นักเคลื่อนไหวโพสต์เฟสถึงนายกฯ ยางใต้เดือดร้อนหนัก ขู่ ระวังชะอวดโมเดล

วันที่ 7 มิถุนายน 2560 ได้มีผู้ใช้ชื่อ “วรวุฒิ เพชรทอง” ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊คส่วนตัว โดยขอให้คนที่อ่านแล้วช่วยแชร์ข้อความถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมนำภาพเผารถตำรวจเมื่อครั้งประท้วงเรื่องยางพารา ที่บริเวณสี่แยกควนหนองหงส์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ข้อความระบุ

ช่วยแชร์ ให้นายกที ฝากถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรี ผู้ทรงเกียรติ ที่ร่ำรวยกันล้นฟ้า ให้มองลงมาแก้ปัญหาชาวสวนยางบ้าง รัฐบาลนี้อะไรหนักหนา ปัญหาราคายางพาราไม่เคยได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง รัฐบาลไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ ตอนนี้เกษตรกรชาวสวนยางเดือดร้อนมาก ร้อนจนอยู่ในบ้านไม่ติด เดือดร้อนแบบนี้กลางถนนมันน่านอน นอนไม่นอนเปล่าจะไล่รัฐบาลด้วย ช่วงนี้ยางพารา มีผลผลิตน้อย หนำซ้ำฝนตก แต่ยางพาราถูก มีที่ไหน คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา คับคุณจำได้ไหมคับว่า สมัย ยิ่งลักษณ์ ปัญหาแรกเริ่มคืออะไร ก่อนจะมีการชุมนุมของ กปปส. ปัญหามาจากราคายางพารานี้แหละ คับ อย่าคิดว่าประชาชนคนใต้จะกลัวทหารนะคับท่านประยุทธ์ ใช้สมองคิดคับ ย้ำนะ!!ใช้สมองคิด ถ้าบริหารประเทศแล้วประชาชนลำบาก ข้าวของแพง คนทั้งประเทศเดือดร้อน จะอยู่เสนอหน้าทุกวันทำไม่ ออกเถอะคับ อย่าให้ต้องไล่ อย่ามโนว่าเศรษฐกิจดี ประชาชนจะฉิบหายกันหายกันหมดแล้ว ถ้ายังอยู่แบบนี้ ทหารเจอม็อบสวนยางแน่ สู้แล้วตาย ดีกว่าอดตาย. !!!!!!!#ไม่รบนายไม่หายจน

ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า กลุ่มเครือข่ายยางพารา 9 องค์กร เตรียมประกาศหยุดแปรรูปยางพาราชั่วคราว เนื่องจากราคายางพาราได้ลงอย่างต่อเนื่องในระยะเวลาสั้นๆ ส่วนต่างราคายางมากทำให้ผู้แปรรูปยางพาราประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโรงรม จึงเริ่มประกาศหยุดแปรรูปชั่วคราวโดยเริ่มทยอยหยุดตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน เป็นต้นไป

ขณะที่นายมนัส บุญพัฒน์ นายกสมาคมชาวสวนยางและคนกรีดยางรายย่อย (ส.ค.ย.) ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวมหาวิกฤติ “ต้มย้ำยาง” สิบวันลง 17 บาท!นั่งหารือกันหน้าดำคร่ำเครียด! ตกลงกันได้ว่า

1. จะเอาขี้ยาง น้ำยาง ยางแผ่นดิบ ยางรม ขึ้นรถกระบะไปขายตลาดส่งออก FOB แต่ต้องไปจอดแวะล้างหน้าตาที่ทำเนียบ กินข้าวที่ ก.เกษตรฯ และกินกาแฟที่ก.พาณิชย์…กันก่อน!!
2.จะขอเข้าหารือกับตลาดกลางฯ ว่าตกลงจะเป็นตลาดเพื่อชาวสวนยาง หรือจะปล่อยให้เป็นที่หมาขี้ จนราคายางมันบิดเบี้ยวอยู่เยี่ยงนี้ แล้วไม่เห็นจะทำอะไรสักเรื่องเลย ตามดูครับเมื่อ ชาวสวน สถาบันโรงรมฯ กลุ่มโรงรมรายย่อย วิสาหกิจรมยาง เขาจับเข่าคุยกัน แล้วจะทำกันแบบไหน???

ขณะที่ราคายางพารา ณ ตลาดกลางยางพาราจังหวัดนครศรีธรรมราช ยางแผ่นดิบความชื้น 1-3% ราคา 54 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.46 บาท/กก. ยางแผ่นดิบความชื้น 3-5% ราคา 52.64 บาท/กก. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.35บาท/กก. และยางแผ่นรมควันชั้น 1-3 ราคา 56.70 บาท/กก. ปรับตัวลดลง 0.37 บาท/กก. ปริมาณยางเข้าสู่ตลาดกลางยางพาราจังหวัดนครศรีธรรมราชวันนี้ ยางแผ่นดิบ 1 ตัน ยางแผ่นรมควัน 69 ตัน ราคายางแผ่นดิบท้องถิ่น 50.30 บาท/กก. ปรับตัวลดลง 2 บาท/กก. ราคาน้ำยางสด 49.60 บาท/กก. ปรับตัวลดลง 0.40 บาท/กก.

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เหตุที่ราคายางพาราตกต่ำในวันนี้เกิดจากกลไกการตลาดบิดเบือน พ่อค้าพยายามกดราคายาง เพราะ กยท.มีความคิดที่จะนำยางในสต็อก 1 แสนตันออกจำหน่าย ทั้งๆที่มติ กนย.เมื่อวันที่ 21 เมย.60 ให้หยุดขายยาง และนำยางมาใช้ภายในประเทศ แต่ กยท.จะขายตามกลไกการตลาด เพื่อจะได้ช่วยนำยางจากพ่อค้าออกมาขายแทน เพราะยางพาราในสต็อกที่เหลือเป็นยางเสื่อมไม่มีคุณภาพดีเท่าที่ควร เอามาใช้ในประเทศได้เท่านั้น

“ ต้องยอมรับว่าวันนี้ประเทศไทย ปีกลายที่ผ่านมา แล้ง 4 เดือน ต้นปี น้ำท่วม 4 เดือน กว่ายางจะฟื้นตัวก็เข้าสู่ช่วงปิดกรีด ยางจึงหายไปประมาณ 50% หากติดตามสถานการณ์จะพบว่าทั้งในประเทศ และต่างประเทศขาดยาง ต้องการใช้ยาง เป็นไปไม่ได้ที่ราคาจะตกต่ำลงมา และพ่อค้ารับซื้อยางอ้างยางล้นสต็อก ยางมากราคาถูก เป็นไปไม่ได้ และ กยท.ยังจะเอาเงินจากรัฐบาลมาแทรกแซงราคายาง เสียกายเงินบ้านเมืองก็วุ่นวายแล้ว อย่าเอามาแทรกแซงอีกเลย วันนี้จะต้องเร่งทำ คือ หยุดนำเงินออกมาแทรกแซง และให้ กยท.ซื้อชี้นำบางใน กก.ละไม่ต่ำกว่า 60 บาท โดยชี้นำวันละ 1 บาททุกอย่างลงตัว”

แหล่งข่าวระบุ การเคลื่อนไหวเรื่องราคายางพาราในวันนี้ แบ่งยุทธศาสตร์ออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับบน และระดับล่าง โดยระบุว่า พวกเราจะไม่ยอมเดินแบบเดิมๆอีก เพราะเหลือบไรริ้นยังคงปรากฏอยู่ใน กยท. ขณะที่คนใน กยท.ระบุว่า กยท.ไม่ขยับเขยื้อนอะไร เนื่องจากยังมีการฟ้องร้องเรื่อง ผอ.ฝ่ายทรัพยากรบุคคล การร้องเรียนของ 2 หน่วยงาน ทั้ง อสย. และ ศูนย์วิจัย เรื่องสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่ไม่เท่าเทียมกัน สกย.รักษาแบบเทวดา แต่ อสย.รักษาแบบ รพ.รัฐ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดูแลชาวสวนยาง ผู้บริหารระดับสูงยังเดินสายเลี้ยงกันไม่จบ เพื่อให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้วิ่งหาตำแหน่ง เรื่องทุจริตปุ๋ยที่ สงขลา พัทลุง สตูล กระบี่ พังงา จึงไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่เกิดขึ้น นี่คือความจริงที่ปรากฏใน กยท.เวลานี้ “ พวกเราจึงต้องเดินกันเอง เตรียมตัวรับให้ดี”