แบกเป้เที่ยว แม่น้ำสุดขอบฟ้า

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว…ฉันจำต้องขึ้นเรื่องแบบนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะมีผู้นำทางที่เคยแบกเป้ท่องไปแถวนี้มาก่อน 4 ปีที่แล้วกับวันนี้ของเราทุกอย่างไม่คงเดิม ดังสัจธรรมที่ว่าความไม่แน่นอนคือสิ่งที่แน่นอนที่สุด

“ถนนเปลี่ยนไปหมดแล้ว” เงาศิลป์ว่าขณะรถบัสโดยสารแล่นไปตามซุปเปอร์ไฮเวย์ กว้าง ราบเรียบตัดตรงไม่อ้อมค้อม ไม่วกเวียนไปตามเชิงเขาสูง ทว่าเจาะภูเขาเป็นอุโมงค์พุ่งตรงไป อย่างที่เคยบอกว่าจีนเป็นชาติหนึ่งที่ถนัดการระเบิดภูเขาและเจาะอุโมงค์

เส้นทางเล็กๆ ซอกแซกคดเคี้ยวไปตามภูเขาของเงาศิลป์หายไปช่วงหนึ่ง แต่ในที่สุดถนนก็มาบรรจบกับทางสายเดิม ช่วงหนึ่งถนนตัดเลียบแม่น้ำแยงซีเกียงให้ตื่นตาตื่นใจ เพราะได้ยินแต่ชื่อมานานไม่เคยได้พบเห็นแม่น้ำจริงๆ มาก่อน แยงซีเกียงที่ยิ่งใหญ่และแสนเศร้าด้วยเขื่อนสามผาใหญ่ที่สุดในโลกมาปิดกั้นกักเก็บน้ำ

ภูเขาหินทะมึนกับสายน้ำ

เส้นทางลี่เจียงสู่จงเตี้ยนหรือแชงกรีล่าช่างสวยงามเหลือจะกล่าว ฉันตื่นตากับหมู่บ้านริมทาง ภูเขา และก้อนเมฆ ยิ่งช่วงผ่านภูเขาหินสูงทะมึนยิ่งตื่นตากับความงามอันน่าอัศจรรย์ ภูเขาหินสีดำน้ำตาลสลับสล้างแทรกด้วยต้นไม้เขียว สายแดดที่สาดลงมาเกิดเป็นแสงเงางดงาม เห็นแล้วน้ำตาไหลคิดถึงคนที่น่าจะได้มาชมด้วยกัน…

จีนได้พัฒนาถนนจากลี่เจียงถึงแชงกรีล่าให้ดีขึ้น ซ้ำบางช่วงตัดเจาะอุโมงค์ ทำให้ร่นระยะทางจากเดิมต้องเดินทางราว 8 ชั่วโมง เหลือเพียง 4 ชั่วโมงกว่าๆ พอใกล้ถึงแชงกรีล่าทิวทัศน์สองข้างทางเป็นทิวสนหนาตาขึ้น บางช่วงเนินเขามีสนต้นอ่อนกำลังแทรกผืนดินขึ้นดูโลกดูน่ารัก ที่นี่เป็นแหล่งไม้สนสำคัญของจีน ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นดินแดนในครอบครองของทิเบต ไม้สนเป็นสิ่งสำคัญของชาวทิเบตที่ใช้ปลูกบ้าน รวมถึงใช้ในการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเขา เขาตัดไม้สนไปใช้สอยกันเป็นป่าเป็นเขา แต่ก็มีการปลูกทดแทน

บ้านของชาวทิเบตมักจะใช้สนเป็นส่วนประกอบสำคัญ เขาจะใช้ปีกไม้แผ่นๆ ประดับบนหลังคาดูสวยงาม อาจจะเป็นเรื่องของการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย แต่ฉันไม่ได้สอบถามเอาความกับใคร แค่ได้เห็นความสวยความงามนี่ก็ใจพองโตแล้ว

การเริ่มต้นที่แชงกรีล่าของเราดูเหมือนว่าจะโชคดีที่พบเจอกับคนมีน้ำใจ ตั้งแต่เด็กสาวที่สถานีขนส่งลี่เจียงจนมาถึงสถานีขนส่งแชงกรีล่าเราก็พบกับหญิงสาวมีน้ำใจอีกคน เธอเข้ามาทักทายเราเป็นภาษาอังกฤษ แล้วชวนนั่งรถไปด้วยกัน เพราะที่พักในเขตเมืองเก่าแชงกรีล่าอยู่ไกลไปจากที่จอดรถพอควร เราอาศัยรถตู้มาลงตรงโรงแรมที่หญิงสาวพัก เธอชวนพักด้วยกัน แต่ราคา 200 หยวน แพงเกินไปสำหรับเรา ขอไปหาที่พักเองดีกว่า

เราลากกระเป๋าเดินไปตามทางปูหินที่ฉันเข็ดขยาดกับมันแต่ก็ต้องฝ่าไปให้ได้ ความจริงก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเพียงแต่ล้อกระเป๋าฉันไม่ดีเท่านั้นเอง มันคอยแต่จะพลิกอยู่ร่ำไป นึกอยู่ว่าหากมาอีกครั้ง ฉันคงต้องลงทุนซื้อกระเป๋าใหม่ที่มีคุณภาพกว่านี้

ขุนเขาและท้องฟ้าสวยงาม

เงาศิลป์เดินนำลิ่วตามเคย ฉันคิดว่านับเป็นการใช้กรรมให้เพื่อนก็แล้วกันในการที่ต้องมาเดินตามก้นเพื่อน แม่คุณไม่รู้จะรีบไปไหน นี่คงเผลอลืมไปนึกว่าเดินอยู่ในไร่ที่ภูเวียง (ฮา)

เดินลากกระเป๋าแกรกกรากทุลักทุเลเข้าในเขตเมืองเก่า จนหาที่พักได้ ในราคาคืนละ 108 หยวน ห้อง 2 เตียง พอพักได้ พอวางกระเป๋าได้ฉันก็นอนแผ่หลาบนเตียง ฝนที่อึมครึมมาเป็นระยะโปรยสายเม็ดหนา ฟ้าร้องครืนตามด้วยเสียงสายฟ้าฟาด อากาศชวนนอนซุกผ้าห่มอยู่ในห้อง กระทั่งฝนหยุดตกเราชวนกันออกไปข้างนอกหาซื้อตั๋วรถโดยสารไปเต๋อชิงในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็ชวนกันเดินเรื่อยเปื่อยจนมาพบกับร้านขายทองเหลือง ซึ่งมีแต่ข้าวของน่าซื้อแต่ราคาสูงจนต้องตัดใจ อย่างไรก็ตาม ฉันตัดใจซื้อกระดิ่งทองเหลืองที่มีลูกตุ้มทำจากเขาจามรีเสียงใสไพเราะมาอันหนึ่ง ราคา 100 หยวน คิดเป็นเงินไทยก็ 500 บาท แต่คิดว่าคุ้ม เพราะตั้งใจเอาใช้ในงานศิลปะแสดงสด ส่วนเงาศิลป์ได้มีดพับ

ในเขตทิเบต จะเห็นธงมนต์เป็นสัญลักษณ์

พอได้จ่ายเงินแล้วก็รู้สึกเมื่อยล้าขาแข้งขึ้นมาทันที เราชวนกันกลับที่พักในเขตเมืองเก่า เดินหาป้ายรถเมล์ด้วยความมั่นใจทว่าหลงทิศ เดินไปจนสุดถนนก็ไม่เห็นวี่แววว่าจะมีรถเมล์แล่นผ่าน จนต้องหันกลับมาตั้งหลักใหม่ พอเจอป้ายรถเมล์แล้วก็พบว่าเป็นทางเดียวกับที่เรามา เงาศิลป์แก้เกี้ยวถือว่านั่งรถอ้อมชมเมืองก็แล้วกัน ฉันบอกว่าพอหลงก็บอกว่าดีนะที่หลงเลยได้พบทางใหม่ๆ พอมาผิดทางก็บอกว่าดีแล้วล่ะจะได้นั่งรถชมเมือง

จามรีเดินทางบนถนนเดียวกับคน

แต่ก็ไม่ได้นั่งรถชมเมืองแต่อย่างใด เพราะยืนรอรถเป็นนานสองนาน คนผ่านไปมาเหลียวมองหน้าจนเอะใจ เงาศิลป์ว่าหรือรถเมล์หมดแล้ว ฉันบอกว่าไม่น่าจะหมดนะมันเพิ่งทุ่มกว่าเอง เงาศิลป์มองไปที่ป้ายมีตัวหนังสือจีนเขียนไว้ และมีตัวเลขที่เราอ่านออก เขียนว่า 19.00 น. นั่นหมายถึงรถเมล์หมดเวลาทุ่มตรง ซึ่งตอนนี้เลยทุ่มมาแล้ว

จะเรียกแท็กซี่ก็เสียดายตังค์ คำนวณระยะทางแล้วไม่น่าจะไกลมาก เราสองคนชวนกันเดินกลับเมืองเก่า ระหว่างทางก็หาความเพลิดเพลินแก้เมื่อยด้วยการแวะดูข้าวของตามร้านค้า มีของที่อยากได้หลายอย่างแต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะการเดินทางยังอีกยาวไกล

เดินมาจนถึงเขตเมืองเก่าที่พัก ฉันยังอยากเดินต่อชมของสวยของงามอีกสักหน่อย อากาศเย็นสบายเพราะเราเดินทางสูงขึ้น อุณหภูมิลดลงเรื่อยๆ เดินดูนั่นนี่อีกสักพักก็ยอมแพ้ กลับที่พักและนอนแผ่หมดแรง ฝนก็เริ่มตกเปาะแปะเย็นสบาย นอนอุ่นเอาแรงเพื่อการเดินทางในวันพรุ่งนี้ ที่จะสูงขึ้นไปอีกและหนาวขึ้นอีก