ที่มา | ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
วันที่ 21 ธันวาคม นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ สยยท.ได้มีมติจากเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบให้ สยยท.ทำการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองฉุกเฉินให้ยุติการขายยางค้างสต๊อก 310,000 ตันของรัฐบาล โดยชะลอไปถึงเดือนมีนาคม 2560 ทั้งนี้ จากการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ได้ทำการเชิญชวนประมูลยาง ที่ค้างสต๊อกของรัฐบาลยู่จำนวน 310,000 ตัน แล้วส่งผลกระทบต่อชาวสวนยางทั่วประเทศในขณะนี้ ทำให้ราคายางทยอยลง ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม จนถึงขณะนี้แล้ว 5-6 บาท / กก. ทำให้เงินของชาวสวนยางหายไปวันละประมาณ 70 ล้านบาท
“ในการยื่นฟ้องฉุกเฉินต่อศาลปกครองให้ยุติการขายยาง โดยชะลอไปถึงเดือนมีนาคม 2560 โดยยึดต้นแบบที่เคยฟ้องฉุกเฉินต่อศาลปกครอง สมัยนายยุคล ลิ้มแหลมทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อปี 2554 ขณะนั้นยางชุดนี้ มีอยู่จำนวน 210,000 ตัน แต่ตอนนี้ขยับเป็น 310,000 ตัน ในการเชิญชวนประมูลยาง 310,000 ตันครั้งนี้ ทางประเทศจีน กลับรู้ก่อนประเทศไทย ทำให้ราคายางในระเทศจีน ตกไปตั้งแต่ 200 – 700 หยวน / ตัน”
นายวีระศักดิ์ สินธุวงศ์ ประชาสัมพันธ์ สยยท. เปิดเผยว่า ประเด็นการเปิดประมูลยาง 3.1 แสนตัน ของ กยท. โดยเริ่มแรกเนื่องจากบริษัทอุตสาหกรรมแปรรูปยางรายใหญ่ในประเทศมาเลเซีย และในประเทศจีน มีการประสานงานมายังสถาบันเกษตรกรยางจะขอซื้อยางในสต๊อกของรัฐบาล 3.1 แสนตัน โดยทาง กยท. ต้องออกแบบในการประมูลแบบอีอ๊อคชั่น บริษัทอุตสาหกรรมยางในประเทศมาเลเซียและจีน จึงถอนตัว
“สำหรับราคายางที่บริษัทอุตสาหกรรมแปรรูปยางจะซื้อในราคา 80 บาท / กก.”
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ยางราคาลงทุกวัน โดยเฉพาะก้อนถ้วยสดกว่า 30 บาทมาเหลือที่ 26 บาท / กก. และจากยางราคาลงทำให้สถาบันเกษตรกรกลุ่มยาง กลุ่มสหกรณ์ กลุ่มวิสาหกิจยาง ขาดทุนขนาดหนัก โดยกลุ่มขนาดใหญ่บางกลุ่ม กว่า 1 ล้านบาท ขนาดกลาง บางกลุ่ม 300,000 บาท และขนาดเล็ก 50,000 – 70,000 บาท และยางโดยเฉพาะทางภาคเหนือ อีสาน อีก 2 เดือนกว่า จะถึงฤดูกาลปิดหน้ากรีด กว่ายางขยับขึ้นในระดับเดิม ทำให้ชาวสวนยางสูญเสียเงินไปประมาณ 2,500 ล้านบาท
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ขอให้กลุ่มยางต่าง ๆ รวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อหาผู้รับผิดชอบและชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น