เผยแพร่ |
---|
อายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำที่หล่อเลี้ยงตามชั้นผิวหนังเริ่มลดลง ผิวหนังก็จะแห้งมากขึ้น ตรงกับทฤษฎีธาตุของการแพทย์แผนไทย ที่เมื่อเข้าสู่ปัจฉิมวัยจะมีวาตะเป็นเจ้าเรือน ซึ่งมีความแห้งและเย็น จึงสะท้อนออกทางผิวหนัง น้ำลาย น้ำตา และน้ำหล่อลื่นต่างๆ ความชุ่มชื้นน้อยลง หากไม่ดูแลให้สมดุลก็จะก่อเกิดปัญหาความเสื่อมของผิวพรรณ ทำให้ดูแก่กว่าวัย เกิดผื่น แพ้ง่าย เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และเป็นช่องทางที่ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย เพราะในผิวที่แห้งนั้น เชื้อโรคจะเข้าสู่ชั้นในของผิวหนังได้ง่าย เกิดการระคายเคือง การแพ้ได้ง่าย เกิดการกำเริบของโรคผิวหนัง ภูมิแพ้ และโรคเรื้อนกวาง เป็นต้น
และนอกจากปัจจัยเรื่องของวัยตามที่กล่าวมาแล้วนั้น ปัจจัยภายนอกอย่าง “อากาศ” ก็มีผลเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวนั้น ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศจะต่ำลง ทำให้น้ำระเหยจากผิว ทำให้ผิวแห้ง และอาจก่อให้เกิดโรคผิวหนังตามมา ดังนั้น เพื่อป้องกันผิวในหน้าหนาว ทางโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จึงได้แนะนำสมุนไพรที่ช่วยในการดูแลและบำรุงผิวไว้ ดังนี้
ผักเบี้ยใหญ่ เป็นสมุนไพรมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดการอักเสบ ช่วยบำรุงผิว ทำให้ใบหน้าผุดผ่อง เต่งตึง เพิ่มความชุ่มชื้น ลดริ้วรอย รอยเหี่ยวย่น โดยใช้กลไกเดียวกันกับโบท็อก ช่วยรักษาโรคผิวหนัง ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย มีคุณสมบัติในการป้องกันแสง ป้องกันการทำลายของรังสี UVB รวมทั้งช่วยแก้แพ้
แตงกวา มีฤทธิ์เย็น อุดมไปด้วยสารสำคัญหลายชนิดที่มีผลต่อการสร้างเสริมสุขภาพผิวที่ดี และเป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์ที่ให้ความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ และยังมีกรดอะมิโนซีสทีน และเมไธโอนีน ที่ช่วยทำให้เกิดความยืดหยุ่นแก่ผิว มีสารฟีนอลที่ทำหน้าที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ ยังช่วยคงความชุ่มชื้นให้กับผิวหนัง ลดการอักเสบ ลดการแพ้ ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ช่วยลดรอยเหี่ยวย่น ลดสิว ช่วยบำรุงทำให้ผิวหน้าอ่อนเยาว์ ไม่ทำให้หน้ามัน และทำให้ผิวขาวใส
ว่านหางจระเข้ สมุนไพรช่วยรักษาสิว ยับยั้งการติดเชื้อ ช่วยลดความมันบนใบหน้า เพราะในใบว่านหางจระเข้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ช่วยขจัดรอยแผลเป็น ทำให้แผลเป็นจางลง ป้องกันการเกิดรอยแผลเป็น วุ้นจากใบใช้ทาเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด และช่วยรักษาอาการผิวหนังไหม้จากแสงแดด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มการสร้างคอลลาเจน ลดการอักเสบ ลดฝ้า กระ และจุดด่างดำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากอายุมาก หรือถูกแสงแดด หรือเกิดจากความไวของผิวหนังแต่ละบุคคล ช่วยทำให้ผิวหนังมีน้ำมีนวล
บัวบก สมุนไพรที่ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย ช่วยเยียวยาผิวและบาดแผล ลดการอักเสบ ทำให้แผลหายเร็ว โดยพบว่า บัวบก มีฤทธิ์ในการหลั่งสารต้านอักเสบจากเซลล์ภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการสลายคอลลาเจนของผิวหนัง ขณะเดียวกันก็สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวหนังดูกระชับเต่งตึง และมีตาข่ายผิวที่แน่นและแข็งแรง นอกจากนี้ ยังมีสรรพคุณในการบำรุงผิว ลดริ้วรอย ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของหลอดเลือดส่วนปลาย และช่วยคลายเครียด
ผักปลังแดง สมุนไพรฤทธิ์เย็น ลำต้นอวบน้ำ มีแคลเซียมและธาตุเหล็กสูง และยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี มีสรรพคุณในการช่วยแก้ลมพิษ ผื่นคัน รักษาโรคผิวหนัง ลดการอักเสบ และสามารถนำใบมาขยี้กับน้ำ พอกหรือทาหน้าเพื่อช่วยป้องกันและรักษาสิวได้อีกด้วย
มะเขือเทศ อุดมไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ที่จำเป็นในทุกช่วงอายุ และเนื่องจากในมะเขือเทศมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยชะลอความแก่ ลดริ้วรอยแห่งวัย และช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ชุ่มชื้น มีวิตามิน เกลือแร่ ช่วยให้ผิวแข็งแรงและทนต่อแสงแดด ป้องกันผิวไหม้แดด ลดการสร้างเม็ดสีผิว โดยสามารถใช้ได้ทั้งการรับประทาน และการพอกผิวภายนอก
รางจืด สมุนไพรฤทธิ์เย็น ต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการแพ้ ผื่นคัน ลดการเกิดโรคผิวหนัง สารสกัดน้ำจากใบรางจืดมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งช่วยในการชะลอการเสื่อมของเซลล์ ช่วยป้องกันเซลล์จากสารพิษ ทำให้ผิวพรรณสดใส ผิวพรรณเต่งตึง และช่วยต้านความแก่
นอกจากนี้ การดูแลผิวไม่ให้แก่ก่อนวัย สามารถทำได้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ
- 1. การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ไม่ให้ขาดน้ำ ป้องกันผิวแห้ง
- 2. ใช้สบู่ที่มีสารบำรุงผิว สูตรที่เพิ่มมอยเจอร์ไรเซอร์ กลีเซอรีน วิตามิน ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึงหลังอาบน้ำ เช่น สบู่อะโรม่าหญ้ารีแพร์ สบู่นมน้ำผึ้ง สบู่แตงกวา
- 3. ทาโลชั่นหลังอาบน้ำเป็นประจำ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง และกักเก็บเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เช่น บอดี้โลชั่นหญ้ารีแพร์ หรือผู้ที่ผิวแห้งมากๆ ผิวลอก มีปัญหาผิวหนังผื่นคัน ผิวหนังอักเสบร่วมด้วย ควรใช้โลชั่นสูตรพิเศษ เช่น เซนซิทีฟบอดี้โลชั่นผักเบี้ยใหญ่ หรืออาจใช้น้ำมัน เช่น น้ำมันมะพร้าว ทาบำรุงผิวป้องกันการสูญเสียน้ำทำให้ผิวไม่แห้งคัน
- 4. ทาครีมที่มีความเข้มข้นสูง กรณีที่ผิวแห้ง หยาบกร้านมากๆ อาจเลือกทาเฉพาะจุด หรือผู้ที่ผิวแห้งมาก ลอก เช่น การใช้ครีมน้ำมันรำข้าวเข้มข้น ทาข้อศอก ส้นเท้า ป้องกันไม่ให้เป็นช่องทางที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
- 5. พอกหน้าด้วยสมุนไพรฤทธิ์เย็น เพิ่มความชุ่มชื้น เช่น แตงกวา แตงโม ว่านหางจระเข้ ผักเบี้ยใหญ่ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โทร. (037) 211-289