้าง อินทรียวัตถุในดินก็มีแต่น้อยมาก ต้องผลิตและเติมลงไปในดินให้มากๆ ครับ เพื่อเพิ่มจุลินทรีย์ให้ไปช่วยปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่พืช เพราะพืชดูดซับธาตุอาหารไปใช้ให้ผลผลิตแก่เราทุกปี ธาตุอาหารย่อมไปหมด
ฉบับนี้ผมขอนำเสนอสารปรับปรุงดินชนิดหนึ่งที่อยู่ใต้ผืนดิน เป็นทรัพย์ในดิน ถ้านำมาใช้ในการเกษตร จะช่วยส่งเสริมให้ดินมีอินทรียวัตถุในปริมาณมากขึ้น สารปรับปรุงดินที่จะนำมาเสนอ เรียกว่า “ฮิวมัส” พลังชีวิตของแผ่นดิน
ผมได้อ่านบทความจากหนังสือคู่มือการพัฒนาที่ดินสำหรับหมอดินอาสาและเกษตรกร ของกรมพัฒนาที่ดิน ความตอนหนึ่งเขียนไว้ว่า อินทรียวัตถุในดินประกอบด้วย อินทรียสารหลายชนิด คือ พวกสารประกอบอินทรีย์ไนโตรเจน สารประกอบอินทรีย์ฟอสฟอรัส สารประกอบอินทรีย์กำมะถัน เป็นต้น และเมื่ออินทรียวัตถุสลายตัวโดยจุลินทรีย์ถึงขั้นสุดท้ายจะได้ ฮิวมัส ฮิวมัส…นี้ ไม่ใช่สารที่คงทนถาวร จุลินทรีย์ดินทำให้สลายตัวได้เช่นเดียวกับอินทรียสารอื่นที่มีอยู่ในดิน แต่อัตราการสลายตัวจะช้ากว่าการสลายตัวของอินทรียสารที่เป็นต้นกำเนิดของฮิวมัส ฮิวมัส…สามารถดูดซึมน้ำได้ดี และมีบทบาทสำคัญต่อการยึดกันของอนุภาคดินเป็นเม็ด
และข้อมูลต่อไปนี้เป็นระดับอินทรียวัตถุในดิน รับรู้ไว้ก็ดีครับ ไว้เทียบเคียงกับปริมาณอินทรียวัตถุในดินที่แปลงปลูกของเรา หรือเมื่อนำดินไปตรวจวิเคราะห์แล้ว ดังนี้
ศาสตราจารย์ ดร. สุภามาศ พนิชศักดิ์พัฒนา อาจารย์ภาควิชาปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้กล่าวบรรยายไว้อย่างน่าสนใจว่า ประเทศไทยมีพื้นที่การเกษตรที่มีปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ระดับ 1.5-3.5 อยู่ร้อยละ 34 ระดับต่ำกว่า 1.5 มีร้อยละ 31 โดยภาพรวมแล้วมีอินทรียวัตถุระดับไม่ถึง 3.5 อยู่ถึงร้อยละ 65 และที่สำคัญท่านกล่าวว่าถ้าอินทรียวัตถุในดินลดลง ร้อยละ 2 แม้เราจะใส่ปุ๋ยเคมีลงไปในดินเท่าไร ก็ไม่บังเกิดผล ท่านจึงได้เชิญชวนให้นักวิชาการคิดค้นนวัตกรรมที่จะคืนอินทรียวัตถุให้แก่ดิน
แสดงว่า ฮิวมัส มีอิทธิพลต่อระดับอินทรียวัตถุในดินเป็นอย่างมาก ลักษณะสำคัญที่มีอิทธิพลทางเคมีเป็นคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มีให้ศึกษาทางสื่อออนไลน์ครับ หากท่านศึกษาไว้ก็ดีเป็นการพัฒนาความรู้ที่ต้องใช้ประกอบในวิชาชีพเกษตร ผมต้องการแนะนำให้ท่านได้นำฮิวมัสที่นักวิชาการเกษตรยืนยันว่าสามารถช่วยปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยนำไปใช้ในแปลงปลูกพืช
“ฮิวมัส” คืออะไร
ฮิวมัส (Humus) คำนี้มาจากภาษาละติน แปลว่าดินหรืออินทรียวัตถุ
ตามพจนานุกรมศัพท์วิทยาศาสตร์ ฮิวมัส – ซากพืชและซากสัตว์ที่เน่าเปื่อยผุพัง ทับถมกัน ปะปนอยู่ในดิน ทำให้ดินมีแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์เหมาะแก่การเพาะปลูก
ในทางวิชาการเกษตร ฮิวมัส คือ อินทรียวัตถุที่มีโครงสร้างสลับซับซ้อน โดยสลายตัวปะปนอยู่ในดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์เกิดจากการย่อยสลายของซากพืช ซากสัตว์ โดยกิจกรรมของจุลินทรีย์ซึ่งสังเคราะห์ได้สารประกอบอินทรีย์จำนวนมาก กรดอะมิโน โปรตีน และอะโรมาติก และจะเกิดการรวมตัวของสารประกอบอินทรีย์หลังจากที่จุลินทรีย์ตายลงและทับถมกันเป็นเวลานานกลายเป็นฮิวมัสในดิน ส่วนประกอบของฮิวมัสประกอบด้วยสารผลิตภัณฑ์หลายประเภทโดยขึ้นอยู่กับชนิดของอินทรียวัตถุ ต้นกำเนิดตามธรรมชาติเกิดจากการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิตในดิน รวมทั้งการแปรสภาพของสารผลิตภัณฑ์และการสังเคราะห์สารขึ้นมาใหม่
ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) ใช้ถ่านหินลิกไนต์เป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้า ฮิวมัส…จะอยู่ในเหมืองลิกไนต์ ซึ่งอยู่ลึกในชั้นดิน แต่ก่อนที่จะขุดถึงชั้นถ่านหิน จะเป็นชั้นของแร่ลิโอนาร์ไดต์ (Leonardite) ที่เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ตามธรรมชาติเป็นเวลาหลายล้านปี ซึ่งแร่ลีโอนาร์ไดต์นี้ นำมาใช้เป็นส่วนผสมสารตั้งต้นหลักในการผลิตสารปรับปรุงดินฮิวมัสที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืช
มีงานวิจัยอยู่ชิ้นหนึ่งของ คุณสุชาดา โภชาคม และคณะมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ศึกษาลักษณะทางเคมีของลีโอนาร์ไดต์ จากเหมืองแร่ลิกไนต์ พบว่า มีปริมาณอินทรียวัตถุถึงร้อยละ 24.4 มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืชเป็นองค์ประกอบอยู่หลายธาตุและบางธาตุมีในปริมาณสูง โดยเฉพาะแคลเซียม แมกนีเซียม และกำมะถัน องค์ประกอบของลีโอนาร์ไดต์ มีสารฮิวมัสสูงกับธาตุอาหารและมีบทบาทในการเพิ่มค่าอินทรียวัตถุและไนโตรเจนให้กับดินที่ใส่ หากนำไปใช้ทางการเกษตรสามารถพัฒนาเป็นวัสดุปรับปรุงสมบัติทางกายภาพของดิน เนื่องจากมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืช
เพื่อให้เห็นสภาพจริงของ “ฮิวมัส” ผมเดินทางไปอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เพราะได้ข้อมูลจากสำนักงานเกษตรอำเภอแม่เมาะ ว่าที่อำเภอแม่เมาะ มีเกษตรกรกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันผลิต “ฮิวมัส” ให้แก่เกษตรกรในพื้นที่นำไปทดลองใช้ในแปลงเกษตร และมีการติดตามผลว่าเกิดผลอย่างไรกับพืช เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจึงลงมือผลิตเพื่อขายให้แก่เกษตรกรอื่นทั้งในและนอกพื้นที่ และกลุ่มได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ดำเนินการผลิตมาจนถึงปัจจุบัน
คุณวราภรณ์ ยารังษี หรือ คุณน้ำอ้อย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 272 หมู่ที่ 8 บ้านเมาะหลวง อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โทร 095-687-8444 ได้เล่าย้อนอดีตถึงความเป็นมาก่อนที่จะมาเป็นตัวตั้งตัวตีในการรวมกลุ่มผลิตฮิวมัส ว่า เคยเห็นวัตถุดิบเศษถ่านหินมาตั้งแต่เด็กๆ เมื่อครั้งที่คุณพ่อทำงานอยู่ในเหมืองลิกไนต์แม่เมาะ แต่ขณะนั้นยังไม่รู้ว่านั่นคือ ฮิวมัส หรือลีโอนาร์ไดต์ หลังจากไปร่ำไปเรียนถึงกรุงเทพฯ จบการศึกษามาก็ไปช่วยพี่สาวทำการเกษตรที่อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก และได้นำฮิวมัสไปทดลองใช้กับแปลงเกษตรของเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพด ซึ่งมีการใช้สารเคมีกันอย่างมโหฬาร จนในที่สุดเมื่อใช้ฮิวมัส (ยังไม่ได้แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ฮิวมัส) ได้ผลผลิตดีกว่าแต่ก่อน โครงสร้างดินดีขึ้น จึงเป็นแรงผลักดันสำนึกรักบ้านเกิด ก็ในเมื่อใต้ผืนดินบ้านเกิดตัวเองมีทรัพย์ในดินมากมาย ที่ควรรักษาทรัพยากรท้องถิ่นให้มีความยั่งยืน จึงมาเริ่มตั้งต้นรวบรวมเกษตรกรขอจดทะเบียนวิสาหกิจชุมชน ซึ่งตนมีเลขทะเบียนการค้าอยู่แล้ว และผ่านการอบรม MBA ด้านระบบการบริหารการผลิต การตลาด มา กับมีแนวคิดว่าไม่อยากให้เกษตรกรพอว่างงานก็ไปเป็นลูกจ้างเขา มาสร้างงานกันดีกว่า
และได้รับทราบว่าทางเหมืองแม่เมาะได้ทีมอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ มาทำการวิจัยฮิวมัส และทดลองใช้กับต้นยางพาราที่เสื่อมสภาพให้กลับฟื้นมากรีดยางได้ ตอนเริ่มต้นผลิตฮิวมัสต้องขอซื้อวัตถุดิบฮิวมัสจากบริษัทเอกชน แต่ต่อมาทางเหมืองแม่เมาะเปลี่ยนนโยบายใหม่ ขายตรงให้กับชุมชนที่จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน ซึ่งกลุ่มของตนก็ได้รับการจดทะเบียนแล้ว โดยได้เริ่มดำเนินการผลิตฮิวมัสอย่างจริงจังเมื่อปี พ.ศ. 2559
การซื้อวัตถุดิบฮิวมัสจากเหมืองแม่เมาะจะเปิดขายให้กลุ่มเพียงปีละครั้ง คือเดือนกรกฎาคม ครั้งละไม่น้อยกว่า 500 ตัน ซึ่งต้องซื้อด้วยเงินสด ก็หลายแสนบาท…500 ตัน ต้องทยอยผลิตแปรรูป ผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ ให้ได้ตลอดทั้งปี
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มฮิวมัสปรับปรุงบำรุงดิน บ้านเมาะหลวง หมู่ที่ 8 ตำบลแม่เมาะ คือ ชื่อกลุ่มที่ได้รับการจดทะเบียนจากสำนักงานเกษตรอำเภอแม่เมาะ รวมกลุ่มเกษตรกรผู้ที่ไม่ประสงค์จะจากชุมชนไปเป็นลูกจ้างนอกชุมชน ได้จำนวนสมาชิก 30 คน ลงทุนเป็นหุ้น หุ้นละ 100 บาท จำนวนเงินทุนดำเนินงาน 2 ล้านบาท และมีทุนหมุนเวียน 4 ล้านบาท กำลังการผลิต 500 ตัน ต่อปี มีคณะกรรมการ 7 คน หมุนเวียนกันมาปฏิบัติงานที่โรงงาน
“ฮิวมัส” ทำจากอะไร ผมตั้งคำถาม
คุณน้ำอ้อย อธิบายและให้รายละเอียดว่า “เมื่อทางเหมืองแม่เมาะเปิดหน้าเหมืองและนำฮิวมัสมากองไว้…1 ปี จะเปิดให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนไปดำเนินเรื่องซื้อครั้งเดียว เมื่อกลุ่มได้ซื้อมาแล้วยังไม่ได้นำออกขายทันที ทางกลุ่มต้องนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปด้วยการบดและผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ อีกหลายอย่าง รูปร่างหน้าตาของฮิวมัส…เป็นดินมูลทราย (เรียกชื่อตามเหมืองแม่เมาะ) เป็นฮิวมัสปนถ่านหิน มีสีน้ำตาลดำ เป็นก้อนขนาดใหญ่ ถ้านำไปบดเนื้อจะละเอียดแล้วปั้นเม็ดจะมีสีดำ เมื่อนำไปตากลมจะกลายเป็นสีเทา ถ้ากลิ่น…จะมีกลิ่นฉุนคล้ายกลิ่นกำมะถันหรือกลิ่นไข่เน่า หรือกลิ่นขี้ถ่าน ถือเป็นกลิ่นเฉพาะของฮิวมัสที่ยังไม่ผ่านกระบวนการผลิต “ฮิวมัสนี่…ถ้ายิ่งเก็บไว้นาน ก็จะยิ่งมีความเข้มข้นมาก”
จากงานวิจัยที่นำเสนอตอนต้นระบุว่า มีธาตุอาหารอย่างเช่นแคลเซียม แมกซีเซียม และกำมะถัน คุณ น้ำอ้อยได้นำงานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งมาให้ดู เป็นงานวิจัยของสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 3 (ภาคเหนือ) กระทรวงอุตสาหกรรม และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี มาให้อ่านระบุว่า ยังมีธาตุอาหารที่พบอีกในลีโอนาร์ไดต์ ได้แก่ โซเดียม โพแทสเซียม สังกะสี เหล็ก ทองแดง แมงกานีส
สำหรับส่วนผสมหลักที่นำมาใช้ คุณน้ำอ้อยบอกสูตรไว้ ดังนี้
- ดิน (แร่) ลีโอนาร์ไดต์ (Leonardite) เป็นสารตั้งต้น ร้อยละ 70
- ซีโอไลต์ (Zeolite) ร้อยละ 15
- ยิปซัม (Gypsum) จากโรงไฟฟ้าใช้เพื่อการเกษตรจากที่ลีโอนาร์ไดต์มีค่า pH = 4 ถือเป็นกรด วิธีลดความเป็นกรดโดยใช้ยิปซัม ร้อยละ 5
- หิน (แร่) ฟอสเฟต (Phosphate) ร้อยละ 5
- โดโลไมต์ (Dolomite) ร้อยละ 5
- ขี้ค้างคาว (Guano) ร้อยละ 5
- น้ำหมักชีวภาพ (Enzyme lonic plasma) เป็นตัวประสานให้มีความชื้นในการปั้นเม็ด สูตรนี้ได้จากการทดลองในแปลงปลูกเป็นปี แก้โจทย์ไปเรื่อยๆ จนเป็นที่ยุติแล้ว
ทั้งหมดเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติอย่างแท้จริง เมื่อผ่านกรรมวิธีการผลิตแล้วจะได้ฮิวมัสที่มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยปรับปรุงสภาพดินให้ร่วนซุย แก้ปัญหาดินเสีย ดินเป็นกรด ทำให้ดินอุ้มน้ำได้ดี ปรับสภาพดินให้เป็นกลาง มีค่า pH ระหว่าง 6-7 และเพิ่มปริมาณแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อพืช
ขั้นตอนการผลิต
- นำวัตถุดิบฮิวมัสมาบดผงด้วยเครื่องบด ตี
- เตรียมส่วนผสมที่ระบุไว้ตอนต้น
- ขึ้นรูปปั้นเป็นเม็ดกลม
- นำไปผึ่งตากลมกับพื้นปูนในที่ร่ม
- นำมาล่อนด้วยเครื่องตะแกงล่อน แยกขนาด
- บรรจุกระสอบนำเก็บในสต๊อกพร้อมขาย
นอกจากที่ผลิตตามสูตรดังกล่าวแล้ว คุณน้ำอ้อย กล่าวเพิ่มเติมว่า ยังมีโจทย์ของผู้ซื้อที่ต้องการให้ผลิตฮิวมัสอีกหลายสูตร และแต่งเติม นั่น…นี่ เช่น โจทย์ที่เกษตรกรหรือผู้ซื้อต้องการ สูตรที่ใช้กับพืชแล้วเห็นผลเร็ว แตกกิ่งใบภายใน 15 วัน เท่ากับการใช้ปุ๋ยเคมี หรือสูตรที่นำไปใช้กับลำไยนอกฤดูที่ผ่านการใช้สารเคมีและผ่านการตัดแต่งใหม่หรือทำสาวแล้ว ถ้าใช้ภายใน 15 วัน เห็นผลการแตกกิ่งใบสะพรั่ง หรือสูตรที่ใช้แล้วเห็นผลการแตกกิ่งก้านใบเร็วกว่าใช้ปุ๋ยเคมี 7 วัน และลดเวลาลงเหลือ 4 วัน เห็นผล ซึ่งล้วนแต่เป็นโจทย์ที่พื้นดินของเกษตรกรแต่ละรายมีปัญหาที่แตกต่างกันไป จึงต้องคิดค้นสูตร และต้องผลิตให้ได้ตามโจทย์ของผู้ซื้อ
“ฮิวมัส” มีประโยชน์ในภาคการเกษตรดีจริง
ข้อมูลที่นำมาเสนอไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งจากงานวิจัยและนักวิชาการกล่าวได้ว่า ฮิวมัส…เป็นสารที่ใช้ปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์บวกกับมีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืช
- ช่วยเก็บแร่ธาตุทำให้ดินอุดมสมบูรณ์
- ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชจากการย่อยสลายของอินทรียวัตถุ
- สารอินทรีย์ทำให้สีของใบ ดอกและผลสวยขึ้น
- เพิ่มปริมาณธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืช
- ทำให้ดินมีสีน้ำตาลเข้มถึงดำ
- มีผลต่อคุณสมบัติทางกายภาพของดิน
– ทำให้เกิดเม็ดดิน
– ยืดหยุ่นได้ดี การดูดซึมน้ำได้ดี
– มีค่าความจุความชื้นสูง
- ช่วยลดสารพิษในดินในการทำปฏิกิริยาเคมีจับตัวกับธาตุที่อาจเป็นพิษกับพืช
- ช่วยป้องกันการชะล้างหน้าดินและดินที่อัดตัวกันแน่นเกินไป
- ช่วยป้องกันภัยแล้งจากการกักเก็บน้ำในพื้นดินได้ในปริมาณมาก สามารถดูดซับน้ำไว้ในปริมาณ 25 เท่า ของน้ำหนัก
“ฮิวมัส” ขนาดบรรจุถุง และราคา
ฮิวมัส…ที่ผมนำมาเสนอในบทความนี้ ผลิตและขายโดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มฮิวมัสปรับปรุงบำรุงดิน บ้านเมาะหลวง หมู่ที่ 8 ตำลแม่เมาะ ติดต่อ คุณวราภรณ์ ยารังษี โทร. 095-687-8444
พ.ศ. 2555 ใช้ชื่อยี่ห้อ มิสเตอร์ ฮิวมัส ขนาดน้ำหนักบรรจุถุง 25 กิโลกรัม ราคาถุงละ 150 บาท แต่ถ้าซื้อเป็นตัน ตันละ 4,800 บาท (ราคา ณ หน้าโรงงานผลิต)
คำแนะนำการนำไปใช้
– นาข้าว ปรับสภาพดินโดยใช้หว่านก่อนไถ อัตรา 100 กิโลกรัม ต่อไร่
– พืชไร่/พืชใบเดี่ยว มันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด อัตรา 100 กิโลกรัม ต่อไร่
– พืชผัก อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อแปลงปลูกขนาดเล็ก
– ไม้ผล ใช้รองก้นหลุม อัตรา 1 กิโลกรัม ต่อหลุม ต้นขนาดเล็ก อัตรา 0.5 กิโลกรัม ต่อต้น ให้ผลผลิตแล้ว อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อต้น หว่านรอบทรงพุ่ม
– ใช้ผสมกับดินปลูก อัตรา 200 กรัม ต่อดิน 1 กิโลกรัม
– กรณีใช้ผสมน้ำฉีดพ่น วิธีการ ใช้ฮิวมัส 1 กิโลกรัม ผสมน้ำ 5 ลิตร คนให้ละลายตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอน ตักเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำเปล่า 20 ลิตร
ข้อควรคำนึงก็คือ ให้ใช้ในกรณีขณะที่ดินมีความชื้น เพราะฮิวมัสชอบน้ำ ถ้าไม่มีน้ำจะไม่ออกฤทธิ์
ผลิตภัณฑ์ที่จะเป็นนวัตกรรมในอนาคต คุณน้ำอ้อยวาดฝันไว้ว่าจะผลิตฮิวมัสสำหรับใช้เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์น้ำและสัตว์บก และศึกษาวิจัยการนำฮิวมัสเป็นส่วนผสมของสมุนไพรลูกประคบ
ปัจจุบัน มีผู้สั่งซื้อจากผู้เป็นเกษตรกรและผู้สนใจจากหลายจังหวัด ทุกภาค ที่ไม่ใช่ลักษณะตัวแทนขายแต่เป็นเกษตรกรรายย่อยหรือกลุ่ม ที่ซื้อไปในจำนวนมากและนำไปแบ่งปันกัน และบอกต่อๆ กันไป
ไปดูแปลงปลูกส้มเขียวหวาน ที่ใช้ “ฮิวมัส”
คุณเคลือบ นาคแย้ม อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 149 หมู่ที่ 5 บ้านห้วยรากไม้ ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง โทร. 080-858-2260 เป็นเกษตรกรตัวอย่างของอำเภอแม่เมาะ ปลูกส้มเขียวหวาน จำนวน 15 ไร่ อายุส้ม 3-5 ปี ให้ผลผลิตแล้ว บอกว่าตนเป็นคนที่ชอบทดลองใช้สารต่างๆ กับต้นส้ม ที่เคยใช้มาแล้วทั้งปุ๋ยเคมี ปุ๋ยของเทศบาล แต่ก็ต้องมาลงตัวอยู่ที่ใช้ฮิวมัส ตรามิสเตอร์ ฮิวมัส ใช้มาตลอด งดใช้ปุ๋ยเคมี “ใช้ฮิวมัสแล้วส้มมีใบสีเขียวเข้ม หนา ใบเป็นมัน แตกใบเร็ว ใส่ต้นที่โทรมก็ยังแตกกิ่งใบ เนื้อส้มมีรสหวานกว่าเดิม การใช้หว่านก็ไม่มาก หว่านรอบๆ ต้น ต้นละ 3 กำมือ ใส่เดือนละครั้งแล้วรดน้ำตามต้นส้มก็มีแนวโน้มไปในทางที่ดี” คุณเคลือบ กล่าว
ผมได้นำบทความดีๆ เกี่ยวกับฮิวมัส…คืนชีวิตให้แผ่นดินมาให้ท่านได้รับรู้ทั้งทางวิชาการ งานวิจัย ท่านใดสนใจสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อ คุณวราภรณ์ ยารังษี หมายเลขโทรศัพท์ที่ให้ไว้ตอนต้น
ขอขอบคุณ คุณสมจิตร เรือนมั่น นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอแม่เมาะ ที่ติดต่อประสานงานและให้ข้อมูล
ส่วนประกอบของดิน
อากาศ ร้อยละ 25
น้ำ ร้อยละ 25
อินทรียวัตถุ ร้อยละ 5
ธาตุอาหาร ร้อยละ 45
อินทรียวัตถุ ร้อยละ 5
ระดับอินทรียวัตถุในดิน
ระดับ ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน (ร้อยละ)
ต่ำ 0.5-1.0
ค่อนข้างต่ำ 1.0-1.5
ปานกลาง 1.5-2.5
ค่อนข้างสูง 2.5-3.5
สูง 3.5-4.5
สูงมากมากกว่า 4.5
………………….
เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561
สำหรับแฟนๆ นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน หากต้องการนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านรายปักษ์ ส่งตรงถึงบ้าน รวดเร็วทันใจอ่านได้ในทุกๆ 15 วัน สามารถสมัครสมาชิกได้ที่ คลิกลิ้ง https://shorturl.asia/0zJwQ 📲- Line: @matichonbook หรือ สำนักพิมพ์มติชน เลขที่ 12 ถนนเทศบาลนฤมาล หมู่บ้านประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 ติดต่อฝ่ายขาย 02-589-0020 ต่อ 3354