‘ฉัตรชัย’เล็งหนุนปลูกข้าวโพดหลังทำนาหวังลดบุกรุกป่า คาดเห็นผล 5 ปี

พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้หารือกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย เพื่อติดตามสถานการณ์อาหารสัตว์และผลผลิตที่ต้องการใช้ในแต่ละปี ซึ่งพบว่าขณะนี้อุตสาหกรรมอาหารสัตว์ใช้ข้าวโพดเป็นวัตถุดิบประมาณ 7-8 ล้านตันต่อปี ซึ่งสัดส่วน 50% ปลูกในพื้นที่ที่ถูกต้อง แต่อีกประมาณ 3-4 ล้านตัน เป็นข้าวโพดที่ได้จากการบุกรุกป่าเพื่อเพาะปลูก กระทรวงจึงต้องการส่งเสริมให้ปลูกข้าวโพดได้ตามปริมาณที่ผู้ซื้อต้องการ ด้วยการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกในช่วงหลังนา เพื่อให้การเพาะปลูกถูกต้องตามกฎหมาย

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ จึงจะหารือกับสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้รับซื้อข้าวโพด และเกษตรกรผู้สมัครใจจะปลูกข้าวโพดหลังฤดูกาลทำนา เพื่อขายให้กับเอกชนที่ต้องการรับซื้อไปผลิตอาหารสัตว์ที่ใช้ในประเทศและส่งออก มีเป้าหมายเพื่อลดพื้นที่บุกรุกป่าซึ่งใช้ปลูกข้าวโพด ในโครงการนี้หากคุยวิธีการ กำหนดราคาแล้วเสร็จ จะร่วมกันลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) กันต่อไป

พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ตามแผนการผลิตข้าวปี 2560/61 เพื่อลดพื้นที่ไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว กระทรวงกำหนดมาตรการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดฤดูแล้งหลังนา ทดแทนการปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยการปลูกข้าวโพด เป้าหมายระยะแรกปลูกบนพื้นที่ 3.36 ล้านไร่

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า การหารือครั้งนี้เพื่อร่วมกันทำงานลดพื้นที่บุกรุกป่า ในปี 2560 คาดว่าความต้องการใช้อาหารสัตว์อยู่ที่ปริมาณ 19.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 5.4% จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 18.63 ล้านตัน โดยมีการใช้ข้าวโพด ผลิตภัณฑ์ข้าว มันสำประหลัง และข้าวสาลี รวมกันประมาณ 59% ของวัตถุดิบทั้งหมดที่ประกอบเป็นอาหารสัตว์ ขณะเดียวกันปกติผลผลิตข้าวโพดในประเทศก็ไม่พอเพียง หากรัฐบาลต้องการลดพื้นที่ปลูก ลดพื้นที่ผิดกฎหมาย คาดว่าผลผลิตข้าวโพดจะหายไปจากตลาดทันทีประมาณ 5.9 ล้านตัน ทำให้เกิดความตึงตัวของวัตถุดิบป้อนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ทั้งนี้ พื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดในไทยมี 7.84 ล้านไร่ ซึ่งปลูกในพื้นที่ป่า 3.72 ล้านไร่ หรือประมาณ 47% ของพื้นที่ปลูกทั้งหมด