ชาววังน้ำเขียว ผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ บาง กรอบ หอม อร่อย และปลอดภัย

การดูแลเอาใจใส่สุขภาพนับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโล่กำบังเพื่อต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บที่มาเยือน ทุกวันนี้ผู้คนทุกเพศวัยต่างให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยจะพบเห็นตามสื่อออนไลน์ถึงกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ไม่ว่าทางด้านอาหารการกินหรือการออกกำลังกาย

อาหารเจ ถือเป็นแนวทางการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ ทั้งนี้ เพราะอาหารเจให้ประโยชน์แก่ผู้บริโภคทั้งทางตรงและทางอ้อม เนื่องจากผู้รับประทานอาหารเจไม่เพียงได้รับคุณค่าที่สำคัญจากอาหารเจแต่ละชนิด แต่ยังส่งผลต่อจิตใจอันนำไปสู่ระบบการทำงานที่สมบูรณ์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคอาหารเจคงต้องใช้ดุลพินิจในการเลือกผลิตภัณฑ์เจที่วางจำหน่ายควบคู่ไปด้วย เพื่อจะได้รับประโยชน์จากอาหารอย่างแท้จริง

ลูกค้าตอบทางเฟซบุ๊กว่าอร่อยมาก

ที่วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ประกอบอาชีพผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ ในชื่อ “ข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ ครอบครัวเห็ดวังน้ำเขียว” เป็นข้าวเกรียบเห็ดหอมที่ผลิตจากดอกเห็ดหอมจึงให้มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นที่นิยมของผู้บริโภคในกลุ่มสุขภาพ อีกทั้งยังได้รับการการันตีความเป็นเจจากกูรูอาหารเจชื่อดังระดับประเทศด้วย

คุณสิริณัฏฐ์ จารุชัยสิริ หรือ คุณตั้ม เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ ครอบครัววังน้ำเขียว โดยมีแหล่งผลิตอยู่เลขที่ 141 หมู่ที่ 11 บ้านน้ำซับ ตำบลวังน้ำเขียว อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

คุณตั้มอยู่ในวงการเห็ดมานานหลายปี เมื่อครั้งแรกที่เขาเริ่มอาชีพเพาะเห็ดมีจำนวนหลายสายพันธุ์ กระทั่งพบว่าเห็ดฮังการีเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับตลาดแปรรูปสำหรับเป็นของกิน ของฝากที่วังน้ำเขียว เพราะมีคุณภาพมาก ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นแหนมเห็ด เห็ดปรุงรส และอื่นๆ ดังนั้น อาชีพเพาะเห็ดของเขาจึงเหลือเพียงฮังการีสายพันธุ์เดียว ต่อมาอีกไม่นานได้ต่อยอดด้วยการผลิตลูกชิ้นเห็ดเจออกขายให้กับกลุ่มผู้รักสุขภาพ เป็นที่สนใจสั่งซื้อกันเป็นจำนวนมากจนผลิตไม่ทัน

ลงทุนสร้างโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์

เมื่อราวปีเศษคุณตั้มทดลองผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ เป็นการผลิตแบบง่ายๆ ตามหลักวิธีด้วยวัสดุอุปกรณ์เครื่องมือแบบพื้นฐาน แล้วยังไม่ได้เพาะเห็ดหอมเอง แต่เป็นเห็ดหอมแห้งที่ซื้อมาจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้จนประสบความสำเร็จถูกต้องตามมาตรฐาน แล้วลองนำวางขายก็ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้รักสุขภาพอีกเช่นเดิม

การต้อนรับด้วยดีของกลุ่มลูกค้าจากผลิตภัณฑ์เห็ดหอมเจที่ไม่ได้ตั้งใจผลิตจำนวนมาก ทำให้คุณตั้มต้องตัดสินใจอีกครั้งด้วยการวางแผนการผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมเจอย่างจริงจัง พร้อมไปกับสร้างแบรนด์ให้คุ้นหูว่า “ข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ ครอบครัวเห็ดวังน้ำเขียว”

หลังจากปั้นเสร็จนำเข้าตู้อบแห้ง

เจ้าของผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบรายนี้เผยว่า มีความตั้งใจสร้างสินค้าสุขภาพให้แก่ลูกค้า ดังนั้น จึงใช้ส่วนของดอกเห็ดหอมแห้งมาแปรรูปเป็นข้าวเกรียบ ซึ่งแนวทางนี้ต่างจากรายอื่นที่ใช้ส่วนของก้านหรือขาเห็ดมาผลิตเป็นข้าวเกรียบเพราะลดต้นทุนได้มาก แต่สำหรับคุณตั้มมองว่าขาเห็ดหรือก้านเห็ดมีความแข็ง รสชาติไม่อร่อย หรือได้ประโยชน์น้อยกว่าดอกเห็ดล้วนๆ แม้จะมีราคาสูงก็ตาม เพราะเล็งถึงคุณภาพสินค้าที่มีต่อผู้บริโภคเป็นหลัก

พร้อมกับให้รายละเอียดการผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมเจว่า ให้นำดอกเห็ดหอมแห้งแช่น้ำเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง เพื่อให้ดอกเห็ดซับน้ำเต็มที่ จากนั้นให้นำไปเข้าเครื่องบดละเอียดแล้วนำไปผัดร่วมกับเครื่องปรุงรสต่างๆ เพื่อทำเป็นเห็ดหอมปรุงรสโดยชิมรสให้เข้าที่แล้วมีส่วนประกอบสำคัญโดยประมาณ ได้แก่ เห็ดหอมที่ใช้ดอกเห็ดล้วน 100 เปอร์เซ็นต์, แป้งมันสำปะหลัง, เกลือป่น, พริกไทยป่น และผงปรุงเจที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพ

หลังจากนั้น ให้ผัดร่วมกับน้ำมันคลุกเคล้าเป็นเวลานานจนส่งกลิ่นหอมคลุ้ง พักให้เย็น แล้วปล่อยน้ำมันทิ้งให้มากที่สุดจนเกือบแห้ง พอต้องการจะทำข้าวเกรียบก็จะนำเห็ดหอมปรุงรสมาต้มในน้ำเดือดจัด จากนั้นนำพริกไทยเม็ดที่ป่นละเอียดเพื่อเพิ่มความหอมแล้วจะเติมผงปรุงรสเจเพิ่มอีกก็ได้ จากนั้นเทใส่แป้งมันหรือแป้งสาลี แป้งข้าวโพดอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่ต้องการ

อาจารย์เฉลิมชาติ ประไพ (ขวา) กูรูอาหารเจชื่อดัง รับรองข้าวเกรียบเจของคุณตั้ม

แล้วให้นำไปนวดหรือกวนให้เข้ากันในเวลาไม่มาก พอให้แป้งมีการจับตัว จากนั้นจึงนำไปปั้นในความยาวที่ต้องการ พอปั้นเสร็จให้นำเข้าเตานึ่งใช้เวลาหลายชั่วโมง หลังจากครบเวลานึ่งแล้วจะปล่อยให้เย็นในอุณหภูมิปกติ แล้วให้นำไปใส่ในตู้แช่เย็นเป็นเวลา 2 คืน เพื่อนำออกมาตัดตามขนาด และความหนาตามที่ต้องการ ก่อนที่จะนำไปอบ

ทั้งนี้ การตัดแผ่นข้าวเกรียบดิบของคุณตั้มจะเน้นให้มีความบางที่สุดเพื่อไม่ต้องการให้ข้าวเกรียบอมน้ำมันเวลาทอดกิน ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ไม่ค่อยมีใครทำเพราะเสี่ยงต่อความเสียหายของข้าวเกรียบแล้วเสี่ยงต่อผลกำไร แต่เนื่องจากคุณตั้มเห็นว่าเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคแม้จะเสี่ยงก็ยอมจนทำให้ถูกใจลูกค้าแล้วต่างออกปากชมว่า “บาง กรอบ หอม อร่อย และปลอดภัยต่อสุขภาพ”

ขณะเดียวกัน เพื่อให้ได้มาตรฐาน รวมถึงการรองรับยอดผลิตที่กำลังขยาย ทางคุณตั้มได้สร้างตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์หรือพาราโบลา จำนวน 1 หลังก่อนเพื่อใช้สำหรับอบข้าวเกรียบ และแก้ปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวน สำหรับการอบข้าวเกรียบจากโรงพาราโบลาได้ถึงวันละไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม โดยจะใช้เวลาอบเพียงครึ่งวันต่อรอบเท่านั้น สำหรับเห็ดหอมอยู่ระหว่างเตรียมสถานที่และอุปกรณ์เพื่อจะเพาะเองสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบผลิตข้าวเกรียบจนต่อยอดสินค้าอื่นๆ ในอนาคต

คุณสิริณัฏฐ์ จารุชัยสิริ หรือ คุณตั้ม

“การมีโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยทำให้การผลิตข้าวเกรียบเห็ดหอมมีคุณภาพ ได้มาตรฐานแล้วสร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพ ทั้งนี้ ระยะเวลาในการอบข้าวเกรียบในโรงพาราโบลาเพียงครึ่งวันหรือเร็วกว่านั้นหากมีแดดจัดมาก เพราะข้าวเกรียบควรมีความชื้นเหลือสัก 10 เปอร์เซ็นต์เพื่อไม่ให้แตกง่าย โดยใช้การสังเกตด้วยตาว่าถ้าแผ่นข้าวเกรียบเป็นลายงาแสดงว่าแห้งมากเกินไป อย่างไรก็ตาม ในอนาคตวางแผนจะซื้อเครื่องวัดอุณหภูมิมาใช้เพื่อทำให้มีมาตรฐานแล้วง่ายต่อการทำงานมากขึ้น”

การตลาดมีหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเปิดขายในเฟซบุ๊ก วางขายตามร้านสุขภาพที่วังน้ำเขียว หรือร้านของฝากของที่ระลึก ขณะเดียวกัน จะมีกลุ่มลูกค้าสุขภาพที่เคยอุดหนุนลูกชิ้นเห็ดเจร่วมอยู่ด้วย โดยลูกค้ากลุ่มนี้จะแนะนำคนรู้จักให้มาอุดหนุนข้าวเกรียบเจ จึงทำให้ยอดการผลิตวันละ 100 กิโลกรัม หรือสัปดาห์ละ 600 กิโลกรัม สามารถขายได้หมดเพราะมีการบริหารจัดการปริมาณและความต้องการที่สอดคล้องกันจึงทำให้ข้าวเกรียบยังคงคุณภาพตลอดเวลา

ขนาดบรรจุขายมี 2 แบบ คือขนาด 500 กรัม กับ 1 กิโลกรัม ซึ่งกำหนดราคาขายส่งถ้าถุงละ 1 กิโลกรัม กำหนดไว้ 180 บาท ซึ่งผู้รับซื้อนำไปขายต่อในราคาถุงละ 250 บาท ส่วนถุงขนาด 500 กรัม ขายส่งถุงละ 100 บาท และนำไปขายต่อในราคาถุงละ 160-170 บาท นอกจากนั้น ถ้าสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายก็จะได้ราคาพิเศษอีก

คุณตั้ม บอกว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในช่วงเทศกาลกินเจ จะมีลูกค้าให้ความสนใจสั่งซื้อลูกชิ้นเห็ดเจกันอย่างคับคั่งจนผลิตไม่ทัน ดังนั้น สำหรับข้าวเกรียบคงมีลักษณะเดียวกัน จึงต้องเพิ่มกำลังการผลิตอีกถึง 2 เท่าจากอัตราเดิม แล้วจัดตารางเวรให้พนักงานทำงานเพิ่มมากขึ้นไปด้วย

ตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งเสร็จพร้อมใช้งาน

อย่างไรก็ตาม เมื่อการติดตั้งโรงอบพลังงานแสงอาทิตย์เสร็จสมบูรณ์ พร้อมกับการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์อื่นๆ เรียบร้อยก็จะเริ่มเพิ่มกำลังการผลิตแล้วจัดหาตลาดรองรับการผลิตที่เพิ่มขึ้นด้วยโดยมองไปที่ร้านสุขภาพหลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมา

สำหรับสิ่งที่การันตีความเป็นข้าวเกรียบเจนั้น คุณตั้ม บอกว่า จะให้ความสำคัญทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การเลือกคัดสรรวัตถุดิบ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ขณะเดียวกัน ยังได้รับการการันตีจากท่าน อาจารย์เฉลิมชาติ ประไพ กูรูอาหารเจชื่อดัง เพียงแค่นี้ก็ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นได้แล้ว

“อยากให้ลองชิมข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ แบรนด์ข้าวเกรียบเห็ดหอมเจ ครอบครัวเห็ดวังน้ำเขียว เพราะผู้ผลิตทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะผลิตอาหารที่ดีมีสุขภาพและเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค ทั้งนี้ ไม่ว่าท่านจะกินเจหรือไม่ก็ตาม ผลิตภัณฑ์ข้าวเกรียบเห็ดหอมเจก็จะสร้างความอร่อยให้แก่ทุกท่านด้วยรสชาติความบาง กรอบ อร่อย อย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน” เจ้าของข้าวเกรียบกล่าว

ถือเป็นความพยายามที่ประสบความสำเร็จอย่างดีของชาววังน้ำเขียวรายนี้โดยไม่หยุดอยู่กับที่ พร้อมกับฉกฉวยโอกาสด้วยการต่อยอดจากอาชีพเดิมที่มีฐานแน่นไปสู่สินค้าตัวใหม่ที่ไม่ต้องเหนื่อยทำตลาดเพิ่ม แถมยังใช้เทคโนโลยีการสื่อสารยุคดิจิตอลเข้ามาเสริมช่วยให้การขายเป็นไปได้ง่าย สะดวก รวดเร็ว

ท่านที่สนใจสอบถามรายละเอียดสั่งซื้อหรือสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายข้าวเกรียบเห็ดหอมเจแบรนด์ครอบครัวเห็ดวังน้ำเขียว ได้ที่โทรศัพท์ (081) 790-9390 fb : ครอบครัวเห็ดวังน้ำเขียว line : 0817909390