หนุ่มช่างแอร์ ผุดไอเดียเลี้ยงปูดำทะเล ที่พิษณุโลก

7. ปูดำทะเลที่มีเนื้อแน่น ก้ามใหญ่ สมบูรณ์

การที่คิดนอกกรอบอย่างหนุ่มช่างแอร์ที่สู้ชีวิตคิดค้นและต้องทำให้ได้จนประสบความสำเร็จ กับการเลี้ยงปูดำทะเลในที่ๆ ไกลจากทะเล และเลี้ยงแบบออร์แกนิกด้วย เท่ากับว่ายกทะเลมาไว้ที่ภาคเหนือคือ หนุ่มโอม หรือ นายธนกฤต พลอยงาม ช่างแอร์วัย 36 ปี ผู้นี้จนเป็นที่ฮือฮา และสมควรยกย่องในความคิดนอกกรอบของเขาให้เป็นผู้นำในการศึกษาทดลองการเลี้ยงปูดำทะเล จนประสบความสำเร็จ สร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน ยังไม่พอแค่นี้ หนุ่มโอมยังเตรียมขยายพื้นที่เพิ่มเพื่อเลี้ยงปูดำทะเลเพื่อรองรับออร์เดอร์จากลูกค้าที่สั่งจองมาไม่ขาดสาย อยู่ภาคเหนือได้กินปูทะเลสดๆ เป็นๆ แถมยังรสชาติดี เนื้อหวาน และปลอดสารพิษหรือออร์แกนิกอีกด้วย ลูกค้าต่างติดอกติดใจ สั่งจองออร์เดอร์ข้ามปี ได้กินของสด สะอาด รสชาติดี ต้องจากฟาร์มที่พิษณุโลกเท่านั้น

นายธนกฤต พลอยงาม ผู้ที่เลี้ยงปูดำทะเลกับผลงานปูตัวใหญ่ก้ามโต

“ผมภูมิใจจากการลองผิดลองถูก หมดค่าใช้จ่ายไปมากมายแต่ไม่ท้อ จนในที่สุดได้มาพบว่าน้ำเกลือง่ายๆ ไม่ต้องมีอะไรยุ่งยาก ผมเลี้ยงในน้ำเกลือมา 3 ปีโดยที่ไม่ต้องเติมเกลือ เติมแค่น้ำสะอาดเท่านั้น ที่ว่าน้ำสะอาดได้ระเหยออกไป ก็เติมน้ำสะอาดทดแทน หลักการแค่นี้ก็เลี้ยงปูทะเลดำได้แล้วครับ”

น้ำหนักปู 4 เดือนขนาด 2 ตัวต่อกิโลกรัม
ปูขนาดเล็กที่ต้องเอามาขุนต่ออีก 4 เดือน

นายธนกฤต พลอยงาม เจ้าของธุรกิจเกษตรข้างบ้าน เลี้ยงปูดำทะเลในบ่อปูน เล่าว่า ตนเองเรียนจบ ปวส. สาขาไฟฟ้า วิทยาลัยเทคโนโลยีพัทยา หลังจากเรียนจบไปเป็นลูกจ้างทำงานเช่นนักศึกษาจบใหม่ทั่วไป จากนั้นได้กลับมาอยู่บ้าน ได้ใช้บ้านเป็นที่ทำงาน เริ่มต้นจากทำร้านรับซ่อมแอร์ มีรายได้หักค่าใช้จ่าย เฉลี่ยเดือนละ 9,000-10,000 บาท ทำมาได้ประมาณ 14 ปี ต้องเลิกกิจการรับซ่อมแอร์ สาเหตุเนื่องจากต้นทุนสินค้าแพงขึ้น ท่อแอร์ น้ำยาแอร์ปรับราคาสูงขึ้นเท่าตัว ประกอบกับปริมาณงานเท่าเดิมใช้เวลาการทำงานมากขึ้นเลิกงาน 4-5 ทุ่มทุกวัน ประกอบกับมีช่างแอร์เกิดใหม่ เปิดร้านมาตัดราคา ช่วงชิงลูกค้าซึ่งก็เป็นธรรมชาติการแข่งขันของธุรกิจ ทำให้ช่างอย่างผมมีรายได้เฉลี่ยลดลง ด้วยการแข่งขันสูง เพราะช่างรุ่นใหม่ก็มาเปิดแข่งและตัดราคากันบ้าง หลังจากนั้นจึงได้หันมาค้าขายแอร์มือสอง พอขายแอร์มือสองช่วงแรกก็ขายดี ทำได้ 3 เดือนก็ปรากฏว่ามีร้านลอกเลียนแบบทำเช่นเดียวกันอีกเป็นผลกระทบทางด้านธุรกิจ จึงทำให้คิดอยากเปลี่ยนอาชีพและมองหาอาชีพใหม่ๆ จึงเบนเข็มหันไปศึกษาการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามและปูดำ ที่เป็นปูทะเล เลี้ยงแบบออร์แกนิก ใช้เนื้อที่ ทำบ่อ 1 งาน เฉลี่ยบ่อละ 3×3 เมตร ปรากฏมีกระแสตอบรับจากลูกค้าดีเกินคาด มีการสั่งจองไว้ล่วงหน้า ทำให้มีรายได้จากการขาย เฉลี่ยเดือนละประมาณ 3-4 หมื่นบาท ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปที่ ฟาร์มเกษตรข้างบ้านเลี้ยงปูดำทะเล ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 267/1 หมู่ที่ 1 ตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก ได้พบกับ นายธนกฤต พลอยงาม หรือ โอม อายุ 37 ปี  เจ้าของธุรกิจเพจเกษตรข้างบ้าน

ธนกฤต กับผลผลิตจากฟาร์มที่เป็นที่ยอมรับจากลูกค้า

“ก่อนที่จะเลี้ยงปูดำทะเลผมได้เลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบมาก่อนจนประสบความสำเร็จ และทดลองเลี้ยงปูดำทะเลทีหลัง หลังจากเห็นว่ากุ้งก้ามกรามออร์แกนิก มีรสชาติดี น่าจะมีของที่แปลกกว่านี้และสร้างรายได้เพิ่มดีกว่านี้จึงทดลองเลี้ยงปูดำทะเล เป็นการทำธุรกิจเกษตรยุคใหม่ เลี้ยงกุ้งแม่น้ำออร์แกนิก เลี้ยงปูทะเลออร์แกนิก ซึ่งปัจจุบันมี 6 บ่อ แบ่งเป็น บ่อปูดำ 2 บ่อ บ่อกุ้งก้ามกราม 3 บ่อ และบ่ออนุบาลลูกกุ้ง 1 บ่อ เนื้อที่รวมบริเวณบ้าน 100 กว่าตารางวา”

ปูดำทะเลตัวใหญ่ที่พร้อมส่งขาย

เลี้ยงปูดำทะเลที่ภาคเหนือได้แล้ว คุณภาพดี เนื้อแน่น สด และปลอดสาร

ในการเลี้ยงปูดำทะเลและกุ้งก้ามกราม กว่าจะเป็นที่ยอมรับของตลาดใช้เวลากว่า 3 ปี สาเหตุเนื่องจากว่าสินค้าของเราขายแพงกว่าท้องตลาด เพราะว่าขั้นตอนการเลี้ยงของเราเป็นแบบปลอดสารพิษเป็นอาหารสะอาดย่อมมีต้นทุนสูง โดยเน้นเรื่องการดูแลความสะอาดของน้ำ มีการใช้ออกซิเจน น้ำวน อาหารแบบออร์แกนิก ปรากฏว่าหลังจากทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ให้รสชาติอร่อย เนื้อหวาน เนื้อแน่น คล้ายกุ้งจากธรรมชาติมาก โดยเราเลี้ยงในน้ำจืดน้ำประปา จึงเริ่มขยายจาก 1 บ่อ 2 บ่อ 3 บ่อโดยเลี้ยงในบ่อพลาสติก บ่อผ้าใบ ก่อนที่จะย้ายมาเป็นบ่อปูนในปัจจุบัน หลังจากนั้นมีการพัฒนาทำระบบให้ดีขึ้น จนเป็นที่ยอมรับว่าเนื้อกุ้งก้ามกรามและปูดำทะเล ปลอดสารมีรสชาติดี เนื้อแน่นหนึบ รสหวานอร่อยกว่าเลี้ยงในบ่อดิน
จากกุ้งก้ามกราม ก็มีการติดตลาดแล้วลูกค้าเชื่อถือแล้ว ก็ได้มีการพัฒนาต่อยอด เพราะอยากได้อะไรที่มาเสริมรายได้จากกุ้งก้ามกราม เนื่องจากสาเหตุที่กุ้งก้ามกราม มีระยะเวลาในการเลี้ยง 4 เดือน จึงจะได้ผลผลิต ด้วยการดำรงชีวิตจะต้องมีเงินหมุนเวียนเพื่อเสริมรายได้ระหว่างรอกุ้งโตเต็มวัย จึงได้ทดลองเลี้ยงปูดำทะเล โดยได้ศึกษาทดลองการทำน้ำทะเลเอง โดยลองผิดลองถูกมาหลายครั้ง และก็ขาดทุนกับเรื่องปูไปค่อนข้างมาก เพราะมันยากมาก เนื่องจากถิ่นกำเนิดของปูดำอยู่ภาคใต้และเป็นน้ำทะเล เมื่อต้องย้ายมาอยู่ภาคเหนือ เพื่อให้ปูกินดีอยู่ดีเหมือนเดิมค่อนข้างยากมากกว่า ในการเลี้ยงก็ลองผิดลองถูกเอง ไม่สามารถทำตามนักวิชาการ หรือเพจการเลี้ยงตาม YouTube ได้  ซึ่งการเลี้ยงปูดำ มีการวัดอยู่ 5 อย่าง และค่าวัดมีรายจ่ายเฉลี่ยอาทิตย์ละ 1,000 กว่าบาท  จึงยกเลิกและหันมาเน้นเรื่องความเค็มอย่างเดียว ค่าความเค็ม 22 ppt  ไม่เกิน 25 ppt (ตามมาตรวัดจากทางวิชาการ) จนมาจบในเรื่องแบบง่ายๆ คือเพียงแต่เติมเกลือในน้ำให้เหมาะสมเพียงครั้งเดียวก็เลี้ยงปูดำทะเลได้แล้ว โดยปูดำทะเลที่ผลิตได้ เราขายอยู่ 3 ตัว 500 บาท น้ำหนักขนาดตัวประมาณ 2 ตัว 1 กิโลกรัม ปัจจุบันนี้ค่าใช้จ่ายประหยัดมากโดยใช้ไฟ 24 ชั่วโมงสำหรับปั๊มอากาศเพียงแค่ 30 วัตต์เท่านั้น

ปูดำทะเลที่มีเนื้อแน่น ก้ามใหญ่ สมบูรณ์

ลองผิดลองถูกจนประสบความสำเร็จ

จากการศึกษาธรรมชาติของปูดำทะเล กลุ่มปูทะเลอาศัยหากินบริเวณปากแม่น้ำที่เป็นน้ำกร่อยและพื้นที่ป่าชายเลน ปูดำไม่ขุดรูแต่จะใช้การฝังหมกตัวอยู่ ใต้ทรายหรือโคลนตามชายฝั่งน้ำกร่อย ปูทะเลใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในป่าชายเลน แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์จะผสมพันธุ์ในป่าชายเลนหรือบริเวณปากแม่น้ำ จากนั้นปูเพศเมียจะว่ายออกสู่ทะเลเพื่อวางไข่ไกลออกไปจากฝั่งหลายกิโลเมตร ตัวอ่อนจะล่องลอยหากินอยู่ในทะเลช่วงหนึ่งก่อนเปลี่ยนแปลงรูปร่างเป็นปูขนาดเล็กว่ายเข้ามาอาศัยและหากินในพื้นที่ป่าชายเลน ปูทะเลพบกระจายอยู่ทั่วไปในแหล่งน้ำกร่อย ป่าชายเลน และปากแม่น้ำที่มีน้ำทะเลท่วมถึง โดยขุดรูอยู่ตามใต้รากไม้หรือเนินดินบริเวณชายฝั่งทะเลทั้งฝ่ายอ่าวไทยและอันดามัน โดยเฉพาะที่ชุกชุมในบริเวณที่เป็นหาดโคลน หรือเลนที่มีป่าแสมและโกงกาง ด้วยธรรมชาติศึกษาของปูดำทะเลนี้จึงได้นำมาต่อยอด ทดลองเลี้ยงเพราะธรรมชาติความทนของปูเมื่ออยู่บนบก ว่าปูดำทะเลนี้อยู่ได้นานไม่ตายง่าย จึงเป็นแรงบันดาลใจและลองผิดลองถูกด้วยตนเองจนถึงทุกวันนี้ถือว่าสร้างรายได้หลัก และมีคนมาเยี่ยมเยือนที่ฟาร์ม และยินดีให้ความรู้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม ทางฟาร์มก็ยังเน้นเรื่องการเลี้ยงแบบปลอดสาร

บ่อปูนที่มีน้ำเกลือกับกระชังปูดำทะเล กับการใส่ที่กรองน้ำวน กับปั๊มอากาศเท่านั้น
บ่อปูนที่มีน้ำเกลือกับกระชังปูดำทะเล กับการใส่ที่กรองน้ำวน กับปั๊มอากาศเท่านั้น

การตลาด
ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะเน้นเป็นกลุ่มลูกค้าประจำ โดยตนเองได้โพสต์เฟซบุ๊กขายส่วนตัว โดยมีทั้งกุ้งก้ามกรามปลอดสารซึ่งเลี้ยงมาก่อนปู  ปรากฏว่าตอนแรกกุ้งก้ามกรามไม่สามารถขายได้ เพราะว่าคนไม่เข้าใจว่าการเลี้ยงกุ้งออร์แกนิกเป็นอย่างไร ประกอบกับราคาที่เราขายกิโลกรัมละ 400 บาท 1 กิโลกรัมมีกุ้ง 18 ตัว ซึ่งแพงกว่าท้องตลาด เมื่อมาโพสต์ขายสินค้าใน เพจอร่อยเหาะเจาะสองแคว ซึ่งเป็นเพจท้องถิ่นของจังหวัดพิษณุโลก เริ่มทำให้มีกลุ่มลูกค้าสนใจว่า กุ้งออร์แกนิกคือกุ้งอะไร จากนั้นกลุ่มลูกค้าก็ตามมาซื้อสินค้าที่บ้าน ทำให้ปัจจุบันสินค้าไม่เพียงพอต่อการขาย ผมต้องขอขอบคุณพลังโซเชียลจริงๆ ที่ทำให้ผมมีวันนี้ แต่อีกอย่างคือรสชาติของเราต้องดีด้วย และลูกค้าที่กินของเราแล้วปากต่อปากทำให้ยอดขายพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันนี้เรากำลังขยายรอบเลี้ยงครั้งละ 1,000 ตัว เฉลี่ย 2-3 ตัวต่อกิโลกรัม ราคา 500 บาท คาดว่าน่าจะเพิ่มรายได้ต่อเดือนขึ้นไปอีก

ลูกค้ามารับซื้อโดยตรงที่ฟาร์ม

การเพาะเลี้ยงปูดำทะเลออร์แกนิก
ผมซื้อลูกปูมาจากจังหวัดสตูล กิโลกรัมละ 180 บาท มีปูอยู่ 10-12 ตัวต่อกิโลกรัม ใช้เวลาในการเลี้ยง 4 เดือน ภายใน 4 เดือน ลูกปูจะมีการลอกคราบ 2 ครั้ง โดยลูกปูดำทะเลจะได้มาจากชาวประมงจับมาจากธรรมชาติโดยตรง เพราะเป็นอาชีพของชาวประมงที่จังหวัดสตูลที่หาลูกปูจากทะเลธรรมชาติมาขาย ทำมานานแล้ว แต่ส่วนใหญ่ส่งขายแถบทางพื้นที่ติดทะเล มาแปลกตรงที่พิษณุโลกนี่แหละ การให้อาหารด้วยปลาน้ำจืดให้อาหารวันเว้นวัน การเลี้ยงปู การกินของปูง่ายกว่ากุ้ง โดยให้กินแค่มื้อเดียววันเว้นวัน  ส่วนกุ้งเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดและไส้เดือน โดยมีระยะเวลาในการเลี้ยง 4 เดือนเท่ากัน โดยออกไม่พร้อมกันโดยปูออกได้ทุกอาทิตย์ ต้องพูดเป็นอาทิตย์เพราะว่าปูหลังจากลอกคราบเราต้องทิ้งไว้อีก 10 วันเพื่อรอการขายเพราะปูเมื่อลอกคราบตัวปูจะนิ่ม เราต้องรอให้เปลือกข้างนอกแข็งก่อน ปูดำทะเลที่เลี้ยงจากของเราจะมีก้ามปูใหญ่มากเนื้อเยอะ เนื้อแน่น โดยปัจจุบันมีรายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณหลักแสนบาท แต่หลังจากหักต้นทุนแล้วจะอยู่ที่ 30,000 บาท แต่ถ้าสามารถขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้นก็เชื่อว่ารายได้น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย ตอนนี้ก็กำลังขยายพื้นที่เพาะเลี้ยงปูดำทะเลเพิ่มขึ้นอีก บ่อปูนที่ทำเพิ่มขึ้นก็กำลังจะเสร็จสมบูรณ์เร็วๆ นี้

ปูนึ่งพร้อมน้ำจิ้มส่งตามออร์เดอร์ลูกค้า

การถ่ายเทน้ำเค็มจากการเลี้ยงปูดำทะเล
เริ่มเลี้ยงปูดำทะเลมากว่า 3 ปีแล้ว ส่วนข้อกังวลที่ว่า น้ำต้องเป็นน้ำเค็ม ต้องปล่อยทิ้งนั้น บ่อเลี้ยงปูดำน้ำเค็มจะไม่มีการทิ้งหรือปล่อยจากบ่อ เราจะมีการบำบัดด้วยจุลินทรีย์ธรรมชาติ น้ำเค็มจะอยู่ในบ่อ น้ำเค็มจะออกจากบ่อได้จะต้องเกิดจากการระเหยออกไปเท่านั้น จะไม่มีการปล่อยหรือทิ้งไปอย่างแน่นอน แต่เราจะเติมน้ำจืดทุกๆ 3 วันในบ่อปูน เราจะเติมจุลินทรีย์ธรรมชาติ เพื่อทำความสะอาดบ่อที่มีระบบกรองน้ำวนและยังตักเศษอาหารหรือมูลของปูด้วยตนเอง

ภายในบ่อปูนที่ต้องสะอาดและใส่จุลินทรีย์ธรรมชาติในการบำบัดน้ำเสีย

ลูกค้าที่สนใจที่จะสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ นายธนกฤต พลอยงาม ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 267/1 หมู่ที่ 1 ตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก สามารถติดต่อทางเพจ เกษตรข้างบ้านเลี้ยงกุ้งแม่น้ำในบ่อผ้าใบ หรือโทรศัพท์ 089-026-2529