รุกขกรก็มี ผู้ดูแลต้นไม้ใหญ่ คนแบบไหนที่จะเป็นรุกขกรได้ เผื่อผู้อ่านเทคโนโลยีชาวบ้านสนใจอยากเป็น

มีช่องว่างแห่งการงานที่เราแทรกตัวลงไปได้ถ้ามีใจรักต้นไม้และสิ่งแวดล้อม นี่เป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้…

เริ่มจากการมีต้นไม้ใหญ่ในเมือง คุณว่าดีไหม บางคนอาจจะตอบว่าไม่ดี เพราะกลัวต้นไม้ล้ม กลัวต้นไม้โค่น มีต้นไม้ข้างบ้านต้องโค่นทิ้ง…นี่เป็นทัศนะเชิงลบต่อต้นไม้

บางคนว่าดี เป็นกระแสโลกที่ต้องมีต้นไม้ในเมืองใหญ่ มีการเพิ่มต้นไม้ในชุมชนจนบางแห่งกลายเป็นป่าในเมือง ซึ่งมันดีมากทีเดียว “ต้นไม้เป็นบุคลิกของเมือง”

มีคำกล่าวว่า ต้นไม้เป็นบุคลิกของเมือง และเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะการท่องเที่ยว แต่ประโยชน์เหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ เมื่อคนกลัวและไม่วางใจต้นไม้ใหญ่ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่กลัวได้ เช่น เรื่องกิ่งที่หักลงมา หรือโค่นล้มเมื่อมีลมฝน

ถนนบางสายที่มีต้นไม้ใหญ่และถูกเสนอให้ตัดเพื่อความปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็มีกลุ่มคัดค้าน เพราะเห็นว่ามันสวยดี มันมีมานาน เป็นประวัติศาสตร์ชุมชน ถกเถียงกันมาหลายสิบปี ในเมืองเชียงใหม่ เช่น ถนนต้นยางสารภี ที่มีต้นยางใหญ่สองขอบทางขนานไปกับถนน

ดังนั้น การมีต้นไม้ใหญ่ต้องมีการจัดการที่ดี ให้ผู้คนรู้สึกเป็นมิตรกับต้นไม้ ผู้คนในชุมชนต้องไว้วางใจต้นไม้ แล้วจะทำอย่างไร ที่มากกว่าคัดค้าน…คำตอบอยู่ตรงนี้ รุกขกร เป็นอาชีพหนึ่งที่ช่วยเรื่องนี้ได้

เมื่อเดือนที่แล้ว ฉันไปดูไปฟังเรื่องการจัดการต้นไม้ใหญ่ในเมืองมา เขาจัดกันที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการจริง เพื่อการดูแลต้นไม้ใหญ่ในหน่วยงานต่างๆ เพื่อภูมิทัศน์เมืองเชียงใหม่

“อย่างที่สามารถประกอบเป็นอาชีพได้เลย” น้องคนหนึ่งบอก

เป็นอาชีพหนึ่งที่เพิ่งรู้จัก วิชาชีพ “รุกขกร”

รุกขกร ไม่ค่อยคุ้นกับคำนี้ เคยได้ยินแต่คำว่า รุกขเทวดา หมายถึงเทวดาหรือผีผู้ดูแลต้นไม้ ดังนั้น รุกขกรก็มีความหมายว่า ผู้ดูแลต้นไม้อย่างเป็นผู้รู้และมืออาชีพ – ผู้เขียนเข้าใจดังนั้น

คนแบบไหนที่จะเป็นรุกขกรได้ เผื่อผู้อ่านเทคโนโลยีชาวบ้านสนใจอยากเป็น มีโอกาสสมัครเข้ารับการอบรมในโอกาสต่อไป

คุณสมบัติมีอยู่ทั้งหมด 7 อย่าง

อันดับแรก รักและสนใจธรรมชาติ พรรณไม้ และสภาพแวดล้อม แน่ละถ้าไม่รักไม่สนใจก็ผ่านเรื่องอาชีพนี้ไปไม่ได้เลย สอง การทำงานบนต้นไม้ต้องไม่กลัวความสูง สาม ร่างกายแข็งแรง สี่ มีจิตสำนึกด้านความปลอดภัยสูง ห้า มีความรู้พื้นฐานด้านพืช หก มีศิลปะ และสุดท้ายมีจิตใจเป็นผู้ให้บริการ

เมื่อได้คุณสมบัติแล้วก็ไปฝึกอบรมกันเลยค่ะ เป็นงานอบรมเชิงปฏิบัติการจริงๆ ฉันไปอบรมกับเขาด้วยทั้งที่รู้ว่าอยู่บนต้นไม้ไม่ไหวแล้ว ปีนป่ายไม่ไหว แต่เหตุเพราะว่าที่บ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่จำนวนมาก และสนใจว่าจะทำอย่างไร ซึ่งความจริงแล้วกิ่งไม้ที่บ้านหักลงมาบ่อย มีต้นแก่มากๆ ที่อยากดูแลไว้นานๆ และนำมาบอกต่อคนอื่นๆ เผื่อเขาไม่ต้องตัดต้นไม้ทิ้งเมื่อพบว่า มันกำลังเจ็บป่วย

มีการอบรมห้าวัน แบบทฤษฎีและลงปฏิบัติจริงๆ กันเลย วันแรก คุณธราดล ทันด่วน หรือ ครูต้อ เป็นผู้บรรยาย ว่าด้วยเรื่องต้นไม้ในเมือง

ครูต้อ บอกว่า การเก็บต้นไม้ไว้จะได้เงิน (นี่เป็นทัศนะเชิงบวกทันที) ได้เงินเพราะอะไร ครูต้ออธิบายต่อว่า เมืองที่มีต้นไม้นักท่องเที่ยวจะมาพักนานๆ ในเมือง โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นดอย เพราะในเมืองมีที่ร่มรื่น มีต้นไม้สวยงามให้พวกเขาได้ถ่ายรูป ในโลกทุนนิยมต้องทำให้ต้นไม้มีคุณค่า

การดูแลต้นไม้ในเมืองไม่ใช่ดูภาพรวมแต่ต้องดูเฉพาะด้าน ถ้าทึบเกินไปก็ต้องแต่งให้โปร่ง ครูเอาวิดีโอแบบก่อนแต่งกับหลังแต่งให้ดู มีต้นไม้ริมทะเล เป็นต้นไม้ใหญ่บังทิวทัศน์ของเกาะ เจ้าของจะเอาออก แต่เมื่อรุกขกรไปถึงเขาใช้วิธีตกแต่งให้โปร่งขึ้น ต้นไม้ก็ยังอยู่ ใครๆ ก็ไปกินอาหารที่โต๊ะใต้ต้นไม้ และในขณะเดียวกันคนอยู่บนตึกก็มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่ต้องการด้วย มีอีกหลายแห่งที่เก็บต้นไม้ไว้แล้วเพิ่มคุณค่าอาคาร ด้วยการจัดแต่งรูปทรงต้นไม้ให้ดี และดูแลสุขภาพของต้นไม้ด้วย เช่น ดูแลรูปทรง ตกแต่งกิ่ง บางกิ่งตัดไม่ให้แตก บางกิ่งตัดให้แตก เป็นเรื่องของศิลปะและความรู้

นอกจากนั้นต้องรักษา form เอาไว้ ต้นไม้แต่ละชนิดจะมีรูปทรงของเขา แต่งสวยแต่ผิดฟอร์มก็ดูไม่ดี (คงต้องกลับไปดูที่บ้านต้นไหนผิดทรงบ้าง เท่าที่พอนึกออก ลั่นทมหน้าบ้านรูปทรงดีมาก ฉำฉาตรงทางเข้าก็ทรงดี ส่วนกระท้อนเสียทรงไปแล้วเพราะการตัดของพี่สาว ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ และคนตัดต้นไม้ไม่รู้ เพราะเท่าที่มีประสบการณ์ คนตัดต้นไม้ที่เราจ้างมามักจะตัดไปเรื่อย เช่น ตัดกิ่งให้แตกแต่ตาย เพราะตัดกิ่งแล้วเน่า น้ำขัง ไม่ได้ตัดให้แฉลบหรือตัดไม่ให้แตก แต่ตัดกิ่งทิ้งเอาไว้ไม่ตัดให้หมดก็จะเกิดกิ่งตายแห้ง และนั่นแหละจะตกลงมาเกิดอันตรายได้ หรือการแต่งกิ่งจากกิ่งล่างไป ซึ่งที่ถูกต้องตัดจากข้างบนหรือเรือนยอด ตัดกิ่งบนเพื่อให้แสงผ่านเข้ามาและแตกพุ่มออกข้าง ถ้าตัดจากกิ่งล่างต้นไม้จะชะลูดขึ้นสูงโต้ลมอาจจะหักโค่นได้

อีกเรื่องที่น่าสนใจยิ่งสำหรับเรา คือการทำให้ต้นไม้ออกดอกพร้อมกันแบบบานสะพรั่ง เช่น พวกดอกไม้ที่สวยอยู่ตามถนน ต้องตัดกิ่งให้เท่ากัน คือปลายกิ่งจะเหลือเท่ากัน ตัดหนักก็ได้ ตัดในช่วงที่ผลัดใบเต็มที่ แต่ถ้าผลัดใบแตกยอดแล้วห้ามตัดมันจะไม่ออกดอก ดังนั้น ต้องดูจังหวะที่ผลัดใบเต็มที่ แต่ยังไม่แตกยอดถ้าออกชุดใหม่แล้วห้ามตัด

เรื่องราวที่น่ารู้อีกหลายอย่างว่าด้วยต้นไม้ที่เราไม่รู้ เช่น การเอาต้นไม้ต่างถิ่นมาปลูก หลังจากฟังครูพูดแล้ว ทำให้คิดได้ว่า เป็นเรื่องไม่ควรท้าทายเพราะต้นไม้ไม่ได้ชอบไม่ควรพยายาม

นี่แค่ครึ่งวันแรกก็ได้รู้มากมาย ตอนเที่ยงออกมานั่งกินข้าวโรงอาหารคณะเภสัชศาสตร์ แล้วแหงนดูต้นไม้ คุยกับน้องที่เข้าอบรมด้วยกันว่า น้องเห็นไหมว่าต้นไม้ที่เรานั่งอยู่ใกล้ๆ นี้มีความเสี่ยง มีกิ่งแห้งที่ต้องเอาลง และมีกิ่งล่างสุดที่พร้อมจะฉีกขาดลงได้

“จริง จริง” เขาบอก สองหนุ่มนี้เป็นพนักงานสวนของโรงแรมแห่งหนึ่ง โรงแรมส่งมาอบรม

กินข้าวเสร็จเดินกลับเข้าห้องประชุมอีกครั้งในช่วงบ่าย จะเรียนรู้เรื่องเครื่องมือและการปฏิบัติจริง

“น้องว่าต้นนั้นเรือนยอดของมันบางลงไป ครูว่าถ้าบางลงน่าจะป่วย”

น้องพยักหน้าเห็นด้วย

ผู้เข้าอบรมมีทั้งหมด 22 นอกจากฉันแล้วมีผู้หญิงอีกคน เธอบอกว่า เธออบรมจนครบหลักสูตร เธอโหนเชือกตัดแต่งกิ่งไปกับครูได้ เธอเรียนเพื่อจะบอกให้คนอื่นทำได้ เพราะการทำงานของรุกขกรต้องทำเป็นทีม คนที่อยู่ข้างล่างก็สำคัญ

ผ่านวันแรก อบรมอีกสี่วัน มาดูว่าช่องทางอาชีพของรุกขกร โอกาสในวิชาชีพรุกขกรรม แน่นอนมีโอกาสสูง ในกระแสอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีงานต่างๆ ดังนี้

มีงานดูแลรักษาต้นไม้ในเขตเมือง

งานจัดการต้นไม้ในสนาม

ทำฟาร์มต้นไม้

งานอนุรักษ์ต้นไม้ในโครงการก่อสร้าง

“ถ้าคุณเป็นนักปฏิบัติตัวจริงคุณจะมีพื้นที่ยืน” ครูต้อพูดประโยคนี้

นี่เป็นทางเลือกอาชีพหนึ่งที่ยังมีช่องว่างสำหรับผู้แข็งแรง