เกษตรกรกลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านพระแก้ว ชัยนาท ปลูกข้าวคุณภาพสูง ด้วยรถดำนาและรถหยอดข้าว ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิต

สยามคูโบต้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำเกษตรครบวงจร เดินหน้ายกระดับชาวนาไทยปลูกข้าวคุณภาพสูงและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดี ด้วย KUBOTA (Agri) Solutions เน้นให้เกษตรกรทำเกษตรประณีต โดยการใช้รถดำนาและรถหยอดข้าวในการเพาะปลูก เพื่อช่วยลดต้นทุน บำรุงรักษาง่าย และได้ข้าวบริสุทธิ์ ในพื้นที่กลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านพระแก้ว อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

คุณสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า สยามคูโบต้าตระหนักดีว่า การปลูกข้าวด้วยวิธีการทำนาดำและนาหยอด ช่วยให้ผลผลิตมีคุณภาพและได้พันธุ์ข้าวที่บริสุทธิ์ อีกทั้งยังช่วยเกษตรกรลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสามารถบำรุงรักษาต้นข้าวได้ง่าย จึงได้มีการส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวคุณภาพสูงด้วยวิธีการใช้รถดำนาและรถหยอดข้าว ทดแทนการทำนาหว่าน โดยหนึ่งในพื้นที่ที่สยามคูโบต้าได้เข้าไปส่งเสริมคือ กลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านพระแก้ว อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท โดยมีเป้าหมายสำคัญที่จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มปริมาณและคุณภาพผลผลิต

“จังหวัดชัยนาท มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตชลประทาน เหมาะแก่การทำนา แต่เกษตรกรบางส่วนยังคงประสบปัญหาการทำนาที่มีปัจจัยการผลิตสูง ทั้งค่าจ้างแรงงาน ค่าเมล็ดพันธุ์ รวมถึงค่าบำรุงรักษา จึงได้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่แห่งนี้เปลี่ยนจากการทำนาหว่านมาเป็นนาดำและนาหยอด ด้วยการใช้เครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว โดยเฉพาะข้าวคุณภาพ GAP ที่รัฐบาลได้สนับสนุนให้เกษตรกรเพาะปลูกอยู่ในขณะนี้” คุณสมศักดิ์ กล่าว

คุณบุญฤทธิ์ หอมจันทร์ (พี่ฤทธิ์) รองประธานกลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านพระแก้ว เป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรายแรกๆ ของจังหวัดชัยนาทที่ให้ความร่วมมือกับสยามคูโบต้า สละแปลงนา 10 ไร่ ให้ทีมงานได้ทดลองนำรถดำนาและรถหยอดข้าวมาใช้ในการเพาะปลูก ซึ่งในระยะเวลา 3-4 ปี ที่ผ่านมาจากการทดลองถือว่าการทำนาด้วยรถดำนาและรถหยอดข้าวประสบผลสำเร็จ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตได้จริง

“ผมทำนามา 15 ปี เพิ่งจะหันมาปลูกข้าวแนวใหม่ได้ 3-4 ปี แนวใหม่ที่ว่าคือ การปลูกข้าวด้วยวิธี KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS ที่ช่วยลดอัตราการใช้ปุ๋ย ใช้ยา และเมล็ดพันธุ์ลง” พี่ฤทธิ์ บอก

พี่ฤทธิ์ เล่าว่า เมื่อย้อนกลับไป ช่วง 12 ปีก่อน พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ทำนาหว่าน เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่คิดว่าการปลูกข้าวนาหว่านจะทำให้ได้ผลผลิตเยอะ และผมก็เป็นหนึ่งในผู้ที่คิดแบบนั้น การปลูกข้าวนาหว่านได้ผลผลิตเยอะก็จริง แต่เมื่อย้อนกลับมาดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองกับแย่ลง กลายเป็นว่าทำนาแล้วติดหนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเกษตรกรยังยึดติดและเคยชินกับการปลูกข้าวแบบเดิมๆ มีแนวคิดที่ว่ายิ่งหว่านเยอะ ใส่ปุ๋ย ใส่ยา เยอะเท่าไร ก็จะได้ผลผลิตมากตาม แต่ตอนนี้รู้แล้วว่า เป็นวิธีคิดที่ผิดมาตลอด

คุณบุญฤทธิ์ หอมจันทร์ กับรถหยอดข้าว

ปลูกข้าว ระบบ KUBOTA (Agri) Solutions หรือ KAS ได้ผลดีตามลำดับ

พี่ฤทธิ์ บอกว่า อยู่กับความคิดผิดๆ มานานกว่า 12 ปี จนกระทั่งปี 2557 ได้หันมาเก็บข้อมูลการปลูกข้าวของตัวเอง ก็ค้นพบถึงปัญหาของหนี้สินที่ว่าทำเท่าไร ได้ผลผลิตเยอะเท่าไร แต่พอขายหักลบต้นทุนแล้วไม่เหลืออะไร แถมยังติดหนี้ ต้นเหตุเกิดจากการทำนาที่ผิดวิธี การทำนาหว่าน 1 ไร่ ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ 20-30 กิโลกรัม ตนเองมีพื้นที่ทำนา 40 ไร่ เมล็ดพันธุ์ข้าว กิโลกรัมละ 20 บาท บางปีขึ้นสูงถึง 25 บาท ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงมาก ถ้าพี่น้องเกษตรกรหว่าน 20 กิโลกรัม ให้คูณ 20 นับเป็นเงินไม่น้อย เพราะเกษตรกรที่นี่ส่วนใหญ่มีที่นาคนละไม่ต่ำกว่า 30-50 ไร่ ลองนั่งคิดคำนวณดูแล้วแค่ค่าเมล็ดพันธุ์ก็มีต้นทุนสูงแล้ว ยังไม่ต้องคิดไปถึงค่ายา ค่าปุ๋ย ที่ต้องเสียอีก

“นั่งคิดและจดบันทึกมานานนับปี จนมาถึง ปี 2558 มีทีมงานจากคูโบต้า ได้เข้ามาเผยแพร่เทคโนโลยีการปลูกข้าวสมัยใหม่ ที่จะช่วยประหยัดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต มีการขอความร่วมมือจากเกษตรกรแถวนี้ ขอแปลงทดลองปลูกโดยใช้รถหยอดข้าวและปักดำ ผมจึงตัดสินใจเป็นแกนนำให้ตัวแทนคูโบ้ต้านำเครื่องจักรมาลงในการหยอด ปรากฏว่าเมื่อได้เห็นประสิทธิภาพในการทำงานของรถหยอดข้าวแล้ว คนรุ่นใหม่แต่อายุเยอะอย่างผม กลับคิดว่าเครื่องพวกนี้แหละจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตทั้งของผมและของเกษตรกรรายอื่นให้ดีขึ้นได้…ในช่วงของการทดลองฤดูแรกที่ทำการใช้รถหยอดข้าว จากเมื่อก่อนใช้วิธีหว่านเมล็ดพันธุ์ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ จำนวน 20-30 กิโลกรัม ต่อไร่ เมื่อเปลี่ยนมาใช้รถหยอดลดการใช้เมล็ดพันธุ์เหลือเพียง 10 กิโลกรัม ต่อไร่ ตอนนั้นบอกได้เลยว่าใจหายวาบ คิดในใจว่า จะได้ผลหรือไม่ ผลผลิตออกมาจะเป็นอย่างไร แต่เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตกลับดีเกินคาด ผมเกี่ยวข้าวได้ตามมาตรฐานเหมือนครั้งที่ใช้วิธีการหว่าน คือได้ผลผลิต 800-900 กิโลกรัม แต่ใช้เมล็ดพันธุ์ในสัดส่วนแค่ 10 กิโลกรัม ถือว่าลดต้นทุนค่าเมล็ดพันธุ์ไปได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ มีเงินเหลือไปจ่ายค่าเตรียมดินในการปลูกครั้งต่อไปได้เลย อันนี้ถือเป็นความสำเร็จขั้นที่ 1” พี่ฤทธิ์ เล่า

พี่ฤทธิ์ บอกว่า ความสำเร็จขั้นที่ 2 คือ เมื่อลดปริมาณการหยอดเมล็ดข้าวลงได้แล้ว สิ่งที่ตามมาคือ การทดลองตรวจวิเคราะห์ดิน เพื่อลดการใช้ปุ๋ยและยาลง จากที่เคยใส่ปุ๋ย 60 กิโลกรัม ต่อไร่ หลังจากที่ได้ตรวจวิเคราะห์ดิน ประกอบกับการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวที่น้อยลง ตนจึงลดปุ๋ยเคมีลงทันที เหลือแค่ 25 กิโลกรัม ต่อไร่ ผลตอบรับก็ดีเกินคาด ผมได้ผลผลิตข้าวในปริมาณเท่าเดิม คือ 800-900 กิโลกรัม ต่อไร่ ตามมาตรฐานของข้าวปทุมธานีของที่นี่ แต่กลับมีรายได้เพิ่มในส่วนของค่าปุ๋ย ค่ายา จากเดิมใช้สารเคมี 300-400 บาท ต่อไร่ เมื่อปลูกข้าวได้เป็นแถวเป็นแนวทำให้ดูแลและกำจัดวัชพืชในแปลงได้มากขึ้น ก็สามารถลดค่าสารเคมีเหลือเพียงไร่ละ 100 บาท

แปลงข้าวนาดำ

ความสำเร็จขั้นที่ 3 คือ การประหยัดแรงงาน การลดต้นทุนพี่น้องเกษตรกร สามารถทำได้ในหลายวิธี อย่างการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ผสมเข้ากับจิตวิณญาณการปลูกข้าวของพี่ฤทธิ์ ซึ่งก็เป็นไปได้ดี ผมลดการใช้แรงงานจากเมื่อก่อนทำนา 1 ไร่ ต้องใช้แรงงาน 4 คน เมื่อมีรถหยอดข้าว สามารถลดแรงงานเหลือเพียงคนเดียว อย่างเครื่องหยอดข้าว สามารถทำให้ 4 ขั้นตอน ที่ต้องใช้คน 4 คน เหลือแค่ 1 คน ทำขั้นตอนเดียวจบ ยกตัวอย่าง 10 ไร่ เมื่อก่อนต้องใช้เวลา2-3 วัน พอมีรถหยอดข้าวเข้ามาช่วย สามารถย่นระยะเวลาทำเสร็จใน 3 ชั่วโมง ทั้ง 10 ไร่ อันนี้ถือเป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่สามารถส่งเสริมให้ลดทั้งน้ำมัน ทั้งแรงงาน ลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้ทั้งหมด และตอนนี้ผมพยายามผลักดันเกษตรกรในพื้นที่ให้หันมาใช้เทคโนยีนำการผลิต ผมจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องเดินไปด้วยกัน แต่ถ้าพาใครไปไม่ได้ทั้งหมด 100 คน ขอเอาไปสัก 70-80 คน ก็ยังดี

การทำนาดำ

ใช้เทคโนโลยีนำการผลิต วิถีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น

ตั้งแต่ได้ทดลองปลูกข้าวโดยใช้รถหยอด วิถีชีวิตของพี่ฤทธิ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนขายข้าวไม่มีเงินเหลือให้ใคร ซ้ำยังติดหนี้ แต่ทุกวันนี้มีเงินใช้ มีเงินเก็บ แล้วยังมีเงินเหลือส่งให้ลูก 2 คน ไปโรงเรียนได้อย่างไม่ขัดสน และในการทำงานแต่ละครั้งพี่ฤทธิ์ไม่มีปัญหากู้หนี้ยืมสิน จากเมื่อก่อนติดหนี้เยอะ และต้องเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขายและใช้หนี้วนเวียนอยู่อย่างนี้ พอจะทำรอบใหม่ ไม่มีเงินลงทุนก็ต้องไปกู้ แต่พอเปิดใจรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ รู้สึกว่ารายจ่ายเราน้อยลง แต่รายได้เราเพิ่มขึ้น เมื่อก่อนทำนา 1 ไร่ ต้องใช้เงินลงทุน 5,000 บาท ต่อไร่ แต่ปัจจุบัน ทำนา 1 ไร่ ลงทุนแค่ 2,500 บาท เห็นได้ชัดว่าเหลือกำไรจากการทำนากว่าครึ่งหนึ่ง

การทำนาหยอด

สนใจรายละเอียด รถหยอดข้าว รถดำนา สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด โทร.02-909-1234