| ผู้เขียน | ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง |
|---|---|
| เผยแพร่ |
จบไปแล้วสำหรับงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม “THAIFEX-World of Food ASIA 2019” เมื่อเร็วๆ นี้ที่อิมแพค เมืองทองธานี จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย และโลโลญเมสเซ่ ประเทศเยอรมนี ซึ่งในงานจะเห็นเทรนด์สินค้าอาหารใหม่ๆ และนวัตกรรมอาหารจำนวนมาก นอกจากนี้ ผู้ประกอบการทั้งไทยและต่างประเทศบางส่วนยังสร้างความโดดเด่นด้วยการตอกย้ำถึงความเป็นออร์แกนิก เพื่อสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าเพิ่ม
อย่างที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า เทรนด์อุตสาหกรรมอาหารเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน เนื่องจากผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความตื่นตัวในการผลิตสินค้าในเทรนด์ดังกล่าว
น้ำมัน มาทำแป้งเบเกอรี่
ในงานนี้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ทำงานร่วมกับผู้ประกอบการก็ได้นำผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาออกบู๊ธในโซน Food Innovation Pavilion ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก เพราะบางรายการเป็นสินค้าใหม่ที่ยังไม่มีในท้องตลาด เพิ่งจะมาขายครั้งแรกในงานดังกล่าว ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ
นายเฉลิมพล ตู้จินดา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สวทช. เล่าที่มาที่ไปของสินค้าเหล่านี้ว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สวทช. และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ได้ร่วมกันดำเนินโครงการ “การสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง” เพื่อร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเกือบ 300 ราย ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมอาหาร เกษตร และสุขภาพ
ทั้งนี้ สวทช. มุ่งมั่นจะสนับสนุนผู้ประกอบการให้ขับเคลื่อนบนฐานนวัตกรรมหรือ Innovation-driven Enterprise (IDE) เพื่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผ่านกลไกบริการสนับสนุนที่ครบวงจรของในหลายส่วน โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) เป็นหนึ่งในกลไกสนับสนุนอย่างครบวงจร ตั้งแต่พัฒนาการผลิตในส่วนต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ด้วยการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มาเสริมให้แข่งขันและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมในเชิงพาณิชย์ ที่สามารถต่อยอดและขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้
ในงานนี้ก็ได้นำผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ 24 รายมานำเสนอสินค้า ซึ่งมีผลิตภัณฑ์หลายตัวที่มีอนาคตสดใส อย่างเช่น แป้งเบเกอรี่จากมันสำปะหลัง ปราศจากกลูเตน ชื่อแบรนด์ “ซาว่า” ซึ่งสามารถนำมาทำเบเกอรี่ได้หลากหลายชนิด เป็นการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ ทดแทนแป้งสาลีที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังปลอดภัยสำหรับคนที่แพ้กลูเตนในข้าวสาลี ผลิตภัณฑ์อีกอย่างที่น่าสนใจคือ เนยกระเทียมปลอดภัยจากสารพิษสำหรับทาขนมปัง ชื่อแบรนด์ “กาลิโก้” เป็นผลิตภัณฑ์ของจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมถึงน้ำแกงส้มทำแห้งแบบแช่เยือกแข็ง โดยทำเป็นก้อนสะดวกในการปรุง ซึ่งมีรสชาติดี
ผงจิ้งหรีดส่งออก
พิซซ่าหน้าทุเรียนแบบแช่เยือกแข็ง หรือแช่แข็ง เป็นผลิตภัณฑ์อีกอย่างที่เจาะกลุ่มเฉพาะ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบทุเรียน โดยนำพิซซ่ามาศึกษาหาสภาวะแช่เยือกแข็งแบบโครโอจินิก ซึ่งเปลี่ยนสถานะทำให้อุณหภูมิอาหารลดลงอย่างรวดเร็ว โดยการจุ่มอาหารลงในสารโครโอเจน หรือพ่นสารโครโอเจนลงบนผิวหน้าของอาหารโดยตรง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการรับประทานแบบสดใหม่
ด้าน รศ.ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการด้านเครือข่ายองค์กรบริหารงานวิจัยและนวัตกรรม และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกสว. ชี้แจงถึงการดำเนินโครงการว่า ในภาพรวมปัญหาที่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารและที่เกี่ยวข้องต้องการพัฒนาพบว่า ส่วนใหญ่ไม่มีนักวิจัย หรือ R&D ในโรงงาน ทำให้ไม่สามารถพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรมออกมาได้ อีกทั้งยังขาดการใช้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์อาหารมาช่วยในการแก้ไขปัญหาในกระบวนการผลิต ขาดการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่จะช่วยพัฒนาสินค้าให้มีความแตกต่างจากท้องตลาด อายุการเก็บสินค้าสั้น ขาดโอกาสทางการตลาด และการเพิ่มมูลค่าสินค้าด้วยการใส่แนวคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์
อย่างที่เกริ่นแต่แรกมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่ใช้นวัตกรรม อย่างกรณีของ นายวรสรรพ์ สุจรรยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็ค แอนด์ มิลลี่ คอร์เปอร์เรชั่น จำกัด ผู้ผลิตจิ้งหรีดอบกรอบและแปรรูปเพื่อส่งออกและขายในประเทศ ที่ให้ข้อมูลว่า บริษัทเป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ที่เริ่มทำตลาดอาหารแปรรูปได้ 1 ปี สินค้าหลักที่ผลิตคือ “ผงจิ้งหรีด” ซึ่งนำไปแปรรูปเป็นเครื่องดื่ม ผสมอาหารหรือเส้นราเม็ง โดยส่งออกไปประเทศอิตาลีแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจากับคู่ค้าในญี่ปุ่นและจีน
จับมะพร้าวแปรรูปสารพัด
ในงานไทยเฟ็กซ์ปีนี้ ยังคงเห็นผู้ประกอบการน้อยใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ นำน้ำมะพร้าวสดมาบรรจุเป็นประเภทพร้อมดื่มในหลากหลายบรรจุภัณฑ์ บ้างก็ใส่กลิ่นเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค และยังนำเนื้อและน้ำมาแปรรูปด้วย อย่างเช่น บางรายทำเป็นแยม บ้างก็ใช้แทนนมสดแล้วเติมความหวานเข้าไป ไว้ทาขนมปังหรือใส่พวกเครื่องดื่มชา กาแฟ เหมาะสำหรับพวกที่แพ้นม เรียกว่ามะพร้าวข้นหวาน บ้างก็ทำเป็นโยเกิร์ต ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายนำน้ำกะทิมาเติมรสชาติต่างๆ เข้าไป อย่างเช่น ช็อกโกแลต ซึ่งบ้านเราอาจจะไม่ค่อยนิยมรับประทานกันนัก
นอกจากนี้ ชาและกาแฟก็เป็นสินค้ายอดฮิตที่มีผู้ประกอบการน้อยใหญ่ทั้งของไทยและต่างชาติมานำเสนอกันเป็นร้อยๆ เจ้า โดยเฉพาะชานั้นมีการนำกลิ่นและรสผลไม้มาผสมให้ลูกค้าได้เลือกตามความชอบ
ซุปสกัดเข้มข้นจากแมงกะพรุน เป็นอีกผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ เรียกว่าเป็นสินค้าใหม่ที่ถูกใจคนชอบรับประทานแมงกะพรุน ซึ่งการทำใช้เทคนิคการสกัดโปรตีนจากแมงกะพรุน แล้วนำน้ำสกัดจากแมงกะพรุนมาพัฒนาเป็นเครื่องดื่มซุปสกัด ทำให้ได้เครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางอาหารสูง มีคอลลาเจนที่มีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ Proteoglycan และ Glycosaminoglycans และกรดอะมิโน รวมถึงกรดไขมันอีกหลายชนิด มีรสชาติดี สี กลิ่น และลักษณะของผลิตภัณฑ์เหมาะกับกลุ่มคนรักสุขภาพ มี 2 แบบให้เลือก คือกลิ่นสตรอเบอรี่และกลิ่นดั้งเดิม
สำหรับบ้านเราที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้วนั้น ผู้ประกอบการไทยก็ได้ทำผลิตภัณฑ์เยลลี่เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาด้านการเคี้ยวและการกลืนอาหาร ลักษณะเนื้อสัมผัสนุ่มลื่นรับประทานง่าย รสชาติอร่อย พกพาสะดวก โดยผ่านการวิจัยและพัฒนา ซึ่งเป็นเยลลี่ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบแป๊ะก๊วย มีโอเมก้า 3 โปรตีน ใยอาหาร แคลเซียม และวิตามินแร่ธาตุสูง ปราศจากกลูเตน น้ำตาล และน้ำตาลแล็กโทส
เครื่องดื่มฟักทองผงสำเร็จรูปตรา “ปัปปา” เป็นผลิตภัณฑ์อีกอย่างที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ ซึ่งสะดวกและรับประทานง่าย ใช้วิธีการทำแห้งแบบลูกกลิ้งร้อน (Drum Dry) รวมถึงกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของผงถั่วเหลือง เพื่อให้ได้เครื่องดื่มฟักทองผงที่มีคุณภาพดี ละลายได้ง่าย อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน เกลือแร่ วิตามิน และใยอาหาร สามารถเก็บรักษาได้นาน
ส่วนคนที่ชอบรับประทานไก่ ต้องไม่พลาด “ไก่แผ่นอบกรอบ Sexy chick” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เนื้ออกไก่นำมาพัฒนาเป็นขนมขบเคี้ยวที่ผ่านกระบวนการขึ้นรูปใหม่และอบแห้ง โดยใช้โมดิฟายด์สตาร์ชมาใช้เป็น Binder มีปริมาณโปรตีนสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ
เครื่องอบกรอบข้าวจากเกาหลี
ทีนี้มาถึงคิวของเครื่องไม้เครื่องมือและเครื่องจักรกันบ้าง ในงานไทยเฟ็กซ์ครั้งนี้มีผู้ประกอบการนำเครื่องชงกาแฟมาขายกันหลายเจ้าทีเดียว โดยเฉพาะจากต่างประเทศ เพราะบ้านเรานั้นเป็นที่ทราบกันดีกาแฟเป็นธุรกิจที่ไปได้ดีและมีอนาคต
บู๊ธเครื่องจักรเจ้าหนึ่งที่มีคนมุงดูและไปชิมกันเยอะก็คือ บู๊ธขายเครื่องอบกรอบของนักธุรกิจเกาหลีราคา 300,000 ต้นๆ ซึ่งเขานำโชว์ในงานและทำให้ชิมกันเดี๋ยวนั้น เพียงแค่ใส่ข้าวสารดิบๆ ลงไป พอผ่านเครื่องก็จะออกมาเป็นข้าวอบกรอบแบบแท่งๆ ไม่ต้องผสมอะไรเลย
ตอนนี้มียอดสั่งซื้อแล้วเกือบ 20 เครื่อง ถือเป็นเครื่องอบกรอบที่มีราคาแพงพอสมควร แต่ก็สะดวกในการใช้ แค่ใส่ข้าวสารดิบไปออกมาก็รับประทานได้เลย นี่ถ้านำไปตั้งโชว์ที่ไหนรับรองคนแห่ดูกันตรึมเพราะจากข้าวสารดิบออกมาเป็นขนมกรุบกรอบรับประทานได้เลย
น.ส.วงเดือน จาตุรนต์ ลูกค้าเครื่องอบกรอบรายหนึ่ง เล่าว่า มางานไทยเฟ็กซ์เห็นแล้วก็สั่งซื้อเลย โดยจะได้เครื่องที่โชว์ในงานไม่ต้องรอเครื่องใหม่จากเกาหลี สาเหตุที่ซื้อเพราะพ่อแม่ปลูกข้าวอยู่ที่อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี พ่อเป็นนายก อบต.ไผ่ชะเลือด ได้เห็นชาวบ้านขายข้าวให้โรงสีได้ในราคาถูก และต้องเป็นหนี้เป็นสิน จึงมองว่าหากซื้อเครื่องอบกรอบนี้ไปจะได้ทำขายไม่ต้องขายข้าวอย่างเดียว โดยตั้งใจจะทำเป็นศูนย์เรียนรู้เพื่อให้ชาวบ้านได้นำมาแปรรูปเป็นขนมอบกรอบ ซึ่งอาจจะผสมอย่างอื่นเข้าไปด้วยเพื่อให้มีรสชาติถูกปากเด็กๆ หรือนำมาคลุกภายหลัง เช่น อาจจะคลุกช็อกโกแลต หรือใส่ข้าวโพดผสมตอนอบ
เธอบอกอีกว่า เจ้าของเครื่องชาวเกาหลีอธิบายว่า เครื่องอบกรอบนี้ทำจากสแตนเลสไม่มีอะไรซับซ้อนมาก แต่ในการอบกรอบต้องใช้วัตถุดิบที่ไม่ใหญ่หรือเล็กมาก ให้มีขนาดเท่าๆ เมล็ดข้าวและจะต้องแห้ง ซึ่งจะต้องใช้ไฟฟ้าไปทำให้เกิดความร้อนตรงส่วนหัวของเครื่องอบกรอบนี้ และจะทำให้ข้าวพอง สามารถรับประทานได้เลยทันที ใน 1 ชั่วโมงสามารถทำได้ 50 กิโลกรัม
หากทำตลาดดีๆ เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ข้าวอบกรอบแบบนี้คงถูกใจผู้คน โดยเฉพาะน้องๆ หนูๆ ทั้งหลาย เพราะรับประทานสะดวก กรุบกรอบดี แทบจะไม่ต้องเคี้ยวเลย ประเภทละลายในปากทันที
