สวนผสมพอเพียง ตามแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ สุธรรม จันทร์อ่อน…ทำได้เด่นมากๆ

คุณสุธรรม จันทร์อ่อน อยู่บ้านเลขที่ 54 หมู่ที่ 10 บ้านหนองไข่กา ตำบลทุ่งขวาง อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม 73140

เดิมคุณสุธรรม  ได้ดำเนินกิจกรรมการเกษตรโดยมุ่งผลิตตามความต้องการของตลาด ใช้สารเคมีเต็มที่ ปลูกพืชแบบเชิงเดี่ยวโดยมุ่งหวังผลผลิตในปริมาณสูงต่อรอบการปลูก บนพื้นที่ 17 ไร่ มีการปรับเปลี่ยนการใช้ที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากการใช้ที่ดินดั้งเดิมคือ การปลูกข้าวสลับกับการปลูกพืชผัก ต่อมาทำไร่อ้อยซึ่งพบว่ามีผลผลิตที่ดีในช่วงแรก แต่เมื่อปลูกซ้ำหลายครั้งสภาพดินเริ่มเสื่อมโทรม ต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการควบคุมและจัดการเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุน ส่วนต่างระหว่างต้นทุนและกำไรเริ่มลดน้อยถอยลง

ต่อมาได้ปรับเปลี่ยนมาปลูกฝ้ายซึ่งให้ผลผลิตสูงในช่วงแรกเช่นเดียวกัน แต่เมื่อปลูกหลายๆ รอบ ประสบปัญหาโรคแมลงศัตรูพืชระบาด แมลงปรับตัวต่อสารเคมีและดื้อยา ทำให้ต้องซื้อยาปราบศัตรูพืชที่มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ จนประสบปัญหาไม่คุ้มทุน ต่อมาจึงได้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามมีการลงทุนที่สูงมาก พบว่ารายได้แทบจะไม่คุ้มทุนในปีแรก ในปีที่สองได้เพาะเลี้ยงลูกกุ้งและปลูกกล้วยน้ำว้าเพื่อนำต้นกล้วยมาผลิตเป็นอาหารกุ้งเพื่อช่วยลดต้นทุน แต่ในปีที่สามพบว่า การเลี้ยงกุ้งในพื้นที่ดอนเป็นเวลานานทำให้มีปัญหาโรคกุ้ง

จากประสบการณ์ดังกล่าว คุณสุธรรมเกิดการเรียนรู้ว่าการเลี้ยงกุ้งในพื้นที่ดอน ไกลทะเล ไม่เหมาะกับการเลี้ยงกุ้งระยะยาว แม้ว่าในช่วงแรกจะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง เนื่องจากยังมีอินทรียวัตถุในดินและน้ำ มีอาหารในธรรมชาติเกิดแพลงตอนได้ แต่เมื่อเลี้ยงซ้ำๆ อาหารธรรมชาติหมด บ่อเป็นกรด ทำให้ต้องเพิ่มอาหารที่ใช้เลี้ยงกุ้งในช่วงเวลาดังกล่าวคือ อาหารสำเร็จรูป ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น รายได้ลดลง เมื่อถึงจุดคุ้มทุนจึงได้เปลี่ยนมาปลูกหน่อไม้ฝรั่งและสวนผักประมาณ 10 ปี โดยรวมกลุ่มปลูกสร้างรายได้ค่อนข้างสูงในช่วงแรก แต่เมื่อปลูกมา 5-6 ปี พบว่าราคาเริ่มตกต่ำเนื่องจากเกษตรกรปลูกมากขึ้นในพื้นที่อื่นๆ ในขณะที่ความต้องการของตลาดมีปริมาณเท่าเดิม มีการกดราคาและคัดเลือกคุณภาพสินค้า ทำให้นายสุธรรมประสบปัญหารายได้ลดลง รวมถึงการระบาดของโรคแมลงศัตรูพืชในช่วงอากาศร้อนจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนอนกระทู้หอม หรือหนอนหนังเหนียว ซึ่งมีภูมิต้านทานต่อสารเคมีได้กัดกินต้นหน่อไม้ฝรั่งจนหมด

ปี พ.ศ. 2538 จึงได้ปรับเปลี่ยนมาทำการเกษตรแบบผสมผสานตามวิถีธรรมชาติ เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยพิจารณาหัวใจหรือแก่นแท้ของการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ และได้ประยุกต์ใช้ในพื้นที่ มุ่งสู่ความสมดุลของระบบนิเวศตามความเหมาะสมของพื้นที่ มีระบบบริหารจัดการน้ำ โดยขุดบ่อพักน้ำ 3 บ่อ คือ บ่อที่หนึ่ง (พื้นที่บ่อ 1 ไร่) เป็นบ่อพักน้ำสำหรับการตกตะกอนของของเสีย สารเคมี และโลหะหนัก มีพืชน้ำ ต้นกก ต้นธูปฤๅษี และหญ้า ช่วยบำบัดดูดซับมลพิษทางน้ำ เป็นการกรองน้ำโดยธรรมชาติ ก่อนการปล่อยลงสู่บ่อพักน้ำที่สอง (พื้นที่บ่อ 1 งาน) ซึ่งเป็นบ่อพักสำหรับการตรวจสอบน้ำ หากว่ามีสภาพปกติจะปล่อยน้ำไปสู่บ่อที่สาม (พื้นที่บ่อ 2 ไร่) ซึ่งเป็นบ่อน้ำสำหรับใช้ในพื้นที่เกษตร พบว่าน้ำมีความปลอดภัยจากสารพิษ เป็นการลดความเสี่ยงโดยธรรมชาติ

คุณสุธรรม ได้ดำเนินกิจกรรมการเกษตรแบบผสมผสานตามวิถีธรรมชาติ โดยมีความโดดเด่นเรื่อง การปลูกข้าวอินทรีย์ ช่วยลดจำนวนพันธุ์ข้าวได้ประมาณ 5 กิโลกรัม ต่อไร่ นายสุธรรมเริ่มกระบวนการปลูกข้าว โดยปล่อยน้ำเข้าพื้นที่นาหลังจากเก็บเกี่ยว ไม่เผาตอซังข้าว เติมหัวเชื้อจุลินทรีย์ในนาข้าว เพื่อช่วยย่อยสลายตามธรรมชาติและคืนความสมดุลให้กับดิน ไถกลบตอซังข้าว และทำเทือก สำหรับขั้นตอนการเตรียมต้นกล้า นำดินเลนมาเทราดให้ทั่วถาดหลุมที่เตรียมไว้ ใช้ไม้หรือมือปาดดินเลนไม่ให้สูงเกินไป นำเมล็ดข้าวเปลือกที่แช่น้ำไว้จนเริ่มมีรากงอกมาหยอดใส่ถาดหลุมประมาณ 2-3 เมล็ด เมื่อต้นกล้ามีความสูงประมาณ 5-8 นิ้ว แกะออกจากถาดหลุมแล้วนำไปโยนลงในนาที่เตรียมไว้โดยเว้นระยะความห่างของต้นกล้าเหมือนการดำนา สามารถประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าวได้มาก ประหยัดเวลาและแรงงาน ลดปัญหาข้าวดีด และปัญหาเรื่องวัชพืชแย่งกินปุ๋ยของข้าวในนา

นอกจากนี้ คุณสุธรรมได้เลี้ยงเป็ดในนาข้าว เป็ดช่วยกำจัดวัชพืชและควบคุมหอยเชอรี่ในนาข้าว บริเวณคันนาได้ปลูกกล้วยและไม้ยืนต้นผสมผสาน การทำนาโยนของนายสุธรรมตั้งอยู่บนแนวทางการผลิตทางการเกษตรที่มีต้นทุนต่ำ เป็นกิจกรรมทางการเกษตรบนต้นทุนทางธรรมชาติ และใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างสอดคล้องเหมาะสมกับระบบนิเวศ

คุณสุธรรม ได้ดำเนินชีวิตและประกอบอาชีพตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือความพอประมาณ ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะใช้หลัก ความมีเหตุผล ซึ่งนายสุธรรม ได้มุ่งลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตรบนฐานความสมดุลของระบบนิเวศ โดยผสานระหว่างองค์ความรู้สมัยใหม่และภูมิปัญญาท้องถิ่น ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง การลองผิดลองถูก การวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอน รวมถึงการทำบัญชีครัวเรือนและการออมทรัพย์ เมื่อประสบความสำเร็จ ไม่มีหนี้สิน มีรายได้เพิ่มขึ้นจากต้นทุนทางการเกษตรและรายจ่ายครัวเรือนลดลง ตลอดจนจะต้องมีความรู้ซึ่งเกิดจากการศึกษา การลองผิดลองถูก จนเกิดภูมิปัญญาและต้องมีความซื่อสัตย์ อดทน ขยันหมั่นเพียร และยังได้เผยแพร่ความรู้และประสบการณ์ให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจทั่วไป ติดต่อคุณสุธรรมได้ที่ โทรศัพท์ 081-3845352

ในงาน “มหัศจรรย์พันธุ์ข้าวมงคล พืชผลของพ่อ”ระหว่างวันที่ 24-27 พฤศจิกายน 2559 ที่เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ คุณสุธรรม ได้รับคัดเลือกให้เป็นเกษตรกรตามรอยพ่อ ผู้มีผลงานดีเด่น ได้รับโล่รางวัล ในวันที่ 25 พฤศจิกายน คุณสุธรรมจะเล่าประสบการณ์ช่วงบ่าย ผู้สนใจอย่าลืมอย่าพลาด อย่าละโอกาสอันดีงาม ไปฟังและแลกเปลี่ยนกับเกษตรกรท่านนี้ได้