ที่มา | คิดเป็นเทคโนฯ |
---|---|
ผู้เขียน | ชลธิชา ศรีอุบล |
เผยแพร่ |
มะม่วงน้ำดอกไม้ เป็นมะม่วงที่นิยมรับประทานสุก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลไม้ส่งออกอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ในระหว่างที่ส่งออกมีปัญหามะม่วงไม่ได้ขนาด เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้มะม่วงน้ำดอกไม้ ผศ.ประดิษฐ์ คำหน่องไผ่ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี แนะการนำมะม่วงน้ำดอกไม้มาทำแยมเก็บไว้รับประทาน
ผศ.ประดิษฐ์ เล่าว่า ในมะม่วงน้ำดอกไม้สุกมีปริมาณวิตามินเอสูง มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ช่วยทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ ปรับสมดุลภายใน ทั้งยังมีรสชาติที่หอม อร่อย หวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งเป็นรสชาติที่ชื่นชอบของชาวต่างชาติ จึงได้นำมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ที่ไม่ได้มาตรฐานการส่งออกผลสดมาพัฒนาโดยการนำส่วนเนื้อมะม่วงสุกที่ยังมีคุณภาพดีมาผลิตเป็นแยมมะม่วง
ทั้งนี้ เป็นการช่วยลดการสูญเสียและเพิ่มมูลค่าให้กับมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้ได้ การเตรียมวัตถุดิบ ได้แก่
- เตรียมเนื้อมะม่วงน้ำดอกไม้ ใช้ผลที่ไม่ผ่านมาตรฐานการส่งออกผลสด เช่น ผิวมีตำหนิ มียางไหล รูปร่างผิดปกติ ขนาดผลเล็กหรือใหญ่เกินไป นำมาบ่มจนสีของเปลือกเหลืองทั้งหมด (อยู่ในระยะสุกมาก) มีค่าปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดมากกว่า 14 องศาบริกซ์ นำมาล้างทำความสะอาด ปอกเปลือก หั่นแยกเอาแต่ส่วนเนื้อที่มีคุณภาพดี นำมาบดให้ละเอียดรวมกันเพื่อนำไปใช้ต่อไป
- เตรียมเพคติน เพื่อทำให้เกิดการเซ็ตเจลของแยม
- กรดมะนาว (Food Grade)
- น้ำตาลทรายขาว
- เกลือป่น
ขั้นตอนการผลิตแยมมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้
นำเนื้อมะม่วงบดละเอียดใส่ในหม้อ ตั้งไฟปานกลาง คนส่วนผสมตลอดเวลา แบ่งน้ำตาลทรายส่วนหนึ่งผสมกับผงเพคตินให้เข้ากัน พักไว้ ทยอยใส่น้ำตาลส่วนที่เหลือลงในหม้อ คนจนส่วนผสมละลาย แล้วเติมกรดมะนาวและเกลือ คนส่วนผสมอย่างสม่ำเสมอ หยุดให้ความร้อน เมื่อวัดค่าของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดของส่วนผสมได้ประมาณ 62 องศาบริกซ์ บรรจุใส่ขวดปากกว้างที่ฆ่าเชื้อแล้วในขณะที่ส่วนผสมยังร้อนอยู่ ปิดฝาแล้วคว่ำขวดลงเพื่อฆ่าเชื้อปากขวด 1 นาที แล้วตั้งขวดกลับตามปกติ พักไว้ 8 ชั่วโมง
ผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ ฝ่ายงานวิชาการและวิจัย สำนักงานอธิการบดี คณะเทคโนโลยีการเกษตร โทร. (02) 592-1955 ต่อ 2024