เยือนแดนปลาดิบ เที่ยวเมืองต้นแบบโอท็อป ของไทย

ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปเยือนเกาะคิวชู เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็น อันดับ 3 รองจากฮอกไกโดและฮอนชูของประเทศญี่ปุ่น การเดินทางไปคิวชูสะดวกสบาย โดยเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่สนามบินฟุคุโอกะ จากนั้นก็โดยสารรถไฟความเร็วสูงเดินทางต่อไปยังจังหวัดโออิตะ เป้าหมายนอกจากท่องเที่ยวแล้ว ก็ต้องการรวบรวมข้อมูลมาแลกเปลี่ยนกับท่านผู้อ่าน

นักท่องเที่ยวสนุกกับการเดินทาง

เพราะ โออิตะ เป็นเมืองที่เคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกสมัยที่รัฐบาลไทยเริ่มทําโครงการหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอท็อป โดยกล่าวว่ามีพื้นฐานมาจาก โครงการ One Village One Product หรือ OVOP ของจังหวัดโออิตะ ผู้เขียนหวังว่าข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์ต่อผู้สนใจ โดยเฉพาะในด้านโอท็อปและการท่องเที่ยวในท้องถิ่นบ้านเรา

โออิตะ เคยล้าหลังมาก่อน

ปัจจุบันทั่วโลกรู้จัก

ระบบรางขนส่งสะดวก

เราเดินทางสู่ โออิตะ ด้วยขบวนรถไฟความเร็วสูง ที่แล่นได้รวดเร็วและมีเสียงรบกวนน้อยมาก ในบางครั้งก็ต้องมุดผ่านอุโมงค์ใต้ภูเขาเป็นช่วงยาวๆ อยู่บ่อยๆ เพราะเป็นเขตภูเขาสลับกับพื้นราบ โออิตะได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งขุนเขาอันยิ่งใหญ่ เนื่องจากมีตําแหน่งใกล้กับภูเขาไฟอะโส ซึ่งเป็นภูเขาไฟลูกใหญ่ติดอันดับโลกและยังคงมีพลัง ดังนั้น จังหวัดนี้จึงมีบ่อน้ำพุร้อนกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะที่เมืองเปปปุ ซึ่งในทริปนี้เราก็จะไปเยือนกันด้วย โออิตะอยู่ติดมหาสมุทรแปซิฟิก จึงมีอาหารจากทะเลที่อุดมสมบูรณ์ กล่าวกันว่า ปลาซาบะ และปลาอะจิ (ปลาทูยักษ์ญี่ปุ่น) จากทะเลโออิตะ มีเนื้อแน่นและอร่อย เหมาะสําหรับทําซูชิและอาหารปิ้งย่าง

ฝั่งแปซิฟิก

นานมาแล้ว โออิตะ ได้ชื่อว่าเป็นเขตล้าหลัง ประชากรยากจน ประสบปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐานของแรงงานภาคการเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรม ประมาณปี พ.ศ. 2504 ชุมชนชาวบ้านโอยามะ ได้ร่วมกันคิดโครงการผลิตบ๊วยและเกาลัด แทนการปลูกข้าว โครงการดังกล่าวเป็นการผสมผสานการปลูกและแปรรูปผลผลิต เกิดเป็นสินค้าชุมชน ที่ดําเนินการโดยชุมชน ต่อมามีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เกิดธุรกิจการค้าและบริการ มีโรงแรม รีสอร์ต และที่พักแบบเรียวคัง เมื่อธุรกิจขยายตัวเกิดเป็นชุมชนเข้มแข็ง สร้างรายได้และชื่อเสียงแก่จังหวัดโออิตะ มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ผู้คนจากทั่วโลกหลากหลายองค์กรเดินทางมายังโออิตะ เพื่อเรียนรู้ ศึกษา ดูงาน นําแนวคิดพื้นฐานปรัชญา โครงการที่ชื่อว่า One Village One Product หรือ OVOP ไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศของตน ซึ่งรวมถึงโครงการโอท็อป หรือหนึ่งตําบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ของไทยเราด้วย ปัจจุบัน สินค้าจากโครงการ OVOP มีจํานวนมากกว่า 300 รายการ ส่วนใหญ่ผลิตหรือแปรรูปมาจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร โดยกลุ่มเกษตรกรต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จาก เกาลัด บ๊วย กระเทียม เห็ด ส้ม มันเทศ องุ่น ชาเขียว ขิง ถั่วเหลือง น้ำผึ้ง ไข่ แป้ง ซอส และเครื่องปรุง เต้าหู ขนม อาหารทะเล ของหมักดอง เป็นต้น

สินค้า OVOP

ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปหลายจังหวัดบนเกาะคิวชู คือ ฟุคุโอกะ ซากะ คุมาโมโต และนางาซากิ สอดส่ายสายตาเพื่อหาสินค้า OVOP ของ โออิตะ ก็ยอมรับว่าหาไม่เจอ เจอเพียงแต่ละจังหวัดเขาก็มีขนม อาหาร ของเด่นดีของจังหวัดนั้นๆ เข้าใจว่าคงเป็นวิธีคิด ความละเอียดอ่อนของคนญี่ปุ่นที่พยายามสร้างจุดเด่นของตนเอง ซึ่งคิดดูก็น่าสนใจ เพราะถ้าเราต้องการสินค้าต่างๆ เราก็ต้องไปที่ท้องถิ่นนั้นๆ ไปพัก ไปเที่ยว ไปใช้จ่ายที่นั่น เงินทองไม่รั่วไหลไปที่อื่น

องุ่นอบแห้ง อร่อยมาก

จังหวัดโออิตะ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เพราะคนญี่ปุ่นเขารักษาธรรมชาติ ไม่ว่า ทะเล ภูเขา ป่าไม้ ลําธาร น้ำตก สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่ บ้านเมืองสะอาด รวมทั้งการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ก็สะดวกมาก คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้บริการขนส่งทางราง คือรถไฟที่เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่ายที่สําคัญ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่นชนบท ถึงระดับจังหวัดและภูมิภาค แม้กระทั่งในเมืองใหญ่ๆ ก็อาจมีบริการ รถราง (City Tram) ที่สะดวกรวดเร็ว การเดินทางไปสู่เมืองท่องเที่ยวสําคัญของจังหวัดโออิตะอีกแห่งหนึ่งคือ เมืองยูฟูอิน เมืองในหุบเขาที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 400 เมตร เราก็ใช้บริการรถไฟท้องถิ่น ขบวนนี้เป็นขบวนรถดีเซล จากสถานีโออิตะถึงสถานียูฟูอิน

บรรยากาศร้านค้ายูฟูอิน

เมืองยูฟูอิน

ทะเลสาบสวยงาม

เส้นทางไป ยูฟูอิน จะผ่านย่านชนบท ย่านเกษตรกรรมที่มีการปลูกต้นมะเดื่อญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Ichijiku หรือต้น Fig การปลูก เขาปลูกอยู่ในโรงเรือน แต่ละโรงเรือนก็มีมะเดื่อเจริญเติบโตเป็นระเบียบ ทรงต้นแข็งแรง ใบแผ่ขยาย สีใบสดใส สภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ คล้ายตามดอยสูงแถบภาคเหนือของประเทศไทย ตัวเมืองยูฟูอินเป็นพื้นที่ราบอยู่ระหว่างภูเขา ยูฟู 2 ลูก ขนาบกัน เมืองนี้มีประชากรประมาณ 10,000 คน เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่อง ธรรมชาติที่สวยงาม และมีบ่อน้ำพุร้อนอยู่ทั่วไป จึงมีรีสอร์ตและเรียวคังที่ให้บริการออนเซ็นอยู่ด้วยหลายแห่ง

ขายก้ามปูยักษ์ย่าง

การมายูฟูอิน เราจะเริ่มเที่ยวโดยเดินจากถนนหน้าสถานีรถไฟยูฟูอิน ซึ่งจะมีถนนยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร สองฟากข้างถนน เรียงรายไปด้วยร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ขายขนม ร้านปิ้งย่าง ร้านกาแฟ รีสอร์ต ผู้คนนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ ถนนคนเดินเส้นนี้ไปสิ้นสุดที่ทะเลสาบสวยงามของเมือง ชื่อว่า คิรินโกะ น้ำในทะเลสาบเกิดจากบ่อน้ำพุธรรมชาติและบ่อน้ำพุร้อนผสมกัน มีเส้นทางเดินรอบทะเลสาบ ที่นักท่องเที่ยวนิยมนั่งดื่มกาแฟ เลือกซื้อสินค้าของที่ระลึกหรือหามุมสวยๆ ถ่ายภาพกัน ผู้เขียนได้จองรีสอร์ตบริเวณทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งมีออนเซ็นบริการและมีกาแฟสำหรับผู้เข้าพักฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นเมืองที่มีขนาดไม่ใหญ่ สะอาด ธรรมชาติสวยงาม นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมสถานที่ต่างๆ ได้ตลอดทั้งวัน และอาจหาเช่าจักรยานขี่ชมเมืองหรือไปตามสถานที่ต่างๆ ก็สะดวกดี ที่ยูฟูอิน ก็มีสินค้าในกลุ่ม OVOP วางจำหน่ายอยู่ตามร้านทั่วไป และนักท่องเที่ยวก็ให้ความสนใจเลือกซื้อเป็นของฝากเช่นกัน 

ขายเกาลัด

เมืองเบปปุ

สวยงามริมฝั่งแปซิฟิก

เมืองนี้อยู่ติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตามแนวชายฝั่งทางรัฐบาลท้องถิ่นจัดทำแนวกันคลื่นและหลังแนวกันคลื่น ก็มีเรือชนิดต่างๆ จอดอยู่มากมาย รวมทั้งที่นี่ก็มีชมรมเรือใบของเมือง ที่มีนักกีฬาเรือใบ ทั้งรุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ มาฝึกซ้อมอยู่ด้วย เบปปุ ในมุมที่จะพาท่านผู้อ่านไปเที่ยวชมก็คือ การไปเยี่ยมชมบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ของเมือง ที่มีอยู่ 8 บ่อ เรียกชื่อว่า บ่อนรก บ่อน้ำพุร้อนเหล่านี้เกิดจากภูเขาไฟอะโสะ ซึ่งเป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ ติดอันดับโลกและยังคงมีพลัง ด้วยเหตุนี้ในเมืองเบปปุ จึงมีสายธารน้ำพุร้อนอยู่ทั่วไปทั้งเมือง ในวันที่อากาศเหมาะสมจะมองเห็นไอน้ำร้อนพุ่งขึ้นอยู่ทั่วไป เบปปุจึงได้รับการขนานนามว่า เป็นเมืองหลวงแห่งออนเซ็นของประเทศญี่ปุ่น

สินค้าทางการเกษตร

ดังนั้น หากเราเข้าพักโรงแรมในเขตเมืองเบปปุ ก็มักจะมีออนเซ็นให้บริการอยู่ด้วย

เราเดินทางไปเยือนบ่อนรกโดยใช้บริการรถไฟประจำเมือง วันนั้นมีนักท่องเที่ยวเต็มคันรถ แต่รถเมล์ญี่ปุ่นห้ามยืนนะครับ ที่บ่อนรกเราต้องซื้อตั๋วเข้าไปชมบ่อต่างๆ และบริเวณนี้จะมีอาคารขนาดใหญ่ มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านจำหน่ายของที่ระลึกอยู่ด้วย แน่นอนเราต้องเข้าไปสำรวจสินค้าในกลุ่ม OVOP พบว่า ที่นี่จำหน่ายสินค้ากลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ เขาก็มีโคลน จากบ่อนรก บรรจุเป็นกระป๋องวางจำหน่ายอยู่ด้วย

บรรยากาศที่บ่อน้ำร้อน

ความร้อนที่เกิดจากบ่อน้ำพุร้อน ทางรัฐบาลท้องถิ่นนำมาใช้ประโยชน์ทางด้านการเกษตร คือ มีโรงเรือนสาธิตการปลูกพืช มีการสาธิตการปลูกบัวชนิดต่างๆ และสาธิตการปลูกกล้วยหอมเขียว กลุ่มคาเวนดิช ได้เห็นการประยุกต์ใช้พลังงานธรรมชาติให้เกิดประโยชน์ของสถานที่นี้แล้ว ก็เชื่อว่า เขาคงจะนำความรู้ที่ได้รับเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่องานภาคการเกษตรได้อีกมาก

โรงเรือนสาธิตการใช้ความร้อนเพื่อปลูกพืช เพราะที่โออิตะหนาวเย็น

ความสำเร็จของประเทศญี่ปุ่น ในนโยบายท่องเที่ยวช่วยชาติของรัฐบาลประสบความสำเร็จสูงมาก นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน มาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น สร้างรายได้มากกว่ารายได้จากการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เปิดเผยว่า การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวมีมูลค่าสูงกว่า 1.3 ล้านล้านบาท ในปี 2561 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นมากกว่า 31 ล้านคน และเป็นครั้งแรกที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงเกิน 30 ล้านคน ด้วยการปรับปรุงนโยบายการท่องเที่ยวของประเทศ จํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ทำให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น โรงแรม เครื่องสำอาง ของที่ระลึก และธุรกิจขนมก็ต้องสร้างโรงงานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

ปัจจุบันนี้ การท่องเที่ยวกระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ประเทศไทยเราก็เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากมาย ไทยเรามีศิลปะ ประเพณีและวัฒนธรรม อาหารการกินที่เป็นเอกลักษณ์ มีทะเลที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม คนไทยเป็นคนน่ารัก ชาวต่างชาติชอบอุปนิสัยใจคอ การท่องเที่ยวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกท้องถิ่น เมื่อมีการท่องเที่ยวเกิดขึ้น ก็มีรายได้สูง มีธุรกิจ มีเงินทองหมุนเวียน เกิดความมั่นคงในชีวิต ความเป็นอยู่หากเรามองเส้นทางการท่องเที่ยวของจังหวัดโออิตะ ซึ่งในอดีตเคยเป็นเขตล้าหลังของเกาะคิวชู ปัจจุบันนี้ กลับมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนมากมาย แนวทางการพัฒนาของโครงการ One Village One Product ของจังหวัดโออิตะ อาจมีประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวในชนบทของประเทศไทย

…………………………………………………………………………………………………………………………………..

พิเศษ! สมัครสมาชิกนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน, มติชนสุดสัปดาห์ และศิลปวัฒนธรรม ลดราคาทันที 40% ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิถุนายน 63 เท่านั้น! คลิกดูรายละเอียดที่นี่