ผู้เขียน | สุรเดช สดคมขำ |
---|---|
เผยแพร่ |
สับปะรดสี นอกจากจะเป็นไม้เพื่อประดับตกแต่งบ้านเรือนแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งพรรณไม้ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย รวมไปถึงในเรื่องของการจัดสวน เพราะสับปะรดสีเมื่อนำมาตกแต่งหรือจัดสวนภายในพื้นที่ที่ต้องการ สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีหรือยังคงความสวยของสีอยู่ได้เป็นระยะหนึ่ง จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ที่พบเห็นตั้งแต่ผู้เริ่มต้น และยังมีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่เรื่อยๆ สำหรับนักสะสม
คุณอดิศักดิ์ ไชยะสิทธิ์ หรือ คุณป๊อป เป็นอีกหนึ่งเกษตรกรที่มีความชื่นชอบสับปะรดสีเป็นอย่างมาก โดยตลาดที่ส่งส่วนใหญ่จะเป็นนักสะสมจากต่างประเทศ จึงทำให้สับปะรดสีในสวนแห่งนี้ นอกจากมีการพัฒนาพันธุ์อย่างสม่ำเสมอแล้ว ลูกค้าจากต่างประเทศต่างเข้ามาจับจองเป็นเจ้าของจนผลิตส่งจำหน่ายไม่ทันกันเลยทีเดียว นับเป็นอีกหนึ่งสวนสับปะรดสีที่น่าสนใจ
ผู้ออกแบบจัดสวน จับสับปะรดสีทำรายได้
คุณป๊อป เล่าให้ฟังว่า อาชีพที่ทำอยู่คือเปิดบริษัทรับจัดสวนให้กับลูกค้าทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการออกแบบจัดสวนในรีสอร์ต การออกแบบจัดสวนในโรงแรมต่างๆ ล้วนแล้วเป็นลูกค้าของคุณป๊อปแทบทั้งสิ้น เมื่อการออกแบบและการนำต้นต่างๆ เข้ามาจัดสวน สับปะรดสีจึงเป็นอีกหนึ่งไม้ประดับที่ต้องนำมาจัดสวนอยู่ตลอดเวลา เมื่อได้สัมผัสและได้นำสับปะรดสีมาจัดสวนอยู่เรื่อยๆ จึงเกิดความชอบ และนำมาศึกษาเรียนรู้มากขึ้น จากนั้นจึงได้ทำการขยายพันธุ์จนมีจำนวนและสร้างรายได้มาจนถึงปัจจุบัน
“สายพันธุ์ที่ผมนำเข้ามาปลูก ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นสายพันธุ์จากต่างประเทศเป็นหลัก เพราะสับปะรดสีไม่ใช่ไม้พื้นเมืองประเทศไทย ช่วงแรกๆ ก็เอาสายพันธุ์ธรรมดาเข้ามาก่อน ดูว่าที่ว่าน่าจะทนต่อสภาพแวดล้อมในประเทศไทยได้ เพื่อมาปลูกแล้วสับปะรดสีเหล่านี้ จะมีความเหมาะสมกับการใช้งาน จากการเริ่มต้นในวันนั้นมาจนถึงวันนี้ ก็ประมาณ 25 ปี ได้แล้วครับที่ปลูกสับปะรดสี” คุณป๊อป บอก
พัฒนาสายพันธุ์เกิดลูกไม้ใหม่ และทำจำนวนส่งขาย
สับปะรดสีที่ปลูกอยู่ภายในสวน คุณป๊อป บอกว่า จะแบ่งออกด้วยกัน 3 ชนิด คือ 1. สายพันธุ์ที่สามารถอยู่แดดได้ 2. สายพันธุ์ที่ต้องอยู่ใต้ร่มรำไร และ 3. สับปะรดรากอากาศเป็นสับปะรดสีที่ไม่ต้องการวัสดุปลูก ซึ่งหลักๆ ภายในสวนจะมีอยู่ด้วยกันอย่างที่กล่าวมา
โดยการขยายพันธุ์จะมีตั้งแต่นำต้นพ่อแม่พันธุ์ที่อยู่ภายในสวนมาคัดเพื่อผสมพันธุ์ จากนั้นใช้เวลาอยู่ประมาณ 2 ปี จะเริ่มเห็นลักษณะเด่นของไม้มากขึ้น แล้วจึงนำไม้ที่มีลักษณะเด่นๆ เหล่านั้นมาทำการพัฒนาต่อ ส่วนที่ไม่เป็นลักษณะเด่นที่ไม่ต้องการก็จะทำการคัดทิ้งไป สำหรับไม้ที่นำมาขยายพันธุ์ด้วยวิธีการแยกหน่อ จะเป็นไม้ที่ผ่านการคัดมาแล้วว่ามีความเหมาะสมและมีความนิ่งของสายพันธุ์
“พ่อแม่พันธุ์ของสับปะรดสีที่นำมาผสมได้ จะต้องมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2-3 ปี หลังจากผสมแล้วประมาณ 3 เดือน ต้นแม่พันธุ์จะติดฝัก หลังจากได้ฝักแล้ว เราก็จะมาเพาะเมล็ดประมาณ 2 เดือน ก็จะงอกเป็นต้นอ่อนออกมา ซึ่งใน 1 ฝักที่ได้เมล็ดมา 100 กว่าต้น จะมีเด่นๆ ให้คัดได้ประมาณ 5-10 ต้นเท่านั้น ช่วงที่ไม้อายุ 2 เดือน ให้ระวังพวกหอยทากที่จะเข้ามากัดกินและเชื้อราต่างๆ ที่จะมาทำให้เกิดโรคอันนี้คือสำคัญ” คุณป๊อป บอก
เน้นทำตลาดส่งขาย ต่างประเทศเป็นหลัก
การทำตลาดเพื่อจำหน่ายสับปะรดสีภายในสวน คุณป๊อป บอกว่า ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อขอซื้อจะเป็นลูกค้าจากต่างประเทศ โดยเป็นนักสะสมหรือที่ชื่นชอบไม้ชนิดนี้อยู่เป็นทุนเดิม และที่ทำให้ตลาดขายดีแบบสุดขีดจะเป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาด ช่วงนั้นถือว่าตลาดมีความต้องการสับปะรดสีเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าจากต่างประเทศที่ทางสวนเน้นส่งจำหน่ายเป็นหลัก
โดยราคาของสับปะรดสีที่จำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่กระถางละ 500 บาท และราคาที่สูงขึ้นไปก็จะอยู่ที่ 50,000 บาท จนถึง 100,000 บาท ซึ่งราคาที่ถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และชนิดของไม้ ลูกค้าที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่จะเป็นนักสะสมจากต่างประเทศเป็นหลัก มีตั้งแต่ตลาดจากประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง จะชอบทรงไม้ที่มีขนาดเล็ก แต่ถ้าเป็นลูกค้าจากประเทศอเมริกา ฝรั่งเศส และประเทศทางยุโรปจะชอบไม้ที่มีขนาดใหญ่
“ตลาดสับปะรดสีถือว่าทำส่งขายได้เรื่อยๆ ยิ่งเรามีการพัฒนาสายพันธุ์อยู่เสมอ จะทำให้เกิดลูกไม้ใหม่อยู่ตลอด แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือ ลูกค้าจากหลายประเทศชื่นชอบไม้ที่แตกต่างกันไป เราควรผลิตไม้ให้มีความหลากหลาย ก็จะช่วยให้ขายได้ง่ายขึ้น สำหรับคนที่อยากเข้ามาในวงการนี้ ก็อยากจะให้เริ่มต้นจากความรักก่อน ควรศึกษาเรียนรู้ลักษณะนิสัยของไม้ว่าชอบแสงและรดน้ำอย่างไร และใส่ปุ๋ยให้ยาแบบไหน พอเรียนรู้ไปทำไปด้วยใจรัก การพัฒนาก็จะทำไปได้เป็นลำดับจนเกิดรายได้ครับ” คุณป๊อป บอก
สำหรับท่านใดสนใจในเรื่องของการปลูกสับปะรดสี หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณอดิศักดิ์ ไชยะสิทธิ์ หรือ คุณป๊อป เจ้าของสวน Double T Bromeliads ตั้งอยู่ที่ตำบลชะอม อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 081-929-6196, 089-929-7775