นทท.แห่ลอดถ้ำมรกต ‘Unseen in Thailand ทะเลตรัง’ ส่งท้ายปีคึกคัก คาดเงินสะพัด 400 ล้าน

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม บรรยากาศเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2561 ภายในบริเวณท่าเรือหาดปากเมง อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม อ.สิเกา จ.ตรัง มีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ ลงเรือท่องเที่ยวท่องทะเลตรังบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก เป้าหมายอยู่ที่เกาะกระดาน เกาะเชือก เกาะไหง เกาะมุกด์ถ้ำมรกต Unseen in Thailand โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและเจ้าท่าตรัง มาอำนวยความสะดวกและกวดขันเรือโดยสารทุกลำต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะถ้ำมรกต Unseen in Thailand ซึ่งเป็นไฮไลท์ทะเลตรังเป็นอีกหนึ่งความงามอันมีเสน่ห์เคียงคู่ทะเลตรัง ทะเลอันดามัน

โดยเรือนำเที่ยวจะมาจอดอยู่บริเวณหน้าอุโมงค์ปากทางเข้าถ้ำมรกต ให้นักท่องเที่ยวลงน้ำไปรวมหมู่ ด้วยการลอยคอเกาะไหล่คนข้างหน้า แบบแถวตอนเรียงหนึ่งเป็นแถวเป็นขบวนยาว ตีขาปั่นจักรยานน้ำลอยตัวเข้าไปในโพรงถ้ำระยะประมาณ 80 เมตร ทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้เข้ามาชมความงามจะสนุก ตื่นเต้นและประทับใจความเป็นอันซีนของทะเลตรัง สุดยอดอันซีนท่องเที่ยวทางทะเลอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย

นายกิตติเดช วรรณบวร กรรมการสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในช่วงหยุดยาววันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวทะเลตรังเป็นจำนวนมาก ทางจังหวัดมีการเฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ลงเรือที่ท่าเรือมีตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจน้ำ เจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่า เจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหม มีการแจ้งและสวมเสื้อชูชีพตลอดระยะเวลาท่องทะเลตรัง ถือว่าเป็นความปลอดภัยที่ไม่มีข้อผิดพลาด และทำอย่างนี้ตลอดเป็นข้อบังคับที่สำคัญที่สุดของการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง นักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวจังหวัดตรัง

ขณะที่ นางพิชญ์สินี ทัศน์นิยม ผู้ช่วย ผอ.ททท.สำนักงานตรัง กล่าวว่า เมื่อวันก่อนตนลงทะเลตรังเที่ยวเป็นการส่วนตัวเพื่อสำรวจบรรยากาศท่องเที่ยวทะเลตรัง พบเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติพายเรือแคนนูเข้าไปในถ้ำมรกต ทำไมนักท่องเที่ยวจึงพายเรือเข้าไปถึง 4-5 ลำ ซึ่งเป็นการผิดกฎ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยจังหวัดตรังอย่างมาก จริงๆนักท่องเที่ยวต่าชาติจะเคารพกฎกติกา แต่เป็นไปได้หรือว่าเขาไม่ทราบว่าห้ามพายเรือแคนนูเข้าถ้ำมรกต จึงฝากเรื่องดังกล่าวให้ทางอุทยานฯหาดเจ้าไหมเข้าไปดูแลแล้ว

นางพิชญ์สินีกล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่พบเห็นคือเรือที่มาจอดหน้าถ้ำมรกต ส่วนใหญ่เป็นเรือทัวร์ที่มาจากเกาะลันตา กระบี่ และภูเก็ต เยอะมากๆ มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มลำ ขณะที่เรือนำเที่ยวตรังกลับเงียบเหงา จึงตั้งคำถามว่าจังหวัดตรังจะทำอย่างไรไม่ให้ทะเลตรังเป็นทางผ่านของนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้ทรัพยากรของตรัง และเอารายได้กลับไปที่กระบี่และภูเก็ต ทราบว่ามีการขายมาแพงด้วย ตรังเองขายถูก ไม่แพง และมีความสดใหม่ แต่กลับมีนักท่องเที่ยวไม่มากนัก เป็นเหตุผลที่ทาง ททท.ตรัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจังหวัดต้องมานั่งพูดคุย แต่ที่ผ่านจังหวัดตรังมีข้อจำกัดของอุทยานฯหาดเจ้าไหม ไม่สามารถก่อสร้างรองรับสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวได้

“ในปี 2561 ททท.ตรัง จัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยการนำจุดขาย 3 เรื่องมาโปรโมต ประกอบด้วย 1) ท่องเที่ยววิถีไทย เก๋ไก๋ สไตล์ยั้งยืน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของชุมชน มรดกทางวัฒนธรรมจังหวัดตรังมีความพร้อม 2) การท่องเที่ยวเพื่อการถวิลหาอดีต โดยมีประเพณีกิจกรรมหนึ่งเดียวของจังหวัดตรัง 5 เทศกาล ได้แก่ ประเพณีไหว้พระจันทร์ (ทุ่งยาว อ.ปะเหลียน) 2) ประเพณีชักพระข้ามทะเล (พระเป็นๆ อ.หาดสำราญ 3) ประเพณีแข่งขันลูกลม (อ.นาโยง) 4)สงกรานต์น้ำหอม อ.สิเกา และ 5)ประเพณีเผากะลา ของชาวมุสลิมตรัง ปี 2561 นี้ และ 3)ตรังยุทธจักรแห่งความอร่อย เป็นเมืองหลวงของอาหารอร่อย ปี 2560 มีสถิตินักท่องเที่ยว 1.4 ล้านคน รายได้อยู่ที่ 8,300 ล้านบาท โดยในไตรมาส4 มีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 320,000คน อัตราการเข้าพักโรงแรมจำนวน 4,300 ห้องรายได้อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่ารับปีใหม่ อัตราการเข้าพักในเมือง 80% บนเกาะเก่งต่างๆ 100% โดยในช่วงหยุดยาวปีนี้ นักท่องเที่ยวน่าจะเดินทางมาเที่ยวประมาณ 5-6 หมื่นคน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยคนละ 2.500 บาท เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 400 ล้านบาท” นางพิชญ์สินี กล่าว