คาร์บอนเครดิตจากฟาร์มสุกรขนาดเล็ก ลดโลกร้อน-สร้างรายได้

สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในฐานะหน่วยงานบริหารโครงการ หรือ C/ME ร่วมกับ ธนาคารโลก (World Bank) ในฐานะผู้รับซื้อคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้น พัฒนาโครงการซีดีเอ็มขนาดเล็กสำหรับฟาร์มสุกรในประเทศ

โดยใช้รูปแบบ Programmatic CDM เป็นการรวมกลุ่มฟาร์มสุกรเข้าร่วมโครงการฯ โดยฟาร์มสุกรแต่ละกลุ่มจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการน้ำเสียภายในฟาร์ม

โดยมีสถาบันวิจัยฯ เป็นที่ปรึกษาในการออกแบบเทคโนโลยีก๊าซชีวภาพ พร้อมติดตั้งระบบก๊าซชีวภาพภายในฟาร์มขนาดเล็ก แบบ CMU-CD (Chiangmai University Channel Digester) แล้วนำก๊าซชีวภาพที่ได้ไปผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ภายในฟาร์ม

ผศ.ดร.พฤกษ์ อักกะรังสี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยฯ เล่าว่า ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความใส่ใจกับปัญหาโลกร้อน โดยไทยผลักดันให้ใช้พลังงานทดแทนมาระยะหนึ่งแล้ว โดยเฉพาะการพัฒนาระบบก๊าซชีวภาพเป็นพลังงานทดแทน มีส่วนเกี่ยวโยงกับการลดภาวะโลกร้อนได้ พร้อมสร้างรายได้เข้าประเทศในการขายคาร์บอนเครดิต

โดยสถาบันวิจัยฯ ได้ร่วมกับธนาคารโลก พัฒนาโครงการซีดีเอ็มขนาดเล็กสำหรับฟาร์มสุกรในประเทศไทย เพื่อนำกลไกการพัฒนาที่สะอาดมาใช้เพิ่มคุณค่าของพลังงานก๊าซชีวภาพ

การดำเนินงานโครงการฯ ระยะแรกมีสุกรทั่วประเทศ 600,000 ตัว ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมได้มากกว่าปีละ 240,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศจากการขายคาร์บอนเครดิตมากถึงปีละ 115 ล้านบาท

ปัจจุบัน มีฟาร์มสุกรที่ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้ว 13,858 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งฟาร์มสุกรได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตแล้วเป็นฟาร์มที่อยู่ในกลุ่มที่ 1(CPA1) ได้แก่ ฟาร์มโชคชัยการสุกร จ.นครราชสีมา 4,796 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า, ฟาร์มวังน้อย (แหลมทองไฮบริด) จ.พระนครศรีอยุธยา 3,632 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า, ฟาร์มพนมสารคาม (คณาไฮบริด) จ.ฉะเชิงเทรา 5,430 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

และมีฟาร์มที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานโครงการขายคาร์บอนเครดิตอีก 2 แห่งได้แก่ ฟาร์มเจริญพันธุ์สามชุก และวีระชัยฟาร์ม นอกจากฟาร์มขนาดเล็กที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับประโยชน์จากการขายคาร์บอนเครดิต และมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว

ยังช่วยลดปัญหากลิ่นเหม็น และแมลงที่เป็นพาหะแพร่เชื้อโรคได้ รวมทั้ง ลดต้นทุนทางด้านพลังงาน โดยนำก๊าซชีวภาพมาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานความร้อน หรือใช้ผลิตไฟฟ้าใช้ในฟาร์ม หากเหลือใช้ยังจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้อีกด้วย

นับเป็นความสำเร็จของฟาร์มสุกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ภายใต้การสนับสนุนการดำเนินงานจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ที่ช่วยลดวิกฤติโลกร้อน และเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันประเทศก้าวสู่เศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำได้ในที่สุด