‘ศรีตรัง’ ลุยฮุบส่วนแบ่งตลาดยางโลกเพิ่มเกือบเท่าตัวใน 5 ปี

ศรีตรังแอโกรอินดัสทรีเล็งฮุบส่วนแบ่งตลาดยางพาราโลก จาก 12% เป็น 20% ใน 3-5 ปีข้างหน้าหลังเพิ่มกำลังการผลิตยางแปรรูปในปีนี้อีก จาก 2.4 เป็น 2.9 ล้านตัน เตรียมขยายกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มอีก ยอมรับไม่ลงทุนธุรกิจปลายน้ำประเภทผลิตยางรถยนต์ เหตุลูกค้ารายใหญ่ทั่วโลกล้วนผลิตยางรถยนต์

นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลกจากปีที่ผ่านมา 12% เป็น 20% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้ยางทั่วโลกที่เติบโตปีละ 3-4% โดย International Rubber Study Group (IRSG) คาดว่าปีนี้ตลาดโลกมีความต้องการยางพาราที่ 12.9 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีศักยภาพในการผลิตสูงสุดป้อนด้วยจำนวนโรงงานมากกว่า 35 แห่ง ในภูมิภาคอาเซียน และปีนี้บริษัทจะเปิดโรงงานผลิตยางแท่งป้อนลูกค้าผลิตยางรถยนต์ และอื่นๆ ในไทยที่ภาคอีสาน กำลังการผลิต 7,200 ตัน/เดือน และขยายกำลังการผลิตโรงงานในอินโดนีเซียอีก 5,000 ตัน/เดือน ทำให้กำลังการผลิตยางแปรรูปปีนี้เพิ่มเป็น 2.9 ล้านตัน จาก 2.4 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา

“สัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจกลางน้ำ 90% จากการผลิตยางแท่ง น้ำยางข้น ยางแผ่นรมควัน และปลายน้ำ 10% ที่มาจากธุรกิจถุงมือยางที่มียอดขายประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตถุงมือยางเพิ่มเติมอีก เพราะกำไรจากธุรกิจปลายน้ำดี ประมาณ 10% แต่บริษัทจะไม่รุกไปทำธุรกิจปลายน้ำประเภทยางรถยนต์ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทที่มีอยู่จำนวนมาก แม้จะมีกำไรดีกว่าขั้นกลางน้ำและคาดว่าปีนี้บริษัทจะพลิกกลับมามีกำไรหลังจากปีที่ผ่านมาขาดทุน 758 ล้านบาท”

ปัจจุบัน บริษัทถือเป็นรายเดียวในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของโลก ที่ดำเนินธุรกิจยางพาราครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 33% ในขณะที่ตลาดโลกอุตสาหกรรมยางธรรมชาติเติบโตเพียง 3% หรือมีความต้องการยางพาราอยู่ที่ 12.5 ล้านตัน ซึ่งยอดขายยางพาราของบริษัทในปีที่ผ่านมา 1.5 ล้านตัน ส่วนยอดขายในปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 1.3-1.7 ล้านตัน เหตุที่คาดการณ์ยอดขายไว้ค่อนข้างกว้าง เนื่องจากราคายางพาราช่วงนี้มีความผันผวนมาก ช่วงเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ราคายางขึ้นสูง และหลังจากนั้นราคาก็ลดลงตลอด คาดว่าหลังไตรมาส 2 ปีนี้จึงพอจะคาดการณ์ราคายางเฉลี่ยได้ แต่แนวโน้มปีนี้ราคายางจะดีกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับเฉลี่ย 1.5 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม

ทางด้าน นายลี พอล สุเมธ กรรมการบริหารบริษัทศรีตรังฯ กล่าวเสริมว่า แนวโน้มที่ราคายางพาราปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจาก The Rubber Economist คาดการณ์ว่าปีนี้ผลผลิตยางพาราทั่วโลกจะออกสู่ตลาด 13 ล้านตัน แต่มีความต้องการทั่วโลก 13.303 ล้านตัน ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการ 3.03 แสนตัน สต๊อกทั่วโลกลดลงเหลือ 2.19 ล้านตัน เทียบกับปี 2559 ที่ 2.5 ล้านตัน และปี 2558 ที่ 2.71 ล้านตัน ในปี 2561 ผลผลิตทั่วโลก 13.27 ล้านตัน ความต้องการ 13.67 ล้านตัน ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการ 4.07 แสนตัน สต๊อกทั่วโลกลดลงเหลือ 1.79 ล้านตัน และปี 2562 ผลผลิต 13.69 ล้านตัน ความต้องการ 13.95 ล้านตัน ผลผลิตน้อยกว่าความต้องการ 2.56 แสนตัน แต่สต๊อกทั่วโลกจะลดลงเหลือ 1.53 ล้านตัน สต๊อกเหลือใช้เพียง 1.32 เดือน เทียบกับปี 2558 ที่มีสต๊อกเหลือใช้นาน 2.68 เดือน

 

 ขอบคุณข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจ