กุ้งก้ามแดง หรือล็อบสเตอร์น้ำจืด กุ้งต้นทุนต่ำ ตีตลาดชาวจีน

กุ้งก้ามแดง ที่หลายคนรู้จักนั้น มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เครย์ฟิช หรือล็อบสเตอร์น้ำจืด เป็นกุ้งน้ำจืดจำพวกหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวม ลำตัวใหญ่ เปลือกหนา ก้ามใหญ่แลดูแข็งแรง มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปยุโรป และบริเวณใกล้เคียง สำหรับในประเทศไทยไม่มีกุ้งในลักษณะเครย์ฟิช ซึ่งกุ้งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่สุดที่พบในประเทศไทย คือ กุ้งก้ามกราม ซึ่งในลักษณะกุ้งก้ามกรามนี้ ไม่จัดว่าเป็นเครย์ฟิช

จุดเริ่มต้น ที่ทำให้คนไทยรู้จัก เครย์ฟิช หรือกุ้งก้ามแดง เกิดจากที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เป็นผู้นำ เครย์ฟิช สายพันธุ์ออสเตรเลีย มาทดลองเลี้ยงครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548 ที่โครงการหลวงดอยอินทนนท์ มีการทดลองเลี้ยงในนาข้าวของเกษตรกรชาวเขา เนื่องจากพระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความเป็นอยู่ของชาวเขา ที่อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากชาวเขาปลูกแต่พืชไว้รับประทานในครัวเรือน หากเหลือจึงนำไปจำหน่าย จึงทดลองเลี้ยงในนาข้าวของชาวเขา เพื่อให้ชาวเขาได้มีกุ้งรับประทานตลอดปี และพระองค์ยังทรงเล็งเห็นความต้องการและการเติบโตของตลาดกุ้งก้ามแดง หลังจากการทดลองเลี้ยงไประยะหนึ่ง ก็พบว่า กุ้งก้ามแดงสามารถเจริญเติบโตได้ดีและมีอัตรารอดสูง ทั้งยังไม่ทำลายต้นข้าวที่ปลูกไว้ของเกษตรกร และมูลของกุ้งก้ามแดงยังเป็นปุ๋ยอินทรีย์อย่างดี บำรุงต้นข้าวให้ผลผลิตดีขึ้น

คุณณรงค์วิชฌ์ มหาโชติ หรือ คุณโต้ง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี คุณณรงค์วิชฌ์ประกอบอาชีพ เจ้าของฟาร์ม ล็อบสเตอร์น้ำจืด กุ้งก้ามแดง ราชบุรี คุณณรงค์วิชฌ์พูดถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ตนเองรู้จักกับล็อบสเตอร์น้ำจืดหรือกุ้งก้ามแดง โดยเริ่มแรก คุณณรงค์วิชฌ์รู้จักกุ้งก้ามแดงผ่านสื่อ ที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงนำเครย์ฟิช สายพันธุ์ออสเตรเลีย หรือที่เรารู้จักกันในชื่อกุ้งก้ามแดง เนื่องจากกุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งที่ต้นทุนต่ำ ใครๆ ก็เลี้ยงได้ และด้วยที่คุณณรงค์วิชฌ์มีความสนใจกุ้งสายพันธุ์นี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้คุณณรงค์วิชฌ์ลองนำกุ้งสายพันธุ์นี้มาทดลองเลี้ยง โดยเริ่มจากการซื้อพ่อแม่พันธุ์มาจำนวน 50 คู่ และลูกพันธุ์อีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อคุณณรงค์วิชฌ์ได้ทดลองเลี้ยงเป็นเวลาไม่นาน ก็ทำให้คุณณรงค์วิชฌ์รู้และเข้าใจอย่างแท้จริงในการเลี้ยงกุ้งก้ามแดง ทำให้ฟาร์มกุ้งก้ามแดงของคุณณรงค์วิชฌ์เป็นที่รู้จักอย่างมากในช่วงเวลานั้น จึงเปิดฟาร์มของตนเองให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้ที่มีความสนใจในกุ้งก้ามแดง ทำให้ผู้คนจำนวนมากที่มีความสนใจต่างก็เข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มกุ้งก้ามแดงของคุณณรงค์วิชฌ์ ถือว่าเป็นฟาร์มกุ้งก้ามแดงเจ้าแรกๆ ของประเทศไทยก็ว่าได้ ที่เป็นจุดเริ่มต้นให้กับใครหลายคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณณรงค์วิชฌ์ประสบความสำเร็จมาถึงทุกวันนี้

คุณณรงค์วิชฌ์อธิบายถึงขั้นตอนการเลี้ยงดูและดูแลกุ้งก้ามแดงของทางฟาร์ม เริ่มต้นจากนำพ่อแม่พันธุ์ลงไปในบ่อ โดยมีอัตราการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ลงบ่อเพื่อให้เกิดการผสมพันธุ์ จะใช้พ่อพันธุ์ 3 ตัวต่อแม่พันธุ์ 5 ตัว โดยปริมาณการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ลงบ่อสามารถสังเกตได้จากการแออัดในบ่อ ไม่มีปริมาณที่แน่ชัด เพียงแต่สังเกตไม่ให้ภายในบ่อมีความแออัดมากจนเกินไป โดยขนาดบ่อจะอยู่ที่ 4×4 เมตร เมื่อนำพ่อแม่พันธุ์ลงบ่อผสมพันธุ์แล้ว ต้องคอยสังเกตว่าแม่พันธุ์นั้นมีไข่ที่ท้องแล้วหรือยัง บางตัวอาจจะมีไข่ก่อน บางตัวอาจจะมีไข่ช้า ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของแต่ละตัว

เมื่อแม่พันธุ์ติดไข่แล้ว ก็จะนำมาแยกบ่อที่มีเฉพาะแม่พันธุ์ที่กำลังมีไข่ โดยหนึ่งบ่อจะมีแม่พันธุ์ที่กำลังมีไข่อยู่ประมาณ 10-15 ตัว ใช้ระยะเวลาอยู่ในบ่อนี้ไม่นานเพียง 1 เดือน ก็จะเห็นได้ว่ามีลูกกุ้งตัวเล็กๆ ที่ออกจากไข่ใต้ท้องแม่พันธุ์ออกมาเดินเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงระยะเวลานั้นก็สามารถแยกแม่พันธุ์ออกจากบ่อได้ และตัวแม่พันธุ์เองนั้นก็พร้อมที่จะผสมพันธุ์ต่อได้เลย

ลูกกุ้งที่มีอายุครบ 1 เดือน สามารถแยกลงบ่อธรรมชาติได้ โดยอัตราส่วนในการปล่อยลูกกุ้งลงสู่บ่อธรรมชาติจะอยู่ที่ 10-12 ตัวต่อ 1 ตารางเมตร ขั้นตอนในการเตรียมบ่อธรรมชาติหรือบ่อดิน ก่อนที่จะนำลูกกุ้งลงบ่อนั้นคือ จะต้องสูบน้ำออกจากบ่อให้หมด ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าในบ่อไม่มีสัตว์ชนิดใดอยู่ในบ่อ เช่น ปลาต่างๆ เป็นต้น จากนั้นตากบ่อไว้ประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสัตว์ชนิดใดซ่อนตัวอยู่ใต้ดินในบ่อ จากนั้นจึงใช้ซาแรนปูพื้นก้นบ่อ เพื่อสำหรับกุ้งใช้หลบซ่อนในช่วงเวลาที่ลอกคราบ เนื่องจากกุ้งสายพันธุ์นี้ค่อนข้างดุร้ายเมื่อเวลาลอกคราบ จะกินกันเอง การปูรองพื้นด้วยซาแรนจึงสำคัญมากเพื่อให้กุ้งที่กำลังลอกคราบอยู่นั้นได้หลบซ่อนตัว

จากนั้นจึงสามารถเติมน้ำลงบ่อได้ ใช้ได้ทั้งน้ำฝน น้ำบาดาล หรือน้ำประปา เป็นต้น เมื่อเติมน้ำลงไปในบ่อแล้ว พักน้ำไว้ ก่อนที่จะนำลูกกุ้งลงบ่อธรรมชาติ เพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ ลูกกุ้งที่จะลงบ่อธรรมชาติได้จะต้องเป็นกุ้งที่มีอายุครบ 1 เดือน มีควายยาว 1 เซนติเมตร ถึง 1 นิ้ว อัตราส่วนในการให้อาหารจะอยู่ที่ 1 มื้อต่อวัน เป็นอาหารเม็ดสำหรับกุ้งทั่วไป เมื่อกุ้งอยู่ในบ่อธรรมชาติครบ 3 เดือน ก็สามารถวัดไซซ์จำหน่ายได้แล้ว

ตลาดและกลุ่มเป้าหมายหลักของทางฟาร์มคุณณรงค์วิชฌ์จะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวจีน ทั้งส่งออกต่างประเทศให้กับชาวจีนและส่งจำหน่ายให้กับภัตตาคารอาหารจีน และกลุ่มเป้าหมายรองจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่มีความต้องการบริโภคกุ้งก้ามแดงหรือล็อบสเตอร์น้ำจืด โดยตลาดชาวจีนจะนิยมกุ้งก้ามแดงที่มีขนาด 4-5 นิ้ว แต่ถ้ากุ้งมีขนาดที่ใหญ่กว่า 4-5 นิ้วก็จะเป็นลูกค้าอีกกลุ่ม เช่น กลุ่มลูกค้าทั่วไปคนไทยในประเทศ คุณณรงค์วิชฌ์ กล่าวว่า เหตุที่ตนเองสามารถตีตลาดชาวจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เนื่องจากฟาร์มของคุณณรงค์วิชฌ์เป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย จึงทำให้มีผู้รู้จักมาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 10 ปี มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ในเรื่องของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทำให้ภัตตาคารหลายแห่งปิดลง ในบางช่วงมีการหยุดชะงักของการส่งออก แต่เนื่องด้วยในปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 เริ่มดีขึ้น มีการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ทำให้ทางฟาร์มสามารถจำหน่ายในประเทศและส่งออกได้อีกครั้ง ทำให้ยอดขายในปัจจุบันมีรายได้ที่สูงขึ้นมาก เฉลี่ยวันละประมาณ 300 กิโลกรัม โดยราคาของกุ้งก้ามแดงจะแตกต่างกันไปตามขนาดของแต่ละตัว

คุณณรงค์วิชฌ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมียอดการสั่งซื้อเข้ามาเยอะมาก ทำให้ในบางครั้งทางฟาร์มไม่มีกุ้งมากพอในการจัดส่งลูกค้า ท่านใดที่เลี้ยงกุ้งก้ามแดงและยังไม่มีตลาดรองรับ หรือต้องการขยายตลาดให้มากขึ้น สามารถติดต่อคุณณรงค์วิชฌ์ เจ้าของฟาร์มกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด ราชบุรี รับประกันรับซื้อกุ้งก้ามแดง ตลอดทั้งปี

สำหรับท่านใดที่สนใจกุ้งล็อบสเตอร์น้ำจืด หรือสนใจเป็นลูกฟาร์มส่งล็อบสเตอร์น้ำจืดให้ฟาร์ม ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณณรงค์วิชฌ์ มหาโชติ หรือ คุณโต้ง อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี โทรศัพท์ 081-301-5915 IDLine : tong.essoft หรือติดตามความเคลื่อนไหวได้ทางเฟซบุ๊ก ล็อบสเตอร์น้ำจืด กุ้งก้ามแดง หรือเว็บไซต์ ขายกุ้งก้ามแดง.com