กุหลาบหิน ที่อุทัยธานี สีสวย รูปทรงเด่น เหมาะใช้ประดับหรือเพาะขาย สร้างรายได้

“กุหลาบหิน” เป็นหนึ่งในพันธุ์พืชประเภท Succulent plants หรือพืชอวบน้ำ ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด มีสีสันและรูปทรงเด่นจากใบ ดอก แล้วโดนใจของบรรดานักสะสมพันธุ์ไม้กระถางเล็ก ความเฉพาะของใบที่มีลักษณะค่อนข้างกลมเป็นหยักมนซ้อนกันจึงดูคล้ายดอกกุหลาบ แต่ขาดความอ่อนช้อย จึงถูกตั้งชื่อว่ากุหลาบหิน

กุหลาบหิน มีถิ่นกำเนิดในมาดากัสการ์ แอฟริกา และเอเชีย แต่เดิมไม้พันธุ์นี้มีลักษณะต้นสูง ขาดรูปทรงที่ชัดเจน แต่ด้วยความสวยของใบ ดอก ที่มีสีสันสวยงามจึงถูกนำมาเพาะเลี้ยงไว้ในกระถาง พร้อมกับการคัดเลือกสายพันธุ์ต่างๆ จึงทำให้ได้พันธุ์ใหม่ที่มีพุ่มต้นเตี้ยกะทัดรัดเหมาะที่จะปลูกเป็นไม้กระถางสำหรับตกแต่งสถานที่หรือเพื่อกิจกรรมงานอดิเรก

ในบ้านเรามีคนนิยมปลูกหรือสะสมกุหลาบหินยังไม่แพร่หลายเหมือนตะบองเพชร ดังนั้น เมื่อท่านเดินเที่ยวงานตามห้างจึงมักเห็นมีตะบองเพชรนำมาขายมากกว่ากุหลาบหิน แต่ถึงกระนั้นก็มีกลุ่มผู้ชื่นชอบสะสมกุหลาบหิน เป็นกลุ่มเฉพาะแบบปิดที่สมาชิกกลุ่มมีความเคลื่อนไหวติดต่อสื่อสารกันในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนความรู้ ฯลฯ กันในโลกออนไลน์เท่านั้น

คุณปิยะวรรณ เขตทัย หรือ คุณแป้ง เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบกุหลาบหิน โดยเฉพาะสายพันธุ์จากประเทศเกาหลี/ญี่ปุ่นที่ถูกปรับปรุงพันธุ์จนมีจุดเด่นของสีและรูปร่าง จึงนำมาขยายพันธุ์เพาะ-เลี้ยงขายอยู่จำนวนกว่า 100 สายพันธุ์ ส่งขายทางออนไลน์สร้างรายได้อย่างดี

แต่เดิมคุณแป้งชอบปลูกต้นไม้ โดยเฉพาะพืชในตระกูลเฟิร์น แล้วตั้งใจจะหารายได้เสริมด้วยการเพาะเฟิร์นขาย แต่พบว่าการขยายพันธุ์ของเฟิร์นใช้เวลานานเกินไป ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นตะบองเพชรก็มีเพาะขายกันเกลื่อนหลายแห่ง หลายจังหวัด

ดังนั้น เมื่อลองหาดูพบว่ากุหลาบหินเป็นไม้ประดับที่น่าสนใจ เนื่องจากมีสีสันสวยงาม ขนาดกะทัดรัด เหมาะกับการปลูกไว้ดูเล่นหรือเลี้ยงเพื่อเป็นงานอดิเรกเพลิดเพลิน แต่ในแง่การตลาดยังไม่กว้างนัก เพราะคนปลูกขายกันน้อยและเฉพาะกลุ่ม ขณะเดียวกัน ยังมีคนชื่นชอบที่มองหาพันธุ์กุหลาบหินแปลกๆ ไว้สะสมแต่หาไม่ค่อยได้

อีกทั้งข้อดีของกุหลาบหินคือเพาะขยายไม่ยาก เจริญเติบโตเร็ว และมีจุดเด่นเรื่องรูปทรงและสีสันมากมายเลยตัดสินใจเลือกพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศทางจังหวัดอุทัยธานี ด้วยการสั่งซื้อทางออนไลน์จากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นมาลองปลูกเลี้ยงจำนวนกว่า 20 สายพันธุ์

Sedeveria Letizia

คุณแป้งให้รายละเอียดการปลูกและขยายพันธุ์กุหลาบหินว่า เมื่อได้พันธุ์ที่สั่งซื้อมาจากเกาหลีแล้วจะทำการล่อราก (กระตุ้นราก) ก่อน เนื่องจากผู้ขายจะส่งสินค้ามาเป็นดอกเปลือย รากไม่มีดินติดมา ทั้งนี้ การล่อรากจะใช้วัสดุเป็นหินภูเขาไฟใส่กระถางไว้แล้วรดน้ำให้พอชื้น จากนั้นจึงนำกุหลาบหินไปวางยึดไว้ จากนั้นสัก 7 วันรากฝอยจะแตกออกมา หรืออีกแนวทางคือการวางกุหลาบหินในแก้วน้ำที่ใส่น้ำไว้ประมาณก้นแก้วเท่านั้น ทิ้งไว้ เมื่อได้รับความชื้นรากฝอยก็จะแตกออกมาเช่นเดียวกัน

พอรากฝอยแตกออกมาจำนวนหนึ่งแล้วและต้นมีความแข็งแรงดีพอจึงค่อยย้ายไปปลูกในภาชนะที่ใส่วัสดุปลูกเตรียมไว้ อย่างดินร่วนโปร่งที่สามารถปรุงได้จากพีทมอสส์ เพอร์ไลท์ และหินภูเขาไฟ ขณะเดียวกัน อาจใช้ทราย แกลบสด มะพร้าวสับร่วมด้วย แต่ขอให้ดินปลูกมีความร่วนโปร่งซุย น้ำผ่านเท่านั้น ส่วนดินปลูกผสม ได้แก่ พีทมอสส์ 1 ส่วน/เพอร์ไลท์ 1 ส่วน/เวอร์มิคูไลท์ 1 ส่วน+ปุ๋ยออสโมโค้ท (ใช้วัสดุตามความเหมาะสมที่หาได้ในพื้นที่ เพียงแต่ต้องเน้นดินโปร่ง ไม่อุ้มน้ำ)

ส่วนการให้ปุ๋ยจะใช้ปุ๋ยละลายช้ากับการฉีดเชื้อราไตรโคเดอร์ม่า เพื่อช่วยในการป้องกันกำจัดเชื้อราสาเหตุโรคพืชและช่วยเร่งการเจริญเติบโตของราก เนื่องจากมักเกิดปัญหาเวลารดน้ำในช่วงอากาศร้อนจัดทำให้ต้นเน่าได้ง่าย ดังนั้น จึงใช้ไตรโคเดอร์ม่าคลุกเคล้ากับดินปลูกใส่ในช่วงเริ่มปลูกหรืออาจผสมไปกับน้ำฉีดพ่น

“ปุ๋ยละลายช้าจะใช้ตั้งแต่เริ่มปลูกเพราะต้องการให้อยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน โดยจะใส่รองก้นกระถางก่อนปลูก ส่วนไตรโคเดอร์ม่าจะผสมไปกับดินปลูกพร้อมกัน แต่ถ้าเป็นในช่วงที่อากาศร้อนจัด อาจต้องผสมไตรโคเดอร์ม่ากับน้ำฉีดพ่นเพิ่มอีกสักเดือนละครั้ง”

กุหลาบหินสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธี ไม่ว่าจะใช้ใบ หน่อ หรือยอด โดยการขยายพันธุ์แต่ละครั้งจะพิจารณาจากแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงต้องสังเกตจากรูปร่างทรงต้นควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณแสงแดดที่มีผลต่อสีและดอก หากต้นใดที่ได้รับแสงแดดไม่พอก็จะส่งผลให้กุหลาบหินขาดความสวยงามของสีและรูปทรง เมื่อคุณแป้งพบว่าเป็นเช่นนั้นจะตัดส่วนที่ยื่นออกไปนำมาปักชำเพื่อใช้ขยายพันธุ์เป็นต้นใหม่อีก

Sedeveria Letizia

ปริมาณแสงแดดและน้ำถือเป็นตัวแปรสำคัญต่อการเจริญเติบโตและสร้างความสวยงามให้กับกุหลาบหิน คุณแป้ง บอกว่า โดยปกติกุหลาบหินไม่ต้องการน้ำมาก จึงรดน้ำทุก 10 วัน แต่บางพันธุ์อาจต้องการน้ำมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้ ผู้ขายจะแนะนำลูกค้าทั้งเรื่องน้ำและแสงแดด

“โดยเฉพาะแดดมีผลต่อรูปร่างลักษณะความสวยของทรงต้นและสีสัน เพราะถ้าได้รับแสงแดดมากจะทำให้มีสีสดสวย แต่บางพันธุ์กลับไม่ชอบแดดแรงจัดและนาน ดังนั้น ผู้ปลูกเลี้ยงจึงต้องหมั่นย้ายหลบแดด อย่างไรก็ตาม จะต้องคอยให้รายละเอียดแก่ลูกค้า มิเช่นนั้นความสวยก็จะไม่เหมือนกับตอนที่ซื้อ”

Crassula Morgan’s Beauty

คุณแป้งชี้ว่า เท่าที่ตรวจสอบพบกลุ่มที่ปลูกกุหลาบหินเพื่อจำหน่ายกันมากจะอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน เนื่องจากสภาพพื้นที่และภูมิอากาศมีความเหมาะสม แต่ก็ไม่ได้เพาะ-เลี้ยงกันจำนวนมาก ส่วนแถบภาคกลางยังมีน้อยมาก

ความที่เป็นพันธุ์ไม้ประดับที่ยังไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางเหมือนอย่างตะบองเพชร จึงทำให้ตลาดผู้สนใจซื้อ-ขายกุหลาบหินอยู่ในวงจำกัด แต่สำหรับกลุ่มผู้ชื่นชอบสะสมกุหลาบหินก็มักจะมีความเคลื่อนไหวติดต่อสื่อสารกันเป็นกลุ่มเฉพาะแบบปิดในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะซื้อ-ขาย แลกเปลี่ยนความรู้ ฯลฯ กันในโลกออนไลน์เท่านั้น

pumira

ฉะนั้น การสร้างแรงจูงใจเพื่อทำให้มูลค่าของกุหลาบหินสามารถขายได้ง่ายและมีราคาสูงจึงเกิดจากการหมั่นหาพันธุ์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจจากตลาดค้าในเว็บออนไลน์ของเกาหลี/ญี่ปุ่น แล้วรีบสั่งซื้อมาเพาะ-ขยาย ก่อนปล่อยขายทางเฟซบุ๊กของตัวเองทันที ทั้งนี้ ราคาขายเริ่มตั้งแต่หลักร้อยบาทไปจนถึงหลักหลายพันบาท ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาด

สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อกุหลาบหินของคุณแป้งมาจากทั่วประเทศ แล้วขายผ่านทางออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊ก โดยลูกค้ามีทั้งแบบกลุ่มที่นิยมปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อการพักผ่อนหรือเป็นงานอดิเรก จนเมื่อออกหน่อแตกกอก็มักขยายพันธุ์เองสำหรับสะสมไว้ดูเล่นแต่ไม่ได้ขาย ส่วนอีกกลุ่มต้องการพันธุ์แปลกใหม่เพื่อใช้ขยายไว้จำหน่ายโดยเฉพาะ

สนใจต้องการซื้อกุหลาบหินสวยๆ ไว้ประดับสถานที่หรือเพื่อจำหน่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณแป้ง โทรศัพท์ (084) 393-1551 fb : ปิยะวรรณ เฉยพันธ์ เพจ : SucculentUthaithani