เผยแพร่ |
---|
เมื่อเร็วๆนี้ นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา อธิบดีกรมหม่อนไหม เป็นประธานเปิดงาน โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหม ภายใต้กิจกรรมงาน “Mulberry In Love ชม ชิม ช้อป แชร์ @หม่อนไหมเชียงใหม่” ณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า กรมหม่อนไหมได้จัดให้มีการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหม ปี 2561 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งบริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นแหล่งศึกษาดูงานเรียนรู้เรื่องหม่อนไหมแบบครบวงจรผ่านสื่อกิจกรรมแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร รวมทั้งยังมีการจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์จากหม่อนไหม เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้ซื้อสินค้าที่มีคุณภาพจากเกษตรกรผู้ผลิตในพื้นที่โดยตรง เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดอีกทางหนึ่ง ซึ่งในปีงบประมาณ 2561 ได้กำหนดจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหมขึ้นใน 9 จังหวัด 10 พื้นที่ ได้แก่ 1)ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 2)สถาบันผ้าทอมือหริภุญชัย จ.ลำพูน 3)พื้นที่ปลูกหม่อนผลสดภูพยัคฆ์ จ.น่าน 4)กลุ่มทอผ้าไหมอัญชลีไหมไทย จ.แพร่ 5)กลุ่มหัตถศิลป์ชุมชนโนนตูม-ฅญาบาติก จ.นครราชสีมา 6)บ้านท่าสว่าง และ บ้านพญาราม จ.สุรินทร์ 7)ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ หนองคาย 8) บ้านเสี้ยวน้อย จ.ชัยภูมิ และ 9)ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ
สำหรับการจัดงาน “Mulberry In Love ชม ชิม ช้อป แชร์ @หม่อนไหมเชียงใหม่” ณ ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น นิทรรศการความรู้เกี่ยวกับหม่อนไหม สาธิตการย้อมผ้าด้วยสีธรรมชาติ(สีชมพูจากลูกมัลเบอรี่) สาธิตการแปรรูปหม่อน (น้ำมัลเบอรี่/ ไอศกรีมมัลเบอรี่) แจกชิมฟรีเมนูจากหม่อนและไหม เช่น ชาใบหม่อน สมูทตี้มัลเบอรี่ มัลเบอรี่เชอเบท การจำหน่ายผ้าไหมและผลิตภัณฑ์หม่อนไหมที่มีคุณภาพ รวมถึงสินค้าจากศูนย์ศิลปาชีพและโครงการพระราชดำริ และทัณฑสถานหญิงเชียงใหม่ นอกจากนี้ กรมหม่อนไหมยังได้ต่อยอดการดำเนินงาน โดยประสานความร่วมมืออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวร่วมกับอุทยานหลวงราชพฤกษ์และไนท์ซาฟารี (จัดรถรับ-ส่ง)เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่อีกด้วย
ทั้งนี้ การจัดทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรด้านหม่อนไหม นั้น กรมหม่อนไหมคาดหวังให้เกิดแหล่งเรียนรู้และเผยแพร่ภูมิปัญญาด้านหม่อนไหมแก่ผู้ที่สนใจ สร้างความตระหนักรู้ถึงคุณค่าของอาชีพด้านหม่อนไหมให้แก่คนรุ่นใหม่ รวมถึงทำให้เกษตรกรมีช่องทางจำหน่ายสินค้าแก่ผู้บริโภคโดยตรงและสามารถผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของผู้ซื้อซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการตลาดนำการผลิตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์