ที่มา | เทคโนโลยีการเกษตร |
---|---|
ผู้เขียน | ธาวิดา ศิริสัมพันธ์ |
เผยแพร่ |
ผักพายน้อย เป็นผักพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพืชน้ำล้มลุกขนาดเล็ก ขึ้นเองได้ง่ายตามธรรมชาติในช่วงหน้าฝน มีรสหวานออกขมเล็กน้อย ช่วยเจริญอาหาร เป็นผักกินสด นิยมนำมากินคู่กับส้มตำ ลาบ ก้อย หรือลวกจิ้มน้ำพริกก็ได้ ซึ่งคนอีสานนิยมบริโภคอย่างมาก แต่ปริมาณในธรรมชาติก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค จึงได้มีการนำมาปลูกเพื่อการค้า และเพิ่มมูลค่าโดยการผลิตนอกฤดู
คุณทวี อุปมา เกษตรกรผู้ปลูกผักพายน้อยนอกฤดูสร้างรายได้ อยู่บ้านเลขที่ 127 บ้านโคกเซบูรณ์ หมู่ที่ 11 ตำบลสระเมิง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี เล่าว่า ก่อนที่จะมาเป็นเกษตรกร ตนมีโอกาสได้ทำงานเป็นช่างอิเล็กทรอนิก อยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ทำอยู่นาน 5 ปี เริ่มรู้สึกเบื่อกับงานประจำ อยากกลับมาหาปลูกผักทำการเกษตรที่บ้านเกิดมากกว่า เนื่องจากตนเคยคลุกคลีอยู่กับอาชีพเกษตรกรรมมาก่อน เห็นพ่อกับแม่ทำนาทำไร่ตั้งแต่เด็ก ดังนั้น เมื่องานประจำอิ่มตัว จึงตัดสินใจลาออกแล้วกลับมาลุยงานเกษตรที่บ้านอย่างเต็มตัว
คุณทวี เล่าต่อว่า หลังจากกลับมาบ้านตนเริ่มศึกษาการทำเกษตรอย่างจริงจัง ศึกษาจากเพื่อนบ้านบ้าง ศึกษาจากหนังสือบ้าง สนใจอยากรู้เรื่องอะไร ก็จะไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน เพราะมีความเชื่อที่ว่าก่อนที่จะลงมือทำอะไร จะต้องมีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นๆ ก่อน แต่ถึงแม้จะอ่านหรือศึกษาหาข้อมูลอย่างดีสักแค่ไหน ทฤษฎีกับการปฏิบัติก็ไม่เหมือนกันไปทั้งหมด แต่ควรนำทั้งทฤษฎีและการปฏิบัติมาประยุกต์ใช้ร่วมกัน ซึ่งกว่าที่ตนจะประสบผลสำเร็จอย่างทุกวันนี้ก็มีการลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลานมาหลายอย่างแล้วเช่นกัน
เริ่มจากการทำปศุสัตว์เลี้ยงหมู เริ่มต้นเลี้ยงหมู 10 ตัว 4 เดือน จับขาย 1 ครั้ง ทำตอนแรกได้กำไรดี เพราะตอนนั้นหมูกำลังมีราคา พอได้ราคาดีจึงวางแผนที่จะเลี้ยงเพิ่ม จาก 10 ตัว เป็น 40 ตัว แบ่งการเลี้ยงเป็นรุ่น รุ่นละ 10 ตัว จับขายหมุนเวียนกันไป แต่อาชีพเลี้ยงหมูก็ไม่เป็นอย่างที่หวัง เมื่อเลี้ยงไปถึง รุ่น 3-4 หมูราคาตก เลี้ยงไปมองไม่เห็นทุนเห็นกำไร จึงหยุดเลี้ยงหมู แต่ก็ยังไม่หยุดความพยายามหันมาศึกษาเรื่องเลี้ยงโคขุนอีก เพราะช่วงนั้นโคขุนกำลังมาแรง ราคาขายก็สูง จึงเห่อตามกระแสเลี้ยงตามคนอื่น เพราะหวังอยากจะรวย แต่ลืมคิดไปว่าตัวเองไม่มีตลาดเหมือนอย่างคนอื่น และอีกอย่างราคาก็ผันผวน เพราะพ่อค้าเขาปั่นราคา เราก็ไปสู้กับพ่อค้าที่เขาอยู่มานานไม่ได้ ก็ต้องเลิกรากันไปกับการเลี้ยงโคขุน ซึ่งหลังจากผิดหวังจากการเลี้ยงหมู เลี้ยงวัวแล้ว ก็พอจะเข้าใจได้ว่าตัวเองคงไปไม่รุ่งในทางสายปศุสัตว์ จึงหยุดอาชีพเลี้ยงสัตว์ แล้วมาลองอีกสักตั้งกับงานเกษตร ปลูกพืชพื้นบ้านใกล้ตัว ที่คนแถวบ้าน หรือละแวกใกล้เคียงนิยมบริโภค คือ ผักพายน้อย ซึ่งอาจจะรุ่งก็ได้ เพราะมีตลาดในจังหวัดรองรับอยู่แล้ว คุณทวี กล่าวถึงความเป็นมาก่อนที่จะมาปลูกผักพายน้อยเป็นอาชีพจนประสบผลสำเร็จ
เริ่มต้นปลูก 100 ตารางเมตร ขยายเป็น 1 ไร่
สร้างรายได้ 250,000 ต่อปี
เจ้าของบอกว่า หลังจากที่หยุดทำด้านปศุสัตว์แล้ว ทำไมถึงเลือกมาปลูกผักพายน้อย มีหลายเหตุผลด้วยกันคือ
- ผักพายน้อย เป็นพืชพื้นบ้าน คนภาคอีสานนิยมบริโภค
- มีคนปลูกน้อย ตลาดไปได้อีกไกล
- ผักพายน้อย เป็นผักที่ใช้พื้นที่น้อยในการปลูก แต่สร้างรายได้ดี
- ระยะปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว แค่ 2 เดือน
- ปลูก 1 รุ่น พื้นที่ 2 งาน เก็บเกี่ยวได้นาน 4 เดือน ถ้าวางแผนปลูกให้มีขายตลอดทั้งปี ก็จะมีรายได้ดีกว่าปลูกพืชชนิดอื่น
หลังจากที่วิเคราะห์ข้อดีของผักพายน้อยไปแล้ว เจ้าของเล่าต่อว่า ครั้งแรกตนเริ่มปลูกผักพายน้อยเพียง 100 ตารางเมตร แต่สามารถทำเงินได้หลักหมื่น ในเวลาเพียง 2 เดือน จึงเริ่มมองเห็นอนาคตมาตั้งแต่ตอนนั้น ถ้านับเวลาการปลูกผักพายน้อยตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันก็นานกว่าสิบปีแล้ว
“แรกๆ ก็ปลูกตามฤดู แต่ลองมาวิเคราะห์การตลาดดูแล้ว ถ้ายังทำในฤดูไปเรื่อยๆ ราคาอาจจะถูก เพราะใครๆ ก็ปลูกได้ ตนจึงคิดค้นหาวิธีที่จะทำยังไงให้ปลูกนอกฤดูได้ เพื่อสร้างรายได้เพิ่ม”
วิธีการปลูก
เจ้าของบอกว่า ผักพายน้อย เป็นผักที่มีเมล็ดเล็กมากๆ เมื่อหว่านลงแปลงแล้วแทบมองไม่เห็น จะกลมกลืนไปกับดินเลย ผักพายน้อย เป็นพืชที่ชอบดินธรรมชาติ ปุ๋ยเยอะไปก็ไม่ชอบ น้ำที่ใช้ปลูกก็ต้องเป็นน้ำจากธรรมชาติ เช่น น้ำคลอง น้ำฝน หรือถ้าเป็นน้ำบาดาลถ้ากร่อยมากไปก็จะไม่ขึ้น ช่วงตั้งแต่เริ่มปลูกให้มุงซาแรนกรองแสง 50 เปอร์เซ็นต์ เพื่อไม่ให้แสงแดดโดนใบเยอะไป จะทำให้ใบไม่สวย
ขั้นตอนการปลูก
- ไถคราดแปลงที่จะปลูก แล้วปล่อยน้ำเข้าแปลงให้เป็นน้ำตม เทคนิคการเตรียมดินคือ จะไม่เน้นไถกำจัดวัชพืช ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าไถกำจัดวัชพืชมากไป ถ้าดินไม่ดี เมื่อหว่านเมล็ดไปรากจะไม่เกาะ ทำให้รากลอย ปล่อยให้มีหญ้าบ้างรากหญ้าที่ไม่เปื่อยจะช่วยยึดเกาะรากผักพายน้อยที่เกิดมาใหม่ๆ
- หว่านเมล็ดพันธุ์ 3-4 กิโลกรัม ต่อพื้นที่ 1 งาน หลังจากหว่านเมล็ดเสร็จ ทิ้งไว้ 1-2 วัน ให้น้ำแห้ง แล้วปล่อยน้ำเข้าแปลงให้ท่วมสูงประมาณ 25-30 เซนติเมตร อย่าให้ขาด เพราะถ้าน้ำขาดจะทำให้วัชพืชขึ้นได้
- เมื่อผักพายน้อย อายุครบ 1 เดือน ให้ลดน้ำลง ให้ใบจริงผักพายน้อยแตกออก
- หลังจากลดน้ำลง ให้เริ่มใส่ปุ๋ย สูตร 46-0-0 ปริมาณ 1 กิโลกรัม ต่อ 1 งาน เมื่อผักพายน้อย อายุได้ 1 เดือน ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 20 กิโลกรัม ต่อ 1 งาน ระยะการหว่านปุ๋ย 10 วัน หว่าน 1 ครั้ง
ตั้งแต่ปลูกจนถึงเก็บเกี่ยว ใช้ระยะเวลา 2 เดือน 1 งาน เก็บผลผลิตได้นาน 4-5 เดือน 10 วัน เก็บ 1 ครั้ง
“ลักษณะการแบ่งพื้นที่ในการปลูกจะปลูกไม่เยอะ วางแผนปลูก ครั้งละ 1-2 งาน ถ้าปลูกมากไปจะเก็บไม่ทัน 1 ปี คิดเป็นพื้นที่ปลูกรวมทั้งหมดประมาณ 1 ไร่กว่า พอรุ่นแรกเริ่มวาย ให้เริ่มปลูก รุ่นที่ 2 เสริมไปเรื่อย”
เทคนิคปลูกนอกฤดู
เทคนิคปลูกนอกฤดู เจ้าของบอกว่า ใช้เวลาคิดค้นอยู่นานหลายปี พอดีมีโอกาสได้เข้าร่วมอบรมเรื่องพืชที่ไวต่อแสง จึงเก็บข้อมูลแล้วมาวิเคราะห์ว่า ผักพายน้อย ก็น่าจะเป็นพืชที่ไวต่อแสงเช่นกัน จึงนำความรู้จากการที่ได้ไปอบรมนำมาประยุกต์ใช้กับการปลูก คือผักพายน้อย ถ้าปลูกช่วงฤดูร้อนเวลากลางวันจะเยอะ แสงจึงเพียงพอ ผักเจริญเติบโตได้ดี แต่ถ้าหน้าหนาวแสงจะน้อย กลางคืนจะมากกว่ากลางวัน ผลผลิตจะออกยากและออกน้อย จึงลองใช้หลักเดียวกันกับพืชที่ไวต่อแสง ถ้าตอนกลางคืนลองเพิ่มแสงแล้วผลจะดีขึ้นไหม วิธีการเพิ่มแสงก็คือ ในเวลากลางคืนจะใช้หลอดไฟตะเกียบ ขนาด 100 วัตต์ เว้นช่วงติด 5-6 เมตร ต่อ 1 หลอด แบ่งช่วงการเปิดเป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 เปิดตั้งแต่ตะวันตกดินจนถึงตอน 1 ทุ่มกว่าๆ ช่วงที่ 2 เริ่มเปิดตั้งแต่ตี 5 ถึงฟ้าสว่าง ถือเป็นการชดเชยแสงช่วงหน้าหนาวที่พระอาทิตย์ตกไว วิธีนี้ทำแล้วได้ผลดีมากและดีมาตลอด จนเพื่อนบ้านแถวนี้เห็นทำสำเร็จก็นำไปทำตามกันเป็นจำนวนมาก
ต้นทุนการผลิต ลงทุนหนักครั้งแรก
ครั้งต่อไปรับกำไรอย่างเดียว
สำหรับการลงทุนในการปลูกผักพายน้อย คุณทวี บอกว่า จะหนักในครั้งแรก เพราะต้องลงทุนขุดบ่อกักเก็บน้ำ ค่าปั๊มน้ำ ค่าซาแรน ค่าหลอดไฟ และค่าเมล็ดพันธุ์ ราคากิโลกรัมละ 3,000 บาท ซึ่งถ้าใครทำจนชำนาญแบบตนแล้ว ก็สามารถเก็บเมล็ดมาเพาะปลูกเองได้ หรือถ้ามือใหม่ตนก็มีขายให้ ซึ่งเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม ต้องใช้เวลาในการเก็บนานพอสมควร เพราะเมล็ดเล็กมาก ส่วนเรื่องรายได้ ถ้าปีไหนทำได้ดี ผลผลิตออกเยอะ กำไรก็ถึงแสนห้า ต่อไร่ ราคาเป็นไปตามฤดูกาล เดือนมีนาคม-เมษายน ราคา 40 บาท ต่อกิโลกรัม เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ และตุลาคม-ธันวาคม ราคา 30 บาท ต่อกิโลกรัม เดือนสิงหาคม-กันยายน ราคา 20 บาท ต่อกิโลกรัม
การตลาด เป็นไปได้ดี ปลูกมาสิบกว่าปีราคาตกแบบนับครั้งได้ และแนะนำให้เกษตรกรปลูกเอง ขายเอง อย่างตนตอนนี้ทั้งปลูกเอง ขายเอง และรับจากสวนอื่นไปขายด้วย ซึ่งในวงการผัก ถ้าผักชนิดไหนปลูกเอง จะได้เปรียบคนอื่นหน่อย เพราะเราสามารถวางแผนการปลูกให้มีผลผลิตส่งได้ตลอดทั้งปี พ่อค้าแม่ค้าก็จะรับของเราตลอด เพราะเขาเชื่อใจ
อนาคต ผักพายน้อย ยังไปได้ดี
เจ้าของบอกว่า ผักพายน้อย ถือเป็นพืชสวนกระแส ในขณะที่ผักชนิดอื่นราคาตกใส่ถุงชั่งขาย 5-10 กิโลกรัม ราคา 20 บาท ยังไม่มีคนอยากจะซื้อ แต่ผักพายน้อยทำขายทุกวันนี้ ตนแพ็กใส่ถุงขาย ถุงละ 5 กิโลกรัม ราคา 210 บาท พ่อค้าแม่ค้าแย่งกันซื้อ แต่ทั้งนี้ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่บนความพอดี มากไปน้อยไปก็ไม่ดี ขณะนี้ผักพายน้อยถือเป็นที่นิยมของพี่น้องคนอีสานตลาดเลยยังไปได้ดี และอีกอย่างคนปลูกยังมีน้อย ราคาจึงดี มีไม่กี่จังหวัดในภาคอีสานที่ปลูกได้ ที่จังหวัดอุบลราชธานีนับว่ามีพื้นที่การปลูกเยอะที่สุด ส่วนจังหวัดอื่นข้างเคียง อย่างจังหวัดสุรินทร์ก็มีปลูกบ้าง แต่ถ้าถึงนอกฤดูทางสุรินทร์ก็ยังผลิตเองไม่ได้ ก็ต้องขึ้นมารับของที่นี่อยู่ดี
ฝากถึงเกษตรกรมือใหม่
ผักพายน้อย ถือว่าเป็นพืชที่ปลูกยาก มีความซับซ้อนอยู่ในตัว ขอแนะนำมือใหม่หากอยากจะปลูกต้องศึกษาข้อมูลและมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง หรือบางท่านปลูกได้แต่ไม่มีตลาดรองรับก็จบ ที่ผ่านมามีคนจากหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง โทร.มาถามมาปรึกษาก็จะแนะนำให้เขาหาตลาดก่อน ส่วนเรื่ององค์ความรู้การปลูกสามารถโทร.มาปรึกษาเราได้ตลอด ยินดีให้ความรู้ เพราะผมกว่าจะมีทุกวันนี้ก็เคยผิดหวัง ผิดพลาดมาแล้วเหมือนกัน คุณทวีกล่าวทิ้งท้าย
สอบถามข้อมูลองค์ความรู้การปลูกผักพายน้อย โทร. 081-789-4147
เผยแพร่ครั้งแรกในระบบออนไลน์ เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2563