ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
จากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีภาวะไม่คล่องตัวนัก จึงทำให้รายได้มีไม่เพียงพอต่อรายจ่าย ส่งผลให้หลายๆ คน หันมาทำอาชีพเสริมมากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ให้เพียงพอต่อรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งกิจกรรมที่ทำบางคนเริ่มลงมือทำจากงานที่ชอบ และใช้เวลาว่างจากงานประจำมาลงมือจนประสบผลสำเร็จ และเกิดเป็นรายได้ที่สามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้
ในเรื่องของไม้ประดับอย่างกระบองเพชรนั้น จึงเป็นอีกหนึ่งชนิดที่หลายๆ คนให้ความสนใจ เพราะเป็นไม้ที่มีขนาดเล็ก ใช้พื้นที่น้อยในการปลูกและไม่ต้องรดน้ำทุกวัน โดยผู้ปลูกอาจจะเริ่มลงมือทำด้วยความชอบ และเรียนรู้ศึกษาการขยายพันธุ์ตลอดไปจนถึงการพัฒนาพันธุ์ จึงทำให้มีปริมาณที่เพิ่มมากขึ้นและสามารถจำหน่ายได้ ส่งผลให้สามารถทำเป็นรายได้มีเงินเข้ามาหมุนเวียนใช้จ่ายได้อย่างสบาย
คุณวรินดา สุวรรณทอง อยู่บ้านเลขที่ 351 ถนนเลียบคลองมอญ แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ชื่นชอบการปลูกกระบองเพชรมาตั้งแต่ครั้งเรียนมหาวิทยาลัย จึงทำให้ในช่วงนั้นเธอได้ซื้อและเก็บสะสมสายพันธุ์ต่างๆ เข้ามาปลูกเลี้ยงเป็นงานอดิเรก และเมื่อปลูกและขยายพันธุ์เรื่อยๆ กระบองเพชรเริ่มมีจำนวนที่มากขึ้น จึงทำให้เธอนำไม้ไปจำหน่ายยังเพื่อนที่ออฟฟิศ และโพสต์ทำตลาดออนไลน์ สามารถจำหน่ายเกิดเป็นรายได้เสริมอย่างดี
เริ่มปลูกเลี้ยงกระบองเพชร
ตั้งแต่เรียนปริญญาตรี
คุณวรินดา สาวอินดี้ผู้รักความอิสระ เล่าให้ฟังว่า ปัจจุบันตัวเธอทำงานเป็นสาวออฟฟิศ แต่มีความชอบในเรื่องของการปลูกต้นกระบองเพชร มาตั้งแต่ปี 2551 สมัยเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งเธอจบการศึกษาทางสาขาวิชาพืชสวน คณะเทคโนโลยีการเกษตร สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จึงทำให้สมัยที่เรียนอยู่นั้นได้ศึกษาวิธีการปลูกเลี้ยงตามโซเชียลมีเดียต่างๆ และเรียนรู้การพัฒนาจากคณาจารย์ในคณะ
“เหตุที่ปลูกต้นกระบองเพชร เพราะช่วงนั้นซื้อมาเพื่ออยากเอาไว้ถ่ายรูป กระบองเพชรมันดูแล้วมีความสวย เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว คราวนี้พอดูๆ ไป เห็นว่าเอ้ย! มันก็สวยแปลกกว่าไม้อื่น ก็เลยชอบ แล้วก็ปลูกมาเรื่อยๆ ซื้อตามหลายๆ ที่ เจอสายพันธุ์ไหนก็จะซื้อมาเลี้ยงดู คิดว่ามันน่าจะเลี้ยงง่าย ขึ้นชื่อว่าต้นกระบองเพชรไม่น่าจะยุ่งยาก ทนแล้ง แต่พอมาปลูกจริงๆ นี่มันไม่ใช่อย่างที่คิด ก็มีตายเยอะเหมือนกันในช่วงเริ่มต้น” คุณวรินดา เล่าถึงที่มา
ลองผิดลองถูกจนประสบผลสำเร็จ
และขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น
จากความชื่นชอบในครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอได้เรียนรู้อย่างจริงจัง พร้อมทั้งศึกษาลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ใช้เวลาเกือบ 3 ปี กว่าจะปลูกกระบองเพชรให้ประสบผลสำเร็จ แบบเข้าใจนิสัยอย่างแท้จริง เรียกง่ายๆ ว่า สามารถขยายพันธุ์และเลี้ยงดูให้เจริญเติบโต จำหน่ายเป็นเงินเป็นรายได้เสริมได้แบบสบายๆ ตามสไตล์สาวอินดี้อย่างเธอ
“ตอนมาปลูกหลงคิดไปเองว่า กระบองเพชรน่าจะชอบแดดจัด อยู่กลางแจ้งแบบจัดๆ แต่ที่จริงไม่ใช่ เราต้องทำที่ร่มให้อยู่บ้าง หลังคาสามารถกันเรื่องน้ำฝนได้ ส่วนเรื่องแสงแดดที่แรงมากก็จะใช้ตาข่ายพรางแสงเข้ามาช่วย เพื่อให้ได้แสงพอดี” คุณวรินดา บอก
ซึ่งในขั้นตอนของการดูแลหลักๆ ก็อาจไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก พอเห็นไม้ต้นไหนเริ่มใหญ่ก็จะทำการเปลี่ยนกระถาง ส่วนดินที่ใช้ปลูกเธอจะคิดเองตามจากแหล่งต่างๆ ที่ได้ศึกษามา เรียกง่ายๆ ว่า ไม่มีสูตรที่ตายตัว จะเน้นดูเองว่าพันธุ์ไหนเหมาะที่จะใช้ดินผสมแบบไหน บางครั้งก็นำความรู้ที่ได้จากการอ่านศึกษามาปรับใช้ด้วย หากมีข้อสงสัยในบางเรื่องเกี่ยวกับกระบองเพชร จะสอบถามกับอาจารย์ในคณะเทคโนโลยีการเกษตรเมื่อสมัยเป็นนักศึกษา จึงได้นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์จนถึงปัจจุบัน
ดินที่ใช้สำหรับปลูกมีส่วนผสมของดินใบก้ามปู ทรายหยาบ และขุยมะพราว ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 นำมาผสมให้เข้ากัน ก่อนปลูกกระบองเพชรลงไป จะใช้ถ่านป่นมารองก้นกระถางก่อน จากนั้นจึงนำกระบองเพชรที่แยกหน่อมาปลูก ส่วนกระบองเพชรที่เป็นเมล็ดจะนำมาเพาะลงในกระถางที่เตรียมไว้ โรยเมล็ดให้ทั่วอย่าให้หนาจนเกินไป นำถุงพลาสติกห่อทั้งกระถางรดน้ำพอประมาณ มัดปากถุงให้สนิท ทิ้งไว้จนกว่าเมล็ดจะงอก ประมาณ 3-6 เดือน เมื่อต้นงอกมีความแข็งแรง จะย้ายมาปลูกเหมือนกับวิธีแยกหน่อ
“ช่วงที่ดูแลให้เจริญเติบโต ก็จะมีใส่ปุ๋ยบ้างเป็นสูตรเสมอ ดูแลอย่างนี้ประมาณ 4-6 เดือนสำหรับต้นที่แตกหน่อ ส่วนต้นที่เพาะเมล็ดใช้เวลาเจริญเติบโตประมาณ 1 ปี ในเรื่องของการป้องกันโรคและแมลง หลักๆ ก็จะเป็นพวกเชื้อราและเพลี้ยหอย หากพบการระบาดก็จะฉีดพ่นยาป้องกันบ้าง เพื่อให้ไม้ไม่เกิดความเสียหาย ซึ่งยาหาซื้อได้จากร้านเคมีภัณฑ์ทั่วไป” คุณวรินดา บอก
สร้างตลาดออนไลน์
โพสต์กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน
เมื่อต้นกระบองเพชรที่ทำมีจำนวนมากขึ้น คุณวรินดา บอกว่า จะนำต้นที่สวยๆ มาถ่ายรูปลงในสื่อโซเชียลต่างๆ เช่น อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ส่วนตัวของเธอ ทำให้คนที่พบเห็นเกิดความสนใจและติดต่อขอซื้อ ทำให้เธอมีรายได้กับการจำหน่ายต้นกระบองเพชรไปด้วยอีกทาง
“การจำหน่าย ก็จะมีพี่ๆ ที่ทำงานที่บริษัทเดียวกันมาถามบ้าง เพื่อนๆ ในเฟซบุ๊กบ้าง ประมาณว่าตอนนี้มีสายพันธุ์ไหนที่แยกหน่อไว้เยอะๆ พอจะมาขอซื้อได้ไหม ก็จะเอาไปจำหน่ายให้เขา ซึ่งราคาก็อยู่ที่ 20 บาท จนถึงราคา 60 บาท ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับขนาดไซซ์และสายพันธุ์ ก็ไม่ได้ขายราคาแพงมาก เพราะอย่างน้อยก็มีรายได้ที่ทำจากสิ่งที่เรารัก ก็ยังดีกว่าที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะเราทำให้มันเป็นอาชีพเสริม มันก็ใช้พื้นที่ไม่มาก อยู่ในบริเวณบ้านเราเอง มีการจัดการที่ดีให้มันสร้างเงิน มันก็เป็นรายได้เสริมมาใช้จ่ายได้” คุณวรินดา บอก
สำหรับท่านใดที่มีความสนใจอยากปลูกต้นกระบองเพชร แต่ปลูกเลี้ยงเท่าไรก็ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร คุณวรินดามีคำแนะนำจากประสบการณ์ของเธอว่า ต้องเข้าใจนิสัยของไม้ตัวนี้เสียก่อน ว่าต้องการสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมอย่างไร เพราะไม้บางต้นก็ไม่ชอบแดดมากจนเกินไป เพราะกระบองเพชรมีใจรักเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูแลเอาใจใส่ด้วยเช่นกัน
“เราต้องเข้าใจนิสัยของมันให้หมด ดูอีกด้วยว่าเราชอบจริงไหม จะปลูกมัน รักมันแค่ไหน ไม่ใช่เพราะเห็นเขาปลูกก็ปลูกตามกระแส หากได้ลงมือทำเอง ผู้ปลูกจะได้เรียนรู้ไปพร้อมกับมัน ในวิถีที่กระบองเพชรเป็น ว่ามันชอบอุณหภูมิแบบไหน สภาพแวดล้อมยังไง แล้วสิ่งที่เราทำด้วยความรัก มันก็จะสร้างเงินให้เราเอง แม้ไม่มากแต่ก็ทำด้วยความสุข เท่านี้ก็ถือว่าเบิกบานใจที่สุด” คุณวรินดา แนะนำ
หากสนใจพูดคุยข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกกระบองเพชร สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวรินดา สุวรรณทอง ที่หมายเลขโทรศัพท์ (092) 012-2854