สวพ.2 ปลื้มความสำเร็จโครงการปุ๋ยแก้จน บ่อโพธิ์โมเดล

สวพ.2 ปลื้มความสำเร็จโครงการปุ๋ยแก้จน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในนาข้าวให้มีคุณภาพ ให้ผลผลิตสูง สร้างเพิ่มรายได้เพิ่มให้เกษตรกรและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนสู่ความเข้มแข็ง ยั่งยืน

นางสาวฉันทนา คงนคร ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา การเกษตรเขตที่ 2  (สวพ.2) จังหวัดพิษณุโลก กรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า สวพ.2 ประสบความสำเร็จอย่างมากในการส่งเสริมโครงการทดลองขยายการผลิตแปลงใหญ่การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชที่เหมาะสมกับภูมิสังคมเกษตรกรระหว่างปี 2563-2564 แก่เกษตรกรทำนาตำบลบ่อโพธิ์ อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก จำนวนเกษตรกร 30 ราย ในพื้นที่เป้าหมายจำนวน 100 ไร่ โดยโครงการดังกล่าว สวพ.2 ได้นำเทคโนโลยีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในนาข้าว ได้แก่ การใช้แม่ปุ๋ยมาผสมใช้เองตามคำแนะนำ เพื่อการใช้ปุ๋ยให้ถูกสูตร ถูกเวลา ถูกวิธี และถูกปริมาณ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่ปลูกในพื้นที่นาได้

นายพนิต หมวกเพชร นักวิชาการเกษตรชำนาญการ สวพ.2 อธิบายว่า เทคโนโลยีที่แนะนำ คือการแบ่งใส่ปุ๋ย 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 รองพื้นพร้อมปลูก ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่ ผสมกับสูตร 18-46-0 อัตรา 15 กิโลกรัม ต่อไร่ และสูตร 0-0-60 อัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่ ครั้งที่ 2 ใส่เมื่อข้าวโพดอายุ 20-25 วัน สูตร 46-0-0 อัตรา 16 กิโลกรัม ต่อไร่ ผสมกับสูตร 0-0-60 อัตรา 10 กิโลกรัม ต่อไร่ คิดเป็น อัตรา15-7-12 กิโลกรัม N-P2O5-K2O  ต่อไร่ ใช้ระยะระหว่างแถว 70-75 เซนติเมตร ระยะระหว่างหลุม 20 เซนติเมตร จำนวน 1 ต้น ต่อหลุม การป้องกันกำจัดหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด โดยเลือกใช้สารเคมี ดังต่อไปนี้

1. สไปนีโทแรม 12 % SC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร (IRAC กลุ่ม 5) 2. อีมาเม็กตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร (IRAC กลุ่ม 5)  3.คลอร์พินาเพอร์ 10% SC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร (IRAC กลุ่ม 13)  4. อินดอกซาคาร์บ 15 % EC อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร (IRAC กลุ่ม 22) 5. คลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% SC อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร (IRAC กลุ่ม 28) โดยแนะนำให้เกษตรกรเลือกใช้สารเคมีอย่างใดอย่างหนึ่งแบบสลับกลุ่มการใช้ เพื่อป้องกันหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุดเกิดอาการดื้อสารเคมี

ทั้งนี้ จากการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาขยายผลในพื้นที่กลุ่มแปลงใหญ่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ดังกล่าวพบว่า ผลผลิตแปลงขยายผล เฉลี่ย 1,050 กิโลกรัม ต่อไร่ สูงกว่าแปลงเกษตรกร (885 กิโลกรัม ต่อไร่) เพิ่มผลผลิตได้เฉลี่ย 165 กิโลกรัม ต่อไร่ คิดเป็นมูลค่า 1,155 บาท ต่อไร่ ผลตอบแทนด้านเศรษฐศาสตร์ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในราคาเฉลี่ย 6.5 บาท ต่อกิโลกรัม ความชื้น 22-25 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้แปลงขยายผล มีรายได้เฉลี่ย เท่ากับ 6,825 บาท ต่อไร่ มากกว่าแปลงเกษตรกร ( 5,752 บาท ต่อไร่) ในขณะที่ต้นทุนการผลิตแปลงขยายผลเฉลี่ย 3,590 บาท ต่อไร่  ต่ำกว่าแปลงเกษตรกร (3,890 บาท ต่อไร่) เมื่อพิจารณาถึงรายได้สุทธิ พบว่า แปลงขยายผล มีรายได้สุทธิเฉลี่ยเท่ากับ 3,235 บาท ต่อไร่ สูงกว่าแปลงเกษตรกรที่ (1,862 บาท ต่อไร่ )

นายธัชธาวินท์ สะรุโณ ผู้เชี่ยวชาญ สวพ.8 ในฐานะผอแผนงานวิจัยกล่าวเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีการเพื่มผลผลิตข้าวโพดของบ่อโพธิ์โมเดล สามารถนำไปปรับใช้กับการผลิตข้าวโพดในหลายจังหวัดของภาคเหนือตอนล่าง นอกจากจะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกแล้ว กระบวนการพัฒนาที่ชุมชนมีส่วนร่วม มีการจัดเวทีวิจัยสัญจรเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และจัดกิจกรรมถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้ทำให้เกิดชุมชนเกษตรที่เข้มแข็ง มีการเชื่อมโยงภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนา ได้ทำให้เกิดต้นแบบชุมชนที่มีการผลิตข้าวโพดอย่างยั่งยืนภาคเหนือตอนล่าง