ที่มา | ตั้งวงเล่า |
---|---|
ผู้เขียน | ทิดโส โม้ระเบิด |
เผยแพร่ |
สวัสดีครับท่านผู้อ่านที่รักและคิดถึงทุกท่าน มาอีกรอบ โควิด-19 รอบที่สาม ที่ว่ากันว่าทำเอาตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นสูงและตีไข่แตกไปทุกจังหวัดในประเทศไทย ที่มาที่ไปเราคงไม่ไปค้นหา เพราะมีเรื่องราวในข่าวทุกๆ ช่องอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ที่เราจะต้องตั้งมั่น รักษาระยะห่าง กินร้อน ช้อนใครช้อนมัน ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัย ดูแลตัวเองให้ดี และก็ดูแลคนรอบข้าง เท่านี้ก็จะทำให้เราผ่านช่วงที่น่ากลัวไปได้แน่ๆ
ผมมีน้องชายที่รู้จักอยู่คนหนึ่ง ชีวิตพลิกผันไป-มาจนเหมือนละครหลังข่าว จากเด็กน้อยในร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน วันๆ ขลุกอยู่กับนกกรงหัวจุกมาเนิ่นนาน มีการเลี้ยงกันตั้งแต่รุ่นคุณปู่มารุ่นพ่อ จนมาถึงในรุ่นปัจจุบัน ป้อนข้าวป้อนกล้วย จับนกอาบน้ำบ้าง สารพัดที่เด็กผู้ชายซนๆ คนหนึ่งจะทำได้
วงจรชีวิตเป็นเช่นนั้นอยู่หลายปีจนกระทั่งไปเป็นนิสิตในรั้วมหาวิทยาลัย เจอรุ่นพี่ที่หอพักเลี้ยงนกกรงหัวจุก พอปิดเทอมก็เลยไปหามาเลี้ยงบ้าง ทำเป็นแฟชั่นของวัยรุ่นในช่วงนั้นไปเลย เลี้ยงแบบเอาไว้พุดคุยกัน ไม่รู้หรอกว่าจะสอนนกอย่างไร จวบจนเรียนจบ ได้ทำงานก็ยังมีนกกรงเกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตประจำวันตลอด ร้านขายของชำก็ยังคงอยู่
แจ๊ค-กฤษฎา ถีดี ผ่านงานมาหลากหลายตั้งแต่นิคมอุตสาหกรรมลำพูน, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, ช่างไฟฟ้าเทศบาลแม่จั๊วะ กระทั่งมาจบชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่โรงงานอบผลไม้ส่งนอก ที่เข้าไปไม่ทันไรโรงงานก็ปิดตัวลง
แจ๊ค กลับมานับหนึ่งใหม่ที่กิจการร้านขายของจำประจำหมู่บ้าน ควบคู่ไปกับการเลี้ยงนกกรงหัวจุกแบบเอาจริงเอาจัง ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็เหนื่อยมาไม่น้อย
ถึงตรงนี้ต้องขอเล่าถึงช่วงชีวิตของแจ๊คที่เริ่มพลิกผันอีกครั้งในขณะเรียนหนังสือ ซึ่งครั้งนั้นเปิดโลกให้แจ๊คได้เข้าไปเรียนรู้อย่างไม่มีวันจบสิ้น วันหนึ่งมีการจัดแข่งขันประกวดนกกรงหัวจุกที่จังหวัดลำปาง แจ๊ค ก็ได้หิ้วนกตัวที่เลี้ยงอยู่ไปด้วย พอไปถึงที่สนามก็ไม่รู้ว่าต้องชื้อบัตรอะไรยังไง จะลงรายการอะไร ทุกอย่างล้วนใหม่สำหรับแจ๊คอย่างแท้จริง
“ครั้งนั้นแจ๊คลงแข่งอะไร”
“ดูเหมือนตอนนั้นจะมีรายการเสียงทอง กับรายการสากลดาวรุ่ง นี่แหละครับ ผมก็เลือนๆ เพราะว่านานมากหลายปีแล้วครับ”
“แล้วแจ๊คลงรายการไหน”
“สากลดาวรุ่งครับ ซื้อบัตรเสร็จแล้วก็เอากรงนกไปแขวน นกก็ร้องไปตามประสา ผมเองก็ไม่ประสาอะไร”
“ผลปรากฏว่า”
“ติดลำดับที่ 14 ครับพี่ ผมก็ยังงงอยู่เลยครับพี่ มันติดได้ยังไงเนี่ย ตอนนั้นมีนกลงแข่งเยอะมาก”
“รอบแรกก็เฮงเลยว่างั้น”
“ครับพี่ มีคนข้างส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ และงานนี้ผมก็มีครูสอนเรื่องนกอย่างจริงจังเป็นครั้งแรกครับ”
ผลจากการลงสนามครั้งแรก แจ๊ค ได้พบกับเซียนนกท่านหนึ่งชื่อ ตาโก เป็นคนนครศรีธรรมราช และมาค้าขายอยู่ในอำเมือง จังหวัดลำปางนี่เอง หลังจากพูดคุยกันเสร็จ แกก็ชวนไปเที่ยวที่บ้าน นกกรงหัวจุกที่แกเลี้ยงไว้มีเยอะมาก จนแจ๊คต้องไปเที่ยวหาแกเกือบทุกวัน
และแกก็เริ่มสอนวิชาให้เลี้ยงนก แต่งนก แล้วนำนกขึ้นแข่ง สอนเกี่ยวกับนกแบบไหนเลี้ยงแข่งได้ นกร้องแบบไหนถึงจะได้คะแนน ช่วงนั้นมีสนามซ้อม หรือสนามแข่งที่ไหนทั้งสองต้องพากันนำนกไปแข่งเรื่อยๆ ติดบ้างไม่ติดบ้างเป็นเรื่องปกติ จนกระทั่งวันที่แจ๊คเรียนจบก็ได้เข้าไปกราบลาแก ด้วยความผูกพันกันแกก็ได้มอบนกให้แจ๊คตั้วหนึ่ง พร้อมกำชับว่า “เอาไปทำนกครูนะ”
“ถือว่าแจ๊คโชคดีมาก ได้เจอครูดี แถมได้นกครูมาเลี้ยงอย่างจริงจัง”
“จริงครับพี่ นกที่ได้มาร้องเสียงดี มีสำนวนที่เพราะมากครับ”
“เลยเอาเป็นนกครู แล้วเลี้ยงขยายพันธุ์เลยหรือ”
“ยังครับพี่ ในวงการยังมีอีกหลายเรื่อง ที่สุดๆ คือผมได้เจอ เฮียโจ๊ก และ ซ้อมิ้ม ครับ นั่นแหละ ผมถือว่าเกิดในวงการนกแฟนซีอย่างแท้จริง”
“JM Farm ใช่ไหม”
“ครับพี่ นี่แหละที่ทำให้ผมอยู่ในวงการนี้ได้อย่างมีที่ยืนได้อย่างมั่นคง”
แจ๊คเข้าร่วมทีม JM Farm ลงแข่งขันนกแฟนซีทุกสนามทั่วเมืองไทย ต้องเดินทางไปทั่วประเทศพร้อมทีม ได้เรียนรู้และรับประสบการณ์มาอย่างมากมาย จนเชื่อมั่นว่าทำได้แล้ว จึงขอแบ่งพ่อแม่นกมาเพาะพันธุ์บ้าง จากหนึ่งขยับไปสอง สาม สี่…
ในขณะเดียวกันก็ลงสนามแข่งอยู่ทุกสนาม ทำให้เป็นที่รู้จักและมีเพื่อนในวงการมากมาย ประกอบกับนกของแจ๊คเริ่มติดรางวัลมากขึ้น ผู้คนในวงการจึงสนใจและขอแบ่งซื้อนำไปเลี้ยงกันอย่างมากมาย เกิดอาชีพคนเพาะพันธุ์นกกรงแฟนซีขึ้นมาอีกคนหนึ่งโดยแจ๊คนั่นเอง
เมื่อสนามแข่งขันเปิด นกก็เปลี่ยนมือกันมากขึ้น ราคาก็ขยับตัวสูงขึ้น คนที่อยู่ในวงการก็มีกิจการที่ดีขึ้น เกิดเป็นอาชีพที่มั่นคงทั้งผู้จัด ผู้เข้าร่วม ผู้จำหน่ายอาหารเสริมและยา ผู้ประกอบกรงนก กระทั่งผู้เพาะพันธุ์นกจำหน่ายแบบถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตที่ถูกต้องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เรียกว่าทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างก็ต้องการลูกนกไปเลี้ยงกันอย่างมากมาย
กระทั่งสัญญาณโรคร้ายก็ขยับมาถึง ข่าวโควิดแต่ละข่าวที่ถูกนำเสนอ เสมือนมีดที่กรีดเฉือนคนในวงการนกอย่างทำใจลำบาก สนามแข่งขันถูกยกเลิก ผู้คนต่างงดเดินทางไปมาหาสู่ กิจกรรมต่างๆ เสมือนหยุดนิ่ง นั่นหมายถึงเมล็ดเงินที่เคยมีอยู่มากมายก็หายวับไปด้วย
“ตั้งแต่ปีที่แล้ว ได้รับผลกระทบเยอะไหมแจ๊ค”
“สุดๆ ครับพี่ พอไม่มีสนามแข่ง นกก็หมดโอกาสนำเสนอ คนที่เคยซื้อก็หายหน้าไป เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะคืนทุน”
“แสดงว่า คนเล่นนกส่วนมากเลี้ยงเพื่อแข่งเป็นหลักเลยหรือ”
“ไม่หรอกพี่ ก็มีทั้งเลี้ยงสวยงาม เลี้ยงเพราะชอบ และเลี้ยงเพื่อแข่งนั่นแหละครับ แต่การที่นกมีสนามลงแข่ง ทำให้เราพัฒนานกไปได้มากกว่าปกติครับ เหมือนนักมวยแหละพี่ หากเรื้อสนามไปนาน ซ้อมแต่เตะกระสอบทรายก็หมดความท้าทาย นานไปก็หมดความมุ่งมั่นเอาได้ ที่สำคัญคือไม่มีโอกาสเอานกไปนำเสนอให้คนจำนวนมากได้เห็นครับ”
“แจ๊คคิดว่าโควิดเป็นวิกฤติหรือโอกาสมากกว่ากัน”
“ทั้งคู่ครับ อยู่ที่เรามองมุมไหน หากมองในมุมของนักเพาะนกแน่นอนว่าหนึ่งเลยคือวิกฤติ แทนที่จะขายนกได้ในราคาแพงเหมือนเดิมก็ต้องเพลาไป แต่ก็ยังเป็นโอกาสในการเพาะขยายพันธุ์เพื่อคัดเลือกเช่นกัน คือเมื่อเรามีนก 10 ตัว หากคัดไว้เอง 1 ตัว ก็อาจมีทางเลือกแค่นั้น แต่เมื่อเรามีนกเป็นร้อย ก็จะคัดนกได้มากกว่า แต่ผมมองว่าวิกฤติครั้งนี้จะเป็นโอกาสให้คนรักนกแฟนซีครับ จะได้เลือกหานกสวยๆ ในราคาเบาๆ”
“ในเมื่อไม่มีสนามลง แล้วเราโชว์นกกันยังไงล่ะแจ๊ค”
“ออนไลน์ครับพี่ มีทั้งภาพนิ่งและทำเป็นคลิป หากชอบก็ต่อรองราคากันไป”
“แสดงว่าแต่ละคน แต่ละค่ายนกก็เจอปัญหาไม่ต่างกัน แล้วคิดว่าจะไปต่อไหวไหม”
“ต้องไหวครับพี่ จริงอยู่ว่าเรากระทบหนักมาก โควิดมันขวิดกระทั่งนกเลยนะพี่ แต่เราถือโอกาสนี้เพาะพันธุ์และซ้อมนกให้เก่งมากขึ้น ไม่ว่าอย่างไรเราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ครับ”
“หากมีคนสนใจ ติดต่อได้ไหม”
“ยินดีครับพี่ โทร.หาผมได้ที่ (082) 189-0922, (093) 291-5634 ยินดีต้อนรับทุกท่านครับ”