| ผู้เขียน | สุจิต เมืองสุข |
|---|---|
| เผยแพร่ |
4-5 ปีที่ผ่านมา กระแสความนิยมน้องแมวยักษ์ หรือบูลด๊อกในร่างแมว ขึ้นท็อปฮิตติดชาร์จลำดับต้นๆ ของกลุ่มคนรักแมว ทำให้มีการนำเข้าจากต่างประเทศมาเลี้ยงและเพาะขยายพันธุ์จนได้ลูกแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ที่เกิดในเมืองไทย และกลบกระแสนิยมในแมวสายพันธุ์ขนยาวไปเกือบหมด
บริติช ชอร์ตแฮร์ (British Shorthair) มีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก
นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ (Lertwila) ซึ่งเป็นฟาร์มที่เพาะพันธุ์แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ที่มีชื่อเสียงในอันดับต้นของประเทศ ทั้งชื่อเสียงในวงการประกวดแมว ซึ่งได้รับรางวัลในระดับสูงมากมาย และในกลุ่มผู้เลี้ยงแมวบริติช ที่สำคัญ ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ เป็นฟาร์มแมวบริติชรุ่นแรกๆ ที่ขึ้นทะเบียนกับ World Cat Federation หรือ WCF แมวทุกตัวมีใบเพ็ดดีกรีของ WCF
หลังการพูดคุย ได้เทคนิคดีๆ ในการดูแลแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ มากมาย
คุณสัญญาลักษณ์ หรือ พี่ไก่ ผู้มีดีกรีเภสัชกรปริญญา แต่ปัจจุบันมาดูแลธุรกิจครอบครัว พี่ไก่ บอกว่า คลุกคลีกับแมวมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวรักแมวและเลี้ยงแมว ทำให้ซึมซับความน่ารักของแมวไว้กับตัว เมื่อปี 2558 มีโอกาสได้พบกับความน่ารักของแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ โดยมีรุ่นพี่แนะนำตัวแรก หลังจากนั้น ก็เริ่มมีตัวที่สองและตัวที่สาม ตามมา โดยนำเข้าจากต่างประเทศ
“ในยุคนั้น เป็นช่วงที่บริติช ชอร์ตแฮร์ เพิ่งเริ่มนิยม ยังไม่แพร่หลายมาก แต่เป็นแมวที่นำเข้าจากต่างประเทศ มีลูกแมวที่เกิดในไทยเป็นส่วนน้อย เรารักแมว เราก็ตั้งใจอยากมีลูกแมวที่เกิดในไทยเป็นของตัวเอง จึงตั้งใจเพาะพันธุ์ และเข้าเป็นสมาชิกสมาคม WCF รุ่นแรกๆ”
เมื่อเริ่มเพาะขยายพันธุ์จริงจัง พี่ไก่จึงเน้นเรื่องของคุณภาพแมว
แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ต้องการอาหารที่มีโปรตีนสูง และมีโภชนาการครบถ้วน เพื่อนำไปเสริมสร้างกล้ามเนื้อ โดยฟาร์มเลือกใช้อาหารเม็ดเป็นหลัก ใน 2 ประเภท คือ 1. อาหารเม็ดเกรดโฮลิสติก และเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยม ซึ่งทั้งหมดใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง โปรตีนที่นำมาเป็นส่วนประกอบเป็นโปรตีนที่มีคุณภาพ และมีส่วนผสมของผัก ผลไม้ เพื่อให้วิตามินและกากใยอาหาร ไม่มีธัญพืชพวกข้าวผสม เลี่ยงการปรุงแต่งด้วยสี รส และสารกันเสียที่มีส่วนผสมของเคมี
- อาหารสูตรโภชนาการเฉพาะไว้สำหรับปรับสภาวะบางอย่าง เช่น กรณีน้องแมวผลัดขน จะให้สูตรแฮร์บอร์นป้องกันก้อนขนกรณีน้องแมวท้องผูก จะให้สูตรไฟเบอร์ กรณีน้องแมวมีไขมันมากต้องการเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อ จะให้สูตรฟิตแอนด์เฟิร์ม เป็นต้น
ส่วนขนม ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ ไม่ได้ให้ เพราะเห็นว่า ขนมเป็นสิ่งไม่จำเป็น และฟาร์มต้องการเน้นโภชนาการที่ดีให้กับแมวมากกว่า
อาหารเสริม จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบำรุงขน ผิวหนัง และวิตามินเฉพาะ โดยพิจารณาจากวัยที่ต้องการการบำรุง อาหารเปียกจะใช้กรณีที่ต้องการผสมวิตามิน
การเจริญเติบโตของแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ พี่ไก่ให้คำแนะนำว่า แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่เจริญเติบโตช้า อายุที่โตเต็มวัย คือ 3 ปี แต่ทั้งนี้น้ำหนักและโครงสร้างจะแปรผันตามสายเลือดหรือบรรพบุรุษแมวตัวนั้นๆ โดยน้ำหนักของแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เพศผู้ทั่วไป จะมีน้ำหนักเฉลี่ย 5.5-8 กิโลกรัม ถ้ากรณีแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เพศผู้ที่โครงสร้างใหญ่ จะมีน้ำหนักเฉลี่ย 8-9 กิโลกรัม
“แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า กว่าจะถึงช่วงโตเต็มวัย คือ 3 ปี การดูแลที่ดีที่สุดคือ การทำวัคซีนให้ครบตามอายุ การตรวจสุขภาพ ตรวจเลือด ในช่วงเด็กและตรวจประจำทุกปี และหมั่นสังเกต หากพบว่าแมวผิดปกติเล็กน้อย ควรพาไปพบสัตวแพทย์ ไม่ควรปล่อยไว้จนแมวแสดงอาการออกมา เพราะแมวเป็นสัตว์ที่มีความอดทนสูง จะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น ดังนั้น ถ้าแมวแสดงอาการเจ็บป่วยออกมาให้เห็น นั่นหมายถึงอาการป่วยที่หนักแล้ว จะทำให้แมวมีความเสี่ยงได้”
การผสมพันธุ์ พ่อพันธุ์ควรมีอายุ 1-1 ปีครึ่ง โดยฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ จะกำหนดให้พ่อพันธุ์ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปีครึ่ง เพื่อการเจริญเติบโตที่เต็มที่ของแมวเพศผู้ ส่วนแม่พันธุ์กำหนดไว้ให้มีอายุไม่ต่ำกว่า 1 ปี เพื่อความสมบูรณ์ของลูกแมว อย่างไรก็ตาม ในการผสมพันธุ์ ทั้งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์จะนำไปตรวจสุขภาพและตรวจเลือดก่อนผสม หากพบว่า ยังมีสุขภาพไม่สมบูรณ์ จะต้องดูแลเพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ก่อน นอกจากนี้ การรับผสมจากภายนอก ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ ขอไม่รับผสม เนื่องจากจะทำให้แมวมีความเสี่ยงสูงต่อการรับเชื้อทุกชนิด ถึงแม้จะมีการตรวจสุขภาพตรวจเลือดผ่านแล้วก็ยังมีความเสี่ยง เพราะการตรวจลิวคีเมียเอดส์แมวยังไม่มีวิธีใดที่ให้ผลแม่นยำ 100% และมีช่วงระยะฟักตัวของโรคที่อาจมีเชื้อแต่ยังตรวจไม่เจออีก
แมวที่ได้รับการผสม ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ จะนับจากวันที่ได้รับการผสมไปอีก 1 เดือน ให้สังเกตการท้องจากลักษณะหัวนม การกินอาหาร การนอน แล้วพาแม่แมวที่ได้รับการผสมไปพบสัตวแพทย์เพื่ออัลตราซาวนด์ว่าท้องหรือไม่ จากนั้นดูแลเรื่องอาหารให้เหมาะสมกับแมวท้อง และใกล้กำหนดคลอดจะพาแม่แมวท้องไปอัลตราซาวนด์เพื่อดูความสมบูรณ์ของครรภ์ การประเมินวันคลอด และเอกซเรย์ดูขนาดหัวลูกแมวในท้อง เพราะธรรมชาติของแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ขนาดหัวจะใหญ่ การคลอดธรรมชาติของแม่แมวที่อุ้งเชิงกรานเล็ก จะเกิดปัญหาได้ ดังนั้น เมื่อทราบประเมินวันคลอดแล้ว ผู้เลี้ยงควรอยู่ใกล้ชิดในช่วงดังกล่าว และควรมองหาโรงพยาบาลสัตว์ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่แม่แมวคลอดเองไม่ได้จะพาไปโรงพยาบาลทันที
พี่ไก่ให้ข้อแนะนำว่า การเลี้ยงแมวที่ดี ควรมีการแบ่งเลี้ยงแมวในพื้นที่เดียวกันไม่เกิน 4 ตัว เพื่อป้องกันโรคและเพื่อสุขภาพที่ดีของแมว เมื่อแมวที่เลี้ยงในพื้นที่เดียวกันมีจำนวนน้อย จะทำให้สังเกตการกินอาหาร การขับถ่าย และสุขภาพของแมวแต่ละตัวได้ง่าย และเมื่อเกิดการเจ็บป่วยขึ้น โอกาสที่จะติดต่อแพร่เชื้อก็สามารถควบคุมได้ง่าย ผู้ที่เลี้ยงที่มีแมวจำนวนมากควรแบ่งพื้นที่เป็นส่วนๆ ไม่ควรนำมารวมกันทั้งหมด
“สำหรับแมวตัวผู้ แนะนำว่าควรมีพื้นที่ส่วนตัวให้แต่ละตัว หรืออยู่รวมกันให้น้อยที่สุด เช่นฟาร์มของเราจะแยกให้อยู่พื้นที่ละตัว ถ้าเลี้ยงรวมกัน พฤติกรรมของแมวตัวผู้จะข่มกันเอง ตัวที่ถูกข่มจะอยู่อย่างไม่มีความสุข และเกิดการเจ็บป่วยตามมา”
และการเลี้ยงแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ สามารถเลี้ยงภายในบ้านหรือคอนโดฯ ที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ แต่ควรเลี้ยงด้วยระบบปิด ไม่แนะนำการเลี้ยงในกรงทำให้เกิดความเครียด และการเลี้ยงในตู้กระจกแมว (ที่เป็นคอนโดฯ แมวในตัว) ที่ปัจจุบันนิยมกันซึ่งจะเหมาะกับแมวพันธุ์เล็กมากกว่าบริติช ชอร์ตแฮร์ โดยเฉพาะแมวบริติช ชอร์ตแฮร์เพศผู้ที่ตัวใหญ่ ถ้าอยากให้แมวมีกล้ามเนื้อสวยควรมีพื้นที่กว้างพอให้เดิน วิ่ง สเต็ปและคอนโดฯ สำหรับการกระโดด เพราะแมวบริติชต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ
การนำแมวใหม่เข้ามาในฟาร์ม พี่ไก่ บอกว่า เมื่อนำแมวใหม่เข้ามาควรแยกเลี้ยงก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าแมวปราศจากเชื้อ พาไปตรวจสุขภาพในช่วง 3-7 วันแรก ไม่ควรพาไปตรวจสุขภาพทันทีที่รับเข้ามา เพราะแมวจะเกิดความเครียด ควรปล่อยให้มีความคุ้นเคยก่อน แม้ว่าแมวจะได้รับการตรวจสุขภาพและตรวจเลือดผ่านเรียบร้อยแล้ว ก็ควรแยกเลี้ยงไว้ก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน เพราะระหว่างนั้น อาจเป็นช่วงที่เชื้อต่างๆ กำลังฟักตัวอยู่และไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น ที่ฟาร์มจะแยกเลี้ยงอย่างน้อย 1 เดือนจึงนำมาเลี้ยงรวมกับแมวภายในฟาร์ม
การอาบน้ำในแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ควรทำเดือนละครั้ง และเมื่ออาบน้ำ จำเป็นต้องเป่าขนให้แห้งสนิท หากปล่อยไว้อาจเกิดโรคผิวหนังขึ้นได้ นอกจากนี้ การแปรงขนให้กับแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ก็จำเป็น ควรทำวันละครั้ง เพื่อนวดผิวหนังให้เลือดไหลเวียนสะดวก และเป็นการกำจัดเศษขนที่ตายแล้วออกไป กรณีที่ไม่ช่วยกำจัดเศษขนทิ้ง แมวจะเลียขนแล้วเข้าไปอุดตันในลำไส้ เกิดอันตรายได้
“ลูกแมวแรกเกิดถึง 1 เดือน เน้นให้กินนมแม่เป็นหลัก เพราะนมแม่มีสารอาหาร มีภูมิต้านทานสูง โดยไม่ให้อาหารเสริมอย่างอื่นในช่วง 1 เดือนแรก อาจจะช่วยลูกแมวด้วยการจับลูกแมวที่อ่อนแอกว่าเข้าเต้าแม่แมวเพื่อให้ดูดนมได้ หลังลูกแมวอายุ 1 เดือนกว่า เริ่มให้นมเสริมเป็นนมที่ดูดซึมง่ายและไม่ทำให้ท้องเสีย และเริ่มฝึกกินอาหารอ่อน เป็นอาหารเปียกสูตรลูกแมวและอาหารเม็ดแช่น้ำ”
การแยกลูกแมวจากแม่แมว โดยทั่วไปทำเมื่อลูกแมวอายุประมาณ 7-8 สัปดาห์ เพื่อเตรียมทำวัคซีนให้กับลูกแมว ซึ่งฟาร์มยังคงพิจารณาเป็นกรณีไป เนื่องจากลูกแมวบางครอกยังมีความสัมพันธ์กับแม่อยู่นานเกิน 7 สัปดาห์ แต่บางครอกอาจมีกรณีต้องแยกลูกก่อน 7 สัปดาห์
ปัจจุบัน ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ มีพ่อพันธุ์ 6 ตัว แม่พันธุ์ 11 ตัว พ่อพันธุ์ทุกตัวมีตำแหน่ง Champion ระดับต่างๆ และรางวัลระดับสูงจากการประกวดทุกตัว แม่พันธุ์เกือบทุกตัวมีตำแหน่ง Champion ระดับต่างๆ และรางวัล มีแม่พันธุ์แค่ 2 ตัวที่ได้ใบ Certificate กำลังเก็บเพื่อขึ้นตำแหน่งอยู่ จึงการันตีความสวยในเรื่องของโครงสร้างและลักษณะถูกต้องตรงตามสายพันธุ์ได้อย่างดี
และแม้จะการันตีด้วยรางวัลมากมายของแมวภายในฟาร์ม ก็ใช่ว่าลูกค้าที่รักแมวจะได้แมวจากฟาร์มนี้ไปง่ายๆ
พี่ไก่ บอกว่า การเลี้ยงแมวของฟาร์มเรา ไม่ได้เน้นเรื่องของธุรกิจ แต่เลี้ยงเพราะรักและเลี้ยงแมวเหมือนลูก การเพาะพันธุ์ลูกแมวไม่ได้เน้นที่ปริมาณ แต่เน้นที่ให้ได้แมวที่ดีมีคุณภาพ ดังนั้น ในแต่ละปี จึงเพาะพันธุ์แมวน้อยครอก เฉลี่ยที่ผ่านมา 1-3 ครอก ต่อปี เท่านั้น และเลือกลูกค้าที่รักและเลี้ยงแมวแบบลูกเช่นเดียวกับเรา
“คนรักแมวที่อยากได้ลูกแมวจากฟาร์มเราไปเลี้ยง เราต้องการให้ได้ลูกแมวที่มีคุณภาพ จึงไม่อยากให้จองก่อนล่วงหน้า รอฟาร์มเปิดจองเมื่อลูกแมวโตพอที่จะเห็นโครงสร้างเท่านั้น แมวบริติช ชอร์ตแฮร์ เป็นแมวที่โตช้า ลูกแมวแรกเกิดถึง 2 เดือน จะยังเห็นโครงสร้างหรือความสวยงามไม่ชัด ลูกแมวจะกลมป้อมน่ารักทุกตัว ยังแยกไม่ออกว่าตัวไหนสวยกว่ากัน ลูกแมวในครอกเดียวกันก็ยังมีความแตกต่างบ้างไม่ได้สวยเท่ากันทุกตัว โดยจะเริ่มเห็นโครงสร้างและความสวยของลูกแมว ขั้นต่ำเมื่อลูกแมวอายุ 2 เดือนครึ่งถึง 4 เดือน หรือถ้าจะให้เห็นโครงสร้างและความสวยที่ชัดเจน ต้องรอให้ลูกแมวอายุ 4-6 เดือน หรือในบางสายโตช้า ความสวยและโครงสร้างที่ชัดเจนจะเห็นเมื่ออายุ 8 เดือนทีเดียว ดังนั้น เราจะเปิดจองขั้นต่ำอายุ 2 เดือนถึง 4 เดือน และปล่อยลูกแมวไปยังผู้เลี้ยงใหม่อย่างเร็วเมื่อลูกแมวอายุ 3 เดือนครึ่ง ลูกแมวต้องทำวัคซีนและตรวจสุขภาพแล้วเท่านั้น”
เมื่อขอข้อแนะนำจากพี่ไก่ ในการเลือกซื้อแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ พี่ไก่ ระบุว่า
- ต้องมีใบเพ็ดดีกรี เพื่อยืนยันสายพันธุ์แท้
2. ไม่ควรจองแมวจากภาพนิ่งหรือวิดีโอที่เห็น ควรเดินทางไปยังฟาร์ม เห็นแมวตัวที่ต้องการซื้อ พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์
3. ไม่ควรรีบจองแมวที่อายุน้อยเกินไป เพราะจะไม่เห็นโครงสร้างของแมวที่แท้จริง ขั้นต่ำอายุ 2 เดือนถึง 4 เดือน
4. ควรเลือกแมวที่มีใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างละเอียด
5. ถ้าอยากได้แมวสวยลักษณะดีถูกต้อง ควรเลือกแมวจากฟาร์มที่มีการประกวดของสมาคมที่ฟาร์มนั้นถือใบเพ็ดดีกรี ที่แนะนำเช่นนี้ เพราะแสดงว่าฟาร์มนั้นมีการพัฒนาคุณภาพสายพันธุ์แมว แมวที่ได้รับตำแหน่งหรือรางวัลในการประกวดเป็นการการันตีถึงลักษณะและโครงสร้างที่ดีของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ซึ่งจะให้ลูกที่มีลักษณะที่ดี และกรรมการยังแนะนำจุดเด่น จุดด้อยของแมวตัวนั้น ทำให้เราเลือกคู่ที่มาส่งเสริมกันได้
เช่น สมาคม WCF แมวที่เข้าประกวดจะต้องได้รับใบ Certificate ยืนยันว่าลักษณะถูกต้องตรงตามสายพันธุ์ จากกรรมการต่างชาติ 3 ท่าน ถึงจะขึ้นตำแหน่ง Champion ในแต่ระดับนั้นได้ ในระดับสูงจะมีรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น ในบางครั้งแมวที่มีราคาสูงก็อาจไม่ได้ใบ Certificate เพราะมีลักษณะบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังลูกหลานได้ กรรมการจะแนะนำไม่ให้ใช้เป็นพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ ฟาร์มที่ดีมีคุณภาพควรคัดออกจากโปรแกรมการผสมและทำหมันไป ดังนั้น การเลือกลูกแมวที่พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์มีตำแหน่งจากการประกวดจึงมีความสำคัญมาก จะมั่นใจได้มากกว่าว่าให้ลูกแมวที่มีลักษณะและโครงสร้างที่ดีตามพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ด้วย โดยการขอดูใบตำแหน่ง Champion ระดับต่างๆ ที่มีชื่อของพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ตัวนั้นโดยตรง ไม่ใช่ใบของรุ่นบรรพบุรุษ ถ้าหากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ได้รางวัลด้วยก็ยิ่งการันตีความสวยงาม
6. ดูผลงานลูกแมวครอกก่อนๆ อย่าดูเฉพาะตอนเด็ก ให้ดูลูกแมวครอกก่อนๆ ที่โตอายุ 1 ปีขึ้นไป ในเรื่องโครงสร้าง ขนาดตัว และความสวยงาม ลูกแมวมีการประกวดได้ใบ Certificate หรือตำแหน่ง ของสมาคมที่ฟาร์มนั้นถือใบเพ็ดดีกรีบ้างไหม เพื่อยืนยันลักษณะและโครงสร้างที่ดีของลูกแมว
แม้ว่าฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์ จะเป็นฟาร์มที่ผลิตลูกแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ออกมาปีละไม่กี่ครอก แต่ตลอดการทำฟาร์มมาเพียง 4 ปี ฟาร์มแห่งนี้ นอกจากพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ทุกตัวมีตำแหน่ง Champion ระดับต่างๆ รางวัลมากมายและใบ Certificate แล้ว ยังมีลูกแมวที่ผ่านการประกวดได้รับรางวัลมามาก โดยพี่ไก่ให้ข้อมูลว่า ลูกแมวจากฟาร์มลงสนามประกวดร้อยละ 31 จากจำนวนลูกแมวทั้งหมดของฟาร์มเลิศวิฬาร์ ทุกตัวได้รับใบ Certificate ยืนยันว่าลักษณะสวยงามถูกต้องตรงตามสายพันธุ์ และได้ตำแหน่งตั้งแต่ Kitten Champion ถึง International Champion มากถึง 12 ตำแหน่งทีเดียว แมวที่เกิดจากฟาร์มเลิศวิฬาร์เป็นบริติช ชอร์ตแฮร์ สีบลู เกิดในประเทศไทยตัวแรกที่ขึ้นตำแหน่ง Champion ในสนามประกวดแมวสีบลูรุ่นผู้ใหญ่ที่มีการแข่งขันสูงมาก นอกจากนี้ ยังได้รางวัลใหญ่จากการประกวดมามาก รวมถึงรางวัล Best General ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดในงานประกวด WCF การส่งลูกแมวลงประกวดนอกจากจะเป็นการยืนยันว่าลูกแมวที่เกิดจากฟาร์มมีลักษณะถูกต้องสวยงามตรงตามสายพันธุ์แล้ว ยังเป็นการพัฒนาสายพันธุ์ ทำให้เรารู้ว่าพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์คู่ไหนที่จับกันแล้วจะให้ลูกที่สวยงามมาก
เมื่อถามถึงสนนราคาลูกแมว พี่ไก่ยอมรับว่า อาจจะค่อนข้างสูง แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพแล้ว เชื่อว่าลูกค้าจะพึงพอใจ โดยราคาลูกแมวเริ่มต้นที่ 40,000 บาท ถ้าเป็นลูกของพ่อพันธุ์ดังที่มีโครงสร้างใหญ่มากของฟาร์มคือ บิ๊กเบนสีบลูและฮีโร่สีไบคัลเลอร์ ทั้งคู่ตำแหน่ง International Champion ราคาก็สูงขึ้น ฮีโร่ได้รางวัล National Winner Thailand 2018 คะแนนรวมประกวด WCF ปี 2018 สูงสุดของประเทศไทย จากการจัดอันดับของ Best Cat (ระบบการเก็บคะแนนของ WCF สำนักงานใหญ่เยอรมัน)
สนใจแมวบริติช ชอร์ตแฮร์ ติดต่อได้ที่ คุณสัญญาลักษณ์ โทรศัพท์ (098) 270-1008 Line ID : lertwila หรือทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ British Shorthair ฟาร์มแมวบริติชเลิศวิฬาร์
