ที่มา | สมุนไพรอภัยภูเบศร |
---|---|
ผู้เขียน | เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์ |
เผยแพร่ |
พญายอ หรือมีอีกชื่อว่า “เสลดพังพอน” นิยมใช้ตัวเมียเป็นยา เพราะตัวผู้ลำต้นมีหนาม เก็บใช้ทำยาลำบาก จัดเป็นสมุนไพรที่เป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีฤทธิ์ลดอักเสบ ต้านเชื้อไวรัสเริม และงูสวัด ถูกพัฒนาเป็นยาในหลายรูปแบบคือ แบบกลีเซอรีนป้ายปาก ใช้รักษาแผลในปาก เริมที่ริมฝีปาก และยังใช้บรรเทาอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบ จากการฉายแสงหรือให้ยาเคมีบำบัด
กลีเซอรีนพญายอ เป็นยาตัวแรกของอภัยภูเบศรที่ถูกพัฒนาขึ้นมาตั้งแต่ปี 2529 สำหรับเด็กที่ป่วยเป็นเริมที่ปาก และยังมีงานวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดลว่า การใช้ยากลีเซอรีนพญายอทาแผลในช่องปากวันละ 3 ครั้ง ในผู้ป่วยมะเร็งศีรษะและลำคอที่ฉายแสง โดยทายาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดที่ฉายแสง ช่วยลดความรุนแรงของเยื่อบุปากอักเสบ ลดความปวด และลดการอักเสบได้ดีกว่ายาแผนปัจจุบัน
แบบครีม สำหรับใช้ทาผดผื่นคัน เริม งูสวัด
แบบขี้ผึ้ง ใช้สำหรับทาถู ทาถูบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อย (บางคนใช้ทาแก้ปวดเมื่อย)
แบบคาลาไมน์ ใช้ทาแก้ผื่นลมพิษ หรือผดผื่นคันก็ใช้ได้เหมือนกัน โดยถ้ามีอาการคันมาก หรือมีอาการผดผื่นคันที่ผิวบริเวณกว้าง ใช้คาลาไมน์ก็จะสะดวกกว่าแบบครีม เพราะตัวยาจะกระจายตัวได้ดีกว่า และในสูตรตำรับคาลาไมน์จะมีซิงค์ออกไซด์ ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนังได้ และช่วยสมานแผล
พญายอเป็นยาโรคผิวหนังที่ปลอดภัย ใช้ได้ทุกเพศทุกวัยไม่จำกัด ทาได้บ่อยๆ วันละ 3-5 ครั้ง บริเวณที่มีอาการ แต่กรณีที่เป็นเริมหรืองูสวัด ขอแนะนำให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เนื่องจากเชื้อไวรัสมีการแบ่งตัวได้ไว การทายาบ่อยๆ จะทำให้รอยโรคดีขึ้นไว โดยพบว่าภายใน 3 วัน แผลจะตกสะเก็ด และภายใน 7-10 วันจะหาย
หากคนไข้เป็นงูสวัดบริเวณใกล้อวัยวะสำคัญ เช่น บริเวณศีรษะ ลำคอ ดวงตา หรือมีรอยโรคกว้างดูรุนแรง พบตุ่มหนอง อายุ 60 ปีขึ้นไป ควรพบแพทย์เพื่อกินยาแผนปัจจุบันร่วมด้วย เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ตามมา เช่น อาการปวดตามแนวประสาทหลังเป็นงูสวัด