เผยแพร่ |
---|
นายชัฐพล สายะพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 6 ชลบุรี (สศท.6) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงการประชุม Focus Group ถอดบทเรียน “แนวทางบริหารจัดการสินค้าเกษตรสำคัญในพื้นที่ประสบภัยพิบัติซ้ำซาก กรณีศึกษาโครงการบางพลวงโมเดล” ภายใต้โครงการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตรตามแผนที่เกษตรเพื่อบริหารจัดการเชิงรุก (Agri-Map) เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2564 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลดงกระทงยาม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยมีเกษตรและสหกรณ์จังหวัดปราจีนบุรี นายสุรเทพ กิจกล้า เป็นประธานการประชุม และมีผู้เข้าร่วมประชุมจากหน่วยงานในสังกัด กษ.ในพื้นที่ และผู้แทนเกษตรกรใน 5 ตำบล 2 อำเภอ นำร่องที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่โครงการบางพลวงโมเดล โดยได้มีการนำเสนอผลสรุปและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจากการถอดบทเรียน โดยรับฟังความคิดเห็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายด้านการบริหารจัดการพื้นที่และสินค้าเกษตรสำคัญในพื้นที่โครงการ
สำหรับโครงการพื้นที่บางพลวงเป็นพื้นที่ชลประทานขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออก มีเนื้อที่ประมาณ 5 แสนไร่ เป็นพื้นที่ชลประทานใจกลางหลักของภาคตะวันออก และมีความท้าท้ายในการเกิดภัยพิบัติซ้ำซาก ได้แก่ อุทกภัย ภัยแล้ง และภัยน้ำเค็มรุกล้ำ จึงเป็นพื้นที่น่าสนใจถอดบทเรียนและร่วมสนับสนุนการจัดทำแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่และสินค้าในพื้นที่ภัยพิบัติซ้ำซากของภาคตะวันออก ซึ่งจากการถอดบทเรียนจากข้อมูลตามแผนที่ความเหมาะสมของสินค้าเกษตร (Agri-Map) พบว่า พื้นที่ 5 ตำบลนำร่อง (ตำบลบางกุ้ง ตำบลหาดยาง ตำบลดงกระทงยาม ตำบลคู้ลำพัน และ ตำบลไผ่ชะเลือด) ของบางพลวงโมเดลส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เหมาะสมสูง (S1) แก่การปลูกข้าวจำนวน 37,440 ไร่ เหมาะสมปานกลาง (S2) จำนวน 12,419 ไร่ และเป็นพื้นที่ไม่เหมาะสม (S3/N) เพียง 332 ไร่
หากพิจารณาจากข้อมูลของเกษตรตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนใน 3 มิติ มีดังนี้ 1) มิติด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกษตรกรส่วนใหญ่อาศัยใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและแหล่งน้ำชลประทาน ซึ่งแหล่งน้ำยังไม่เพียงพอ 58% เป็นพื้นที่รับน้ำนองหน่วงน้ำ 70% ในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ทันก่อนฤดูน้ำหลากหรือรับน้ำนองหน่วงน้ำ 87% และเก็บเกี่ยวไม่ทัน 23% แต่เป็นการเสียหายบางส่วนไม่เสียหายโดยสิ้นเชิงทั้งแปลง ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ และมีการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำแบบไม่เป็นทางการ 49% ส่วนพันธุ์ข้าวที่ปลูกหลากหลายเป็นพันธุ์ที่ราชการรับรอง 53% 2) มิติด้านเศรษฐกิจ เกษตรกรส่วนใหญ่สังกัดกลุ่ม ธ.ก.ส. 86% เป็นพื้นที่เช่า 86% ไม่คิดเปลี่ยนไปทำเกษตรด้านอื่นๆ ที่มีรายได้มากกว่าการทำนาเพียงอย่างเดียวเนื่องจากเป็นพื้นที่เช่าไม่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ และไม่มีความรู้ในการประกอบอาชีพอื่นๆ และมีพ่อค้ามาซื้อข้าวที่นาหลายเจ้าทำให้มีการแข่งขันราคาและเกษตรกรสามารถเลือกที่จะขายได้ แต่หากมีน้ำส่งมาตามคลองได้ต่อเนื่องจึงจะคิดปรับเปลี่ยนปลูกพืชทางเลือกอื่นผสมผสานบ้างต่อไป และ 3) มิติด้านสังคม เพศชาย 35% เพศหญิง 65% ส่วนใหญ่ขึ้นทะเบียนเกษตรกร 93% มีอาชีพเสริม 33% เช่น รับจ้างทั่วไป ค้าขาย และลูกจ้างภาครัฐ จบการศึกษาระดับประถมศึกษา 72% จำนวนสมาชิกในครัวเรือนเฉลี่ย 4 คน แบ่งเป็น แรงงานในครัวเรือนภาคการเกษตรเฉลี่ย 2 คน และเป็นแรงงานนอกภาคเกษตรเฉลี่ย 2 คน
โดยการนำเสนอในครั้งนี้ ผู้อำนวยการส่วนแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจการเกษตร นางสาวนริศรา เอี่ยมคุ้ย สศท.6 ได้นำเสนอร่างแนวทางการบริหารจัดการฯ ให้หน่วยงานภายใน กษ. และภายนอก กษ. และเกษตรกรควรร่วมบูรณาการแบบมีพื้นที่เป้าหมายเดียวกันในพื้นที่โครงการบางพลวง เพื่อแก้ไขปัญหาในแต่ละมิติ รวมทั้งประเด็นสำคัญการส่งเสริมการรวมกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ให้เข้มแข็งเพื่อให้ตกผลึกความคิดร่วมกันและสร้างการรับรู้รับทราบข้อมูลให้ทั่วถึง โดยในที่ประชุมได้เห็นชอบตามข้อค้นพบจากการถอดบทเรียนและร่างแนวทางการบริหารจัดการฯ นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นควรให้มีพื้นที่ปลูกสินค้าทางเลือกต้นแบบ แบบ Learning by Doing ควรหาพื้นที่เป้าหมาย และควรมีเกษตรกรต้นแบบเพื่อเป็นตัวอย่างให้กับเกษตรกรได้ศึกษาดูต้นแบบความสำเร็จ ตั้งแต่เรื่องแหล่งเงินทุน หาพันธุ์ดี วิธีการเพาะปลูกพืชทางเลือก การดูแลรักษาไปจนถึงด้านการตลาด และต้องมีการติดตามประเมินผลทบทวนแล้วปรับปรุงแก้ไขหากประสบผลสำเร็จให้ทำการขยายผลต่อไป
อย่างไรก็ตาม สศท.6 จะนำผลการประชุม Focus Group ไปปรับปรุงรายงานการถอดบทเรียนฯ ให้สมบูรณ์มากขึ้น และนำไปเสนอผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนแนวทางบริหารจัดการร่วมบูรณาการทำงานของหน่วยงานทั้งในและนอกสังกัด กษ. เพื่อขับเคลื่อนป้องกัน แก้ไข และส่งเสริมการผลิตการตลาดในพื้นที่โครงการบางพลวงโมโดลให้ประสบผลสำเร็จต่อเนื่อง เน้นการบริหารจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่/การปรับเปลี่ยนกิจกรรมการผลิตให้เป็นสินค้าที่ตลาดต้องการ ตามหลักการตลาดนำการผลิตแบบครบวงจร สำหรับเกษตรกรหรือผู้สนใจข้อมูลบางพลวงโมเดล
สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.6 โทร. (038) 351-398 หรือ อี-เมล [email protected]