การตลาดยุคใหม่ ขายออนไลน์

ขึ้นชื่อว่าเกษตรกรหลายท่านต้องคิดถึงวิถีเกษตรแบบเดิมๆ แบบดั้งเดิม หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน  ตื่นเช้าขึ้นมาล้างหน้าได้แบกจอบแบกเสียมลงไปเรือกสวนไร่นา ไม่ได้ดูเวลา ฟังเสียงพระตีกลอง ถึงรู้ว่าฉันเพล ถึงได้พักกินข้าว กินข้าวเสร็จพักผ่อนงีบสักนิด ก่อนที่จะเข้าสวนต่อ ได้ยินพระตีกลองยามเย็น ก็ได้เวลากลับบ้านหุงหาอาหารไว้กิน บางรายถอดเสื้อลุยทำทั้งวัน ก้มหน้าก้มตาไปแบบไม่สนใจโลกภายนอก

โลกกว้างมากขึ้นผู้คนแย่งชิงอาหาร มนุษย์ที่ไม่รู้จักพอ ก็จะเข้าหาวัตถุดิบเพื่อกักตุนไว้ให้ครบปี ก่อนฤดูกาลใหม่จะกลับมาใหม่ วนเวียนกันอยู่อย่างนี้ มีข้าวเต็มยุ้งฉาง เก็บไว้กิน ใครมียุ้งใหญ่ๆ แสดงว่าบ้านนี้ บ้านนั้นรวย เป็นที่กล่าวขานว่าเป็นเจ้าของแปลงนาขนาดใหญ่ ข้าวส่วนหนึ่งก็เอาไปขายที่ท่าข้าว ส่วนใหญ่เกษตรกรในยุคนั้นบอกว่า เก็บข้าวไว้กิน ไม่ได้ค้าขาย กินพออยู่อย่างเดียวพอ ปลูกข้าวก็ปลูกข้าวอย่างเดียว ไม่ทำอย่างอื่น เพราะไม่มีการแย่งชิง เพราะประชากรโลกยังไม่เยอะ โลกยังสบายๆๆ ทุ่มเททั้งร่างกายพลิกผืนดิน ถากถาง จับจองที่ทำกิน ใครถางป่าได้เยอะถือว่าเก่ง ถือว่าเยี่ยม พอเกิดการจัดสรรที่ดิน กลุ่มนี้ก็จะมีที่ดินเป็นจำนวนมาก ตกมาถึงลูกหลานในเวลาต่อมา

แต่มาวันนี้ เกษตรกรในยุคปี 2000 มีอุปกรณ์มีเครื่องจักร มีการใช้ปุ๋ยเคมี มีเครื่องทุ่นแรง มีความคิดวางแผนต้นทุนการผลิต จะเอาปริมาณมากๆ เพื่อนนำไปขาย นำไปแปรรูปในรูปแบบต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคได้เลือกบริโภค ได้ซื้อนำไปทำกิน จะเป็นแค่วัตถุดิบหรือแปรรูป ง่ายๆ ว่าจากขายข้าวเปลือกอย่างเดียว ต้องขายข้าวสารสำเร็จรูป ห่อเป็นแพ็กเกจจิ้งเพื่อให้มีการอยากที่จะบริโภคมากขึ้น ยกตัวอย่างเรื่องข้าวก็ต้องมีหลายสูตร ไปวางตามชั้นวาง วางตามห้าง ตามตลาด ตามโชว์รูมร้านค้าสหกรณ์ การวางแผนการตลาดต้องมียอดออร์เดอร์จำนวนเท่าไหร่ จะขายข้าวต้องวางแผนการตลาด เกิดต้นทุน มีการกำหนดราคาข้าวแต่ละปี มีการรับซื้อเกวียนละเท่าไหร่ ราคาแต่ละปีก็แตกต่างกันไป ตามสภาวะตลาดโลก เกษตรกรที่ปลูกข้าวเพื่อขายโรงสีอย่างเดียวก็ต้องวางแผนว่าจะปลูกพันธุ์อะไรดีถึงจะถูกใจผู้บริโภค ชอบแบบไหน สายพันธุ์อะไร ต้องเช็กความต้องการของโรงสี ปีไหนข้าวราคาไม่ดี ชาวนาก็จะประท้วงเพื่อให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องมาดูแล เกษตรกรผู้ปลูกข้าวก็ต้องวางแผนกับการปลูกข้าวแต่ละปีว่าคุ้มทุนอย่างไร เกิดการลงทุนว่าจะวางแผนอย่างไร หลังจากข้าวออกรวง หลังเก็บเกี่ยวแล้วผลผลิตจะเป็นอย่างไร ปลูกข้าวกำลังเจริญเติบโตแต่ดันเกิดอุทกภัย นาล่มเสียหาย

เกษตรกรก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อแก้ปัญหา ไม่ได้ขายข้าวเพื่อกินอย่างเดียวแต่เป็นขายข้าวเพื่อเป็นอุตสาหกรรม มีการส่งออกไปต่างประเทศ แต่ละปีแต่ละเดือนก็นั่งคิดว่าจะทำอย่างไรกับผลผลิตที่ออกมาในแต่ฤดูกาล เป็นธุรกิจ มีนักธุรกิจการเกษตร ชาวนาขาดทุน นาล่ม นาแล้งไม่มีน้ำก็เป็นปัญหา นี่แค่เรื่องข้าวนะ พืชผลทางการเกษตรหลายอย่าง ทุเรียน ลำไย มังคุด ทุกชนิดล้วนเกิดต้นทุน เกษตรที่มีพื้นฐานทางการเงินที่ดีก็อยู่ได้ เกษตรกรที่มีหนี้สินก็จะต้องวางแผนว่าปลูกแล้วคุ้มไหม ปลูกแล้วขายใคร ทุกอย่างต้องทำเป็นกระบวนการเพื่อจะไม่เกิดการขาดทุนในอนาคต

เมื่อมาถึงยุคใหม่โรคระบาดใหม่อย่างโรคระบาดโควิด-19 การเปลี่ยนแปลงในแวดวงเกษตรกรยิ่งเกิดขึ้น การที่จะนำข้าวไปขายงานมหกรรมต่างๆ การจัดกิจกรรมต่างๆ ไม่สามารถทำได้ ระบบใหม่ที่มาแรงเลยเป็นการขายระบบออนไลน์เกิดการขายออนไลน์ ผ่านช่องทางต่างๆ มากมาย เกิดแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นขายของในโลกออนไลน์ เกษตรกรต้องปรับตัววางแผนล่วงหน้า เพื่อจะให้ผลิตผลต่างๆ ต้องขายให้หมด ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า 1 เดือนก่อนผลผลิตออกมา ต้องหาตลาด ต้องทำโปรโมต ต้องรีวิวสินค้า ผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ทั้ง Facebook, Instagram, TikTok, Youtube ฯลฯ เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกษตรกรต้องพูดเป็นจากตะโกนขายในตลาดมาขายผ่านหน้าจอแบบพูดคนเดียวต้องกล้าพูดกล้าคิด

แต่ละคนก็หาเทคนิคพิเศษเพื่อจะดึงดูดลูกค้า หมดเวลานั่งเฝ้าหน้าร้านแบบทั้งวัน เกษตรกรมาเป็นเวลา มาเป็นช่วงๆ ขายแบบไหนโดนใจ แต่ละคนต้องเรียนรู้วิธีการพูด ทำอย่างไรให้ลูกค้าเห็นชัดๆ เห็นสินค้า เกษตรกรต้องไปถ่ายรูปผลิตภัณฑ์ ผลผลิตแบบใกล้ๆ โชว์สิ่งที่ตนเองมี ทำให้ผู้บริโภคอยากกินอยากใช้ของ บางรายร่ำรวยเป็นกอบเป็นกำ เกษตรกรเริ่มต้นก็ไม่กล้า พอเริ่มชินก็เริ่มกล้าที่จะพูดต่อรองกับลูกค้า แบบโต้ตอบกันได้ โลกที่ไร้พรมแดน ขอให้มีเงินจ่ายค่าอินเตอร์เน็ต  ขอให้ถูกใจลูกค้าก็ได้เงิน เกษตรกรเรียนรู้ที่จะขายออนไลน์ก็ไม่มีของค้างสต๊อก จะเช้าจะเย็นไม่ต้องห่วง การขายออนไลน์จึงเป็นทางเลือกใหม่ของพี่น้องเกษตรกร เกิดการปรับเปลี่ยนห่วงโซ่กระบวนการโลจิสติกส์ขนานใหญ่ เพราะจะต้องขนส่งรองรับสินค้า ไปรษณีย์ต้องปรับตัว ไม่มีวันหยุด ต้องแข่งกับเอกชนที่มารองรับการขนส่ง เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หมดเวลาที่จะเอาผลิตผลไปเทตามท้องถนน ใครอยากขายๆ เกิดการมีตัวตน เกษตรกรจำนวนมากเป็นครีเอเตอร์ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ เป็นผู้ทรงอิทธิพลในแวดวงการเกษตร ไม่ต้องไปรอนักข่าวเพื่อมาสัมภาษณ์ เพราะแต่ละคนก็มีช่องทางสื่อสารถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลงตัว

เกษตรกรหน้าใหม่โปรดทราบ ควรวางแผนได้แล้วว่าจะทำการตลาดอย่างไร มีสินค้า ผลิตผลอะไรอยู่กับตัวเองบ้าง กล้าพูดกล้าขายในโลกออนไลน์ อย่าไปกลัว ท่านจะเป็นเศรษฐีใหม่ในโลกอนาคตได้ เพียงโหลดแอปพลิเคชั่น Facebook, Instagram, TikTok, Youtube แล้วขายของผ่านหน้าจอ ท่านจะรวยในพริบตา ผมเคยสัมภาษณ์เกษตรกรท่านหนึ่งครับ ชื่อ คุณสุภาพชาย บุตรจันทร์ เป็นทั้งพิธีกรผู้ประกาศข่าวแห่งช่องเวิร์คพอยท์ แกขายออนไลน์ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงขายกล้าพันธุ์องุ่นได้เกือบ 40,000 บาท ปรับเปลี่ยนครับ อย่าอายทำกิน พูดแล้วทำ ลงมือทำ จากได้วันละนิด อาจจะรวยในอนาคต ใส่ใจนิดในโลกออนไลน์รับรองไม่ผิดหวัง เกษตรทางรอดวันนี้รีบทำนะครับ รอดแน่นอน