เรือแห่งความหวัง

เรากำลังตามหาเรือลำหนึ่ง ซึ่งจะนำพาความฝันของเราไปให้ถึงฝั่ง ฉันคิดเช่นนั้นเมื่อเริ่มคิดที่จะทำงานศิลปะติดตั้งจัดวางสักชิ้น หลังได้รับโอกาสจากทีมงานบางกอกอาร์ตเบียนนาเล่ ให้นำเสนอผลงานในครั้งนี้ ซึ่งกำลังบังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกของกรุงเทพมหานคร

ชีวิต วิถี และวิธีคิด ของฉันมันว่ายแหวกอยู่ในเรื่องวิถีชีวิตชาวบ้านกับสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมอย่างฉับพลันทำให้ชีวิตในธรรมชาติแปรผัน อาหารมากมายหายไปจากวงจรชีวิตที่เคยมี กุ้ง หอย ปู ปลา ลดน้อยลง ทุ่งนาผักหญ้าและของป่านั้นอย่าพูดถึง มันหดหายไปนานแล้ว

อาหารหลายอย่างกลายเป็นของโบราณ สำหรับคนรุ่นปัจจุบัน แน่ละวันหนึ่งมันคือ ตำนานที่เคยติดอยู่ที่ปลายลิ้น

ท่าเรือบ้านบุโบย

โครงการสร้างเขื่อน สร้างโรงงานไฟฟ้าถ่านหินที่จะผุดโผล่ขึ้นที่นั่นที่นี่ และชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งจะได้รับผลกระทบต่างลุกขึ้นมาคัดค้าน หลังจากได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน มันเป็นเรื่องราวที่ชวนให้ห่วงใยต่อความเป็นไปของโลกใบนี้ โลกที่บอบช้ำจนเกินทานทนกับการกระทำของมนุษย์ สิ่งเดียวที่จะเยียวยาได้คือ หยุดการกระทำต่างๆ ที่ทำร้ายโลก หากไม่สามารถหยุดยั้ง มนุษย์นี่เองที่จะตายไปพร้อมโลก

ด้วยแนวคิดหลักดังกล่าว ทำให้ฉันนึกถึงงานที่จะบอกถึงการใช้พลังงานทางเลือก หรือเลือกที่จะนำมาใช้ หาใช่ใช้พลังงานตามที่เคยใช้ ทั้งๆ รู้ว่าจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและผู้คนอย่างมหาศาล มีการพูดถึงพลังงานลมและแดดมานานมาก และหลายประเทศก็เลือกที่จะใช้กันมานานนักหนาแล้วด้วย ขณะที่ประเทศไทยเราล้นเหลือทั้งแดดลม ทว่ารัฐกลับไม่เคยมาคิดทำจริงจัง

กัปตันตัวน้อยกับแขกผู้มาเยือน
บังคับใบด้วยเชือก 4 เส้น

ฉันนึกถึงทะเลเทพา ที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันปกป้อง ให้รอดพ้นจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหิน นึกถึงปากบาราที่ทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านรวมถึงประชาคมเมืองร่วมกันคัดค้านท่าเรือน้ำลึก และคิดถึงอีกหลายๆ แห่งที่เหน็ดเหนื่อยกับการปกป้องบ้านเกิดตนเอง

ฉันนึกถึงเรือลำหนึ่งที่เราร่วมฝ่าคลื่นลมไปด้วยกัน ผู้คนที่ไม่ได้มาลงเรือลำเดียวกันอาจนึกภาพผู้คนที่อยู่ในเรือลำนี้ไม่ออก นึกไม่ออกหรอกว่าอันที่จริงเราต่างร่วมเรือลำเดียวกันอยู่ นั่นคือ โลกอันบอบช้ำสะบักสะบอมจากการใช้สอยอย่างฟุ่มเฟือยของพวกเราเอง เรือหรือโลกใบนี้จะไปต่อยังไงไม่ให้พังทลายในเร็ววัน

แล้วฉันก็นึกภาพงานตัวเองออก เรือหัวโทงลำหนึ่งที่ติดใบเรือกับแผงโซลาร์เซลล์ แดดและลมคือวัสดุสำคัญในงานศิลปะชิ้นนี้ เมื่อคิดการตามหาเรือจึงเริ่มขึ้น ฉันสอบถามไปหลายทะเลที่รู้จักกับชาวบ้าน จนที่สุดมาพบเรือที่เข้าตา ณ ริมฝั่งทะเลบ้านบุโบย หลังจากตระเวนกันไปหลายแห่งที่

ผู้เฒ่าชาวประมง ร่างภาพเรือใบให้ดู
เรือที่กลายเป็นผลงานศิลปะ

เรือ 15 กง ขนาดพอเหมาะ ยาว 7 เมตร ไม่ใหญ่มากจนขนส่งลำบาก และไม่เล็กจนเกินไปเมื่อมาวางอยู่หน้าตึกใหญ่อย่างหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เจ้าของเรือก็เป็นนักเคลื่อนไหวที่ทำกิจกรรมทางสังคมและสิ่งแวดล้อมมาตลอด นับเป็นเรือที่มีเรื่องราว ครั้นได้เรือสมปรารถนาแล้ว ก็ถึงเวลาตามหาการทำใบเรือ น้องชายคนสตูลเป็นผู้ตามหาเรื่องเรือใบให้ กระทั่งไปพบชมรมเรือใบบ้านบุโบย

เรือใบ
การตรึงใบเรือกับลำไผ่

โต๊ะอิหม่ามมีเรือใบของตัวเอง แกอาสากางใบพาเราลงเรือใบเพื่อได้สัมผัสการล่องเรือใบของจริง ใบเรือขนาดใหญ่ทำจากวัสดุง่ายๆ ใบเย็บจากผ้าร่มตรึงกับลำไม้ไผ่ เจาะรูแล้วใช้เชือกมัดแน่นหนา เสาใบปักลงกับแผ่นกระดานที่เจาะรู ทั้ง 4 มุม ของใบเรือมีเชือกรัดอย่างไม่ธรรมดา ด้วยว่าเชือก 4 เส้นนี่เอง ที่เป็นตัวบังคับทิศทางเรือ เรือขยับโต้ลมทวนลมด้วยเชือกนี่เอง

เรายังได้ความรู้เกี่ยวกับเรือใบในสมัยก่อนอีกด้วย ใบเรือมีหลายแบบหลายขนาดตามแต่ความรู้ของคนทำ สมัยก่อนไปไหนมาไหนก็ด้วยเรือใบนี่แหละ ทั้งเรือค้าขายเรือหาปลา นึกภาพเรือใบแล่นฉิวในทะเลครามน่าจะงามเหลือจะกล่าว

เรือใบใช่จะแล่นอย่างช้าๆ ตามที่เข้าใจกัน ชาวประมงรุ่นที่เคยแล่นเรือใบบอกว่า เรือใบแล่นได้ฉิวหากลมดีและคนบังคับเรือเชี่ยวชาญทางลม เรือใบก็อาจจะแล่นฉิวกว่าเรือเครื่อง ข้อดีอีกประการของเรือใบคือไม่ต้องกลัวว่าเครื่องเสียกลางทะเล

เป็นเรื่องของพลังงานธรรมชาติโดยแท้ แดดและลมไม่มีวันเสียไม่ต้องแก้ไข มีให้ใช้ไม่ต้องเสียเงินเติม เพียงแต่ว่ามนุษย์เราจะเลือกสรรและจัดการอย่างไร ให้เรือนี้มีความหวังนำพาเราไปให้ถึงฝั่ง