เผยแพร่ |
---|
ธ.ก.ส. เผยผลสำรวจระดับความสุขของเกษตรกรไทยต้นปี 2560 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 83.11 จากคะแนนเต็ม 100 เหตุราคาสินค้าเกษตรราคาพุ่ง อีสานตอนบนสุขสุดสุด อ้อยราคาดีตามราคาน้ำตาลโลก ภาคใต้เจอท่วมปลายปี ’59 สุขน้อยหน่อย 79.75 กรีดยางไม่ได้ ผลผลิตปาล์มได้น้อย
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลการสำรวจของศูนย์วิจัยและพัฒนา ธ.ก.ส. หัวข้อ “ความสุขมวลรวมของเกษตรกรไทย” จากกลุ่มตัวอย่าง 2,064 รายทั่วประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่าความสุขของเกษตรกรไทยในภาพรวมคะแนนเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด คือ 83.11 จากคะแนนเต็ม 100 เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดเริ่มปรับตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ อาทิ อ้อย ปลาน้ำจืด และผลไม้ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ด้านราคาสินค้าเกษตรชนิดอื่นๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเกณฑ์ที่เกษตรกรพอใจ อาทิ ข้าวและยางพารา ส่วนเหตุการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ช่วงที่ผ่านมามีผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น
นายลักษณ์กล่าวว่า จากการสำรวจความสุขของเกษตรกรไทยในมิติชี้วัดความสุข 6 มิติ พบว่า มิติครอบครัวดี มิติสุขภาพดี มิติสังคมดี มิติการงานดี มิติใฝ่รู้ดี และมิติสุขภาพเงินดี มีคะแนนเฉลี่ยความสุขอยู่ในระดับมากที่สุด โดยมิติครอบครัวดี มีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด เฉลี่ย 87.94 ส่วนมิติสุขภาพเงินดีคะแนนเฉลี่ยต่ำที่สุด เฉลี่ย 76.77 แต่ยังอยู่ในระดับมากที่สุด
นายลักษณ์กล่าวว่า ความสุขของเกษตรกรไทย จำแนกตามอาชีพการเกษตรหลัก พบว่า เกษตรกรที่ประกอบอาชีพการเกษตรหลักทุกประเภทมีความสุขอยู่ในระดับมากที่สุด โดยผู้ปลูกอ้อยมีคะแนนเฉลี่ย 86.75 เพราะแนวโน้มราคาปรับสูงขึ้นตามทิศทางราคาน้ำตาลทรายโลก รองลงมาคือปลูกผลไม้และเลี้ยงปลาน้ำจืดมีคะแนนเฉลี่ย 84.75 และ 84.50 ตามลำดับ เนื่องจากราคาผลไม้มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่กลางปี 2559 ที่ผ่านมา ขณะที่ราคาปลาน้ำจืดในตลาดปรับสูงขึ้นผลจากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ทำให้การประมงน้ำเค็มได้รับความเสียหาย
นายลักษณ์กล่าวว่า เมื่อจำแนกความสุขของเกษตรกรไทยเป็นรายภาค พบว่าเกษตรกรทุกภาคมีความสุขในระดับมากที่สุด โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุด 85.75 จากราคาอ้อยปรับสูงขึ้น รองลงมาคือภาคตะวันตก ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีคะแนนเฉลี่ย 84.50 84.25 และ 84.00 ตามลำดับ เนื่องจากราคาผลผลิตภาคเกษตรมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีคะแนนเฉลี่ย 79.75 ผลจากอุทกภัยเมื่อปลายปี 2559 ชาวสวนยางพาราไม่สามารถกรีดยางได้ และชาวสวนปาล์มน้ำมันไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ รวมทั้งผลผลิตที่เก็บได้มีอัตราการใช้น้ำมันลดลง
ขอบคุณข้อมูล มติชนรายวัน