มะแขว่น เครื่องเทศของชาวเหนือ

พืชเครื่องเทศส่วนใหญ่ ล้วนเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศในเขตร้อน หลากหลายพืชเครื่องเทศถูกบรรจุลงในอาหารเพื่อปรุงแต่งกลิ่น รส ถนอมรักษา และยังเป็นยารักษาสุขภาพ สืบทอดเป็นวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างกันไปตามประเทศ ตามภูมิภาค สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง และเกิดการค้าขายแลกเปลี่ยนกันไปทั่วโลกอย่างขาดไม่ได้

มะแขว่น เป็นพืชเครื่องเทศหนึ่งที่พบมากทางภาคเหนือของไทย เป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นของจังหวัดภาคเหนือหลายจังหวัด ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดน่าน ถึงกับมีการจัดงาน มะแขว่น ขึ้นทุกปี มะแข่วนมีความต้องการใช้ในการบริโภคประจำวัน โดยเป็นเครื่องเทศหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารพื้นเมืองภาคเหนือหลากหลายชนิด ผลผลิตมะแขว่น ได้จากทั้งการเก็บจากป่า และการปลูกที่แพร่หลายไปไม่น้อย

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Zanthoxylum  limonella Alston.

ชื่อวงศ์ : RUTACEA

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

มะแขว่น เป็นไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 5-10 เมตร มีหนามอยู่รอบลำต้นและกิ่ง ต้นอ่อนจะมีสีแดงแกมเขียว ลักษณะของใบเป็นใบประกอบ แต่ละใบจะมีใบย่อย 10-25 ใบ ช่อดอกเป็นช่อแบบกลุ่มย่อย มีสีขาวอมเทา ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร มีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียอยู่คนละต้น ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 0.3-0.5 เซนติเมตร เปลือกของผลสีเขียวเมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม ผลแก่จัดจะแตกออก เมล็ดกลมเรียบ เมื่อแก่จัดจะมีสีดำเข้มเป็นมัน มีกลิ่นหอมฉุนคล้ายผักชี มีรสเผ็ดเล็กน้อย

ผลอ่อนมะแขว่น

ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์

มะแข่วน พบทางภาคเหนือของประเทศไทย โดยธรรมชาติพบขึ้นในป่าดิบแล้ง หรือป่าดิบเขา

แหล่งผลิตมะแขว่น

เกษตรกรจะปลูกมะแขว่นสลับกับพืชสวนป่า คือปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่นเพื่อเพิ่มรายได้ มะแขว่นมีการปลูกมากในเขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา และน่าน แหล่งผลิตมะแขว่นที่มีคุณภาพ เช่น ตำบลผาช้างน้อย อำเภอปง จังหวัดพะเยา ตำบลดอยฮาง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ตำบลป่าแป๋ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน และตำบลยอด อำเภอสองแคว จังหวัดน่าน

ลำต้นมะแขว่น

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม

มะแขว่น เจริญเติบโตในที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 800-1,000 เมตร ต้องการสภาพอากาศค่อนข้างเย็น ความชื้นในอากาศสูง เจริญเติบโตดีในสภาพกลางแจ้ง ไม่ต้องการน้ำมากนัก ชอบดินที่ระบายน้ำได้ดี จึงควรปลูกตามไหล่เขา หรือพื้นที่สูงชัน

การผลิตมะแขว่น

การขยายพันธุ์

โดยทั่วไปการขยายพันธุ์มะแขว่นใช้วิธีเพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดแก่จัด และเป็นเมล็ดสดที่ออกจากเปลือกใหม่ๆ ยังไม่แห้ง นำลงเพาะทันที โดยแช่ในน้ำอุ่น ประมาณ 50 องศาเซลเซียส 5-10 นาที แล้วนำไปแช่ในน้ำเย็น 1 คืน เพื่อให้เปลือกนอกแตก และเป็นการทำลายไขที่เคลือบเมล็ดออกด้วย เพื่อจะช่วยให้เมล็ดสามารถงอกได้เร็วและได้ผลดีขึ้น

 

ผลสุกมะแขว่น

หรืออาจนำเมล็ดมะแขว่นสด มาขูดเอาส่วนของเนื้อหุ้มเมล็ดออกก่อน โดยใช้ทรายถู จากนั้นนำไปเพาะในกระบะทราย รดน้ำเป็นระยะ แต่อย่าให้น้ำขังมากเกินไป เป็นเวลาประมาณ 1-2 เดือน เมื่อต้นกล้างอกมีใบจริงและแข็งแรงดีแล้ว ย้ายลงปลูกในถุงเพาะชำ เพื่อเตรียมย้ายลงแปลงปลูกต่อไป กล้าที่เหมาะสมย้ายปลูกควรมีอายุ 3 เดือน ความสูงประมาณ 3-5 นิ้ว กล้าขนาดเล็กจะมีอัตราการรอดสูง ดังนั้น จึงควรเพาะกล้าตั้งแต่เดือนมีนาคมเพื่อให้ทันปลูกในต้นฤดูฝน

การปลูกและดูแลรักษา

การย้ายปลูกควรทำในฤดูฝน หลุมปลูกต้องไม่ขังน้ำ กล้าจะเน่าตายได้ ใช้ระยะปลูก 4X4 เมตร จำนวน 100 ต้น ต่อไร่ ในระยะแรกควรให้มะแขว่นเติบโตตามธรรมชาติ การพรวนดินหรือการกำจัดวัชพืชต้องระมัดระวัง อาจทำให้ระบบรากกระทบกระเทือน เพราะรากมะแขว่นอยู่ระดับผิวดิน จึงอาจทำให้ต้นมะแขว่นตายหรือชะงักการเจริญเติบโตได้

เมื่อต้นมะแขว่นมีอายุ 1-2 ปี ควรเด็ดยอดเพื่อให้แตกกิ่งก้าน เป็นการเพิ่มผลผลิตและยังทำให้ต้นเตี้ย ซึ่งจะสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว ในระยะ 1-3 ปีแรก ต้นมะแขว่นจะไม่สามารถจำแนกต้นตัวผู้หรือต้นตัวเมียได้ จนกระทั่งเริ่มออกดอกในปีที่ 3 หรือ 4 ดอกบานเต็มที่ ต้นตัวเมียเริ่มติดผล แต่ต้นตัวผู้ดอกจะร่วงและไม่ติดผล นิยมตัดต้นตัวผู้บางส่วนทิ้ง และใช้วิธีเสียบยอดแทน โดยตัดส่วนยอดออกเหลือลำต้นสูงประมาณ 1-1.5 เมตร แล้วใช้วิธีเสียบยอดของต้นตัวเมียแทนต้นเดิม

ปัญหาสำคัญที่พบ ได้แก่ ปลวกกัดกินรากและโคนต้น ทำให้ต้นกลวงและถูกมดดำเข้าทำลายซ้ำ ทำให้ต้นตาย หรือถูกสัตว์จำพวกตัวตุ่นกัดกินราก ทำให้ยืนต้นตายบางส่วน และที่สำคัญคือ ถูกไฟป่าเผาทำลาย ในฤดูแล้งจึงควรถางหญ้าเพื่อป้องกันไฟป่า

การเก็บเกี่ยวและการทำแห้ง

มะแขว่น จะเริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3-5 ปี โดยที่มะแข่วนมีพันธุ์หนักและพันธุ์เบา พันธุ์เบาจะเริ่มออกดอกในเดือนกรกฎาคม และเก็บเกี่ยวในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ส่วนพันธุ์หนักจะเริ่มออกดอกในเดือนสิงหาคมและเก็บเกี่ยวผลในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม การเก็บเกี่ยว ผลแก่จัดซึ่งเมื่อแห้งจะมีสีน้ำตาลดำและมีกลิ่นหอม หากเก็บผลผลิตมะแข่วนอ่อนเมื่อทำแห้งแล้วสีเปลือกจะไม่ดำ ผลเหี่ยว เป็นเชื้อราได้ง่าย กลิ่นเสื่อมเร็ว และตลาดไม่ต้องการ

มะแข่วนผลแก่จัด

การทำแห้ง โดยทั่วไปเกษตรกรจะนำมามัดเป็นกำ และแขวนผึ่งแดดบนราวยกพื้น ตากแดดประมาณ 3-4 วัน จนแห้งสนิท และเก็บเข้าในเวลากลางคืนทุกวัน เพื่อป้องกันความชื้นจากน้ำค้างทำให้เกิดเชื้อรา การอบด้วยเครื่องอบแห้งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้ได้คุณภาพดีสม่ำเสมอ กระบวนการอบแห้งด้วยเครื่องอบลมร้อน คือ ตัดมะแขว่นจากช่อใหญ่ให้มีขนาดช่อเล็กลง สามารถวางเกลี่ยบนตะแกรงอบได้อย่างสม่ำเสมอ ใช้อุณหภูมิการอบที่ 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 1 ชั่วโมง แล้วลดอุณหภูมิลงทีละ 5 องศา ทุกชั่วโมง จนแห้งสนิท ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง อัตราส่วนผลผลิตสดต่อผลผลิตแห้ง คือ ผลสด 3 กิโลกรัม ตากแห้งเหลือ 1 กิโลกรัม

การเก็บรักษาผลผลิตแห้ง นำมะแขว่นแห้งมาเขย่าแยกเมล็ดออก และนำไปบรรจุถุงพลาสติกเพื่อการขนส่ง การเก็บรักษาเพื่อให้มีกลิ่นหอม คุณภาพดี ควรเก็บในถุงฟอยล์ที่ปิดผนึกจะสามารถเก็บรักษาได้นาน

ผลผลิตมะแขว่น

มะแขว่น อายุ 3-5 ปี จะให้ผลผลิตประมาณ 1-5 กิโลกรัมแห้ง ต่อต้น อายุ 6-10 ปี จะให้ผลผลิต 10-15 กิโลกรัมแห้ง ต่อต้น อายุ 11-15 ปี จะให้ผลผลิต 30-35 กิโลกรัมแห้ง ต่อต้น และอายุ 21-25 ปี จะให้ผลผลิตถึง 50 กิโลกรัมแห้ง ต่อต้น

การตลาดและผลิตภัณฑ์

เนื่องจากเป็นพืชเครื่องเทศที่ใช้ในอาหารพื้นเมือง ตลาดมะแขว่นส่วนใหญ่จึงอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ  ราคามะแข่วนที่เกษตรกรขายได้ (เดือนสิงหาคม 2553) อยู่ในช่วง 50-70 บาท ต่อกิโลกรัมแห้ง นอกจากเกษตรกรจะจำหน่ายผลผลิตมะแข่วนแล้ว ยังมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มะแขว่นดองน้ำเกลือ น้ำพริกลาบ เป็นต้น

ส่วนที่ใช้ในการประกอบอาหารคือ ใบอ่อนและผลมะแขว่น ใบและยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสดจิ้มน้ำพริก ลาบ ยำ ผลเป็นเครื่องเทศที่นิยมใช้เป็นเครื่องปรุงน้ำพริกลาบ มีรสเผ็ด นำมาดองน้ำปลา รับประทานกับลาบ ใส่ในยำชิ้นไก่ หลู้ แกงขนุน แกงผักกาด ช่วยทำให้รสชาติของอาหารดีขึ้น มะแขว่นมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่ใช้รับประทานแกล้มสำหรับอาหารจานที่มีเนื้อสัตว์มาก เพราะช่วยย่อยเนื้อได้ ทางภาคใต้นิยมผสมมะแขว่นในเครื่องแกง เช่น แกงฟักทอง แกงปลาไหล เป็นต้น ช่วยให้แกงมีรสเผ็ดร้อน และมีกลิ่นหอม

สารสำคัญออกฤทธิ์ ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาและสรรพคุณ

น้ำมันหอมระเหยสกัดจากเมล็ดมะแขว่น มีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่เกิดจากพิษของสาร  formalin และ Carragenin และเมื่อทดลองกับคนสามารถระงับการอักเสบบนผิวหนังได้ เมื่อทาด้วยน้ำมัน น้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากผลมีฤทธิ์ในการขับพยาธิลำไส้ และยังไม่มีรายงานวิจัยความเป็นพิษของมะแขว่น

ขี้ผึ้งมะแขว่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

สรรพคุณทางยาแผนโบราณ ใช้รากและเนื้อไม้เป็นยาขับลมในลำไส้ ลมขึ้นเบื้องสูง ทำให้หน้ามืดตาลาย วิงเวียน ลดความดัน เป็นยาขับโลหิตระดูของสตรี แต่ไม่ใช้กับหญิงมีครรภ์ ใบแก้รำมะนาด แก้ปวดฟัน เมล็ดสามารถสกัดน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน บำรุงโลหิต บำรุงหัวใจ ขับลม การใช้ในตำรายาจีน แก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ แก้อาเจียน แก้ท้องเสีย

มะแขว่นเป็นพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นหนึ่งที่สร้างรายได้แก่เกษตรกรภาคเหนือ ต้นมะแขว่นเป็นไม้ยืนต้นขึ้นในที่สูง โล่งแจ้งและอากาศเย็น มะแข่วนนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารเหนือแทบทุกชนิด การส่งเสริมปลูกมะแขว่นควรเป็นพืชหลังบ้าน หรือพืชร่วมกับพืชอื่นๆ ในระบบสวนป่า

เท่านี้ ก็น่าจะเพียงพอกล่าวว่า มะแขว่น เป็นพืชเครื่องเทศสมุนไพรที่น่าสนใจไม่น้อย

บรรณานุกรม

การุณย์ มะโนใจ . 2553. มะแขว่นพันธุ์พื้นเมือง และมะแขว่นพันธุ์ใหม่ พืชพรรณดีเมืองพะเยา. รายงานพิเศษ พะเยา เมืองน่าอยู่.

http://www.rakbankerd.com/agriculture/wb/show.php?Category=agriculture&No=9904. Retreived 25/7/2553

เฉลิมเกียรติ โภคาวัฒนา ภัสรา ชวประดิษฐ์ และปรานี บุญปาน. 2545. คู่มือพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ ชุดที่ 4 เครื่องเทศ.กลุ่มส่งเสริมการผลิตพืชสมุนไพรและเครื่องเทศ กรมส่งเสริมการเกษตร.

ดรุณ เพ็ชรพลาย. 2541. ชื่อพฤกษศาสตร์สมุนไพรจีนในประเทศไทย. กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การทหารผ่านศึก.

ปราโมทย์ ฐิติวงศ์ฤทธิ์. 2553. มะแขว่น ผักสมุนไพรของภาคเหนือ อนาคตสดใสในตลาดเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน.

http://www.rd1677.com/rd chiangrai/activity_chiangrai.php?id=39697

พรชัย ปรีชาปัญญา. 2550. มะแขว่น ชุดโครงการวิจัยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากพืชป่า. องค์การสวนพฤกษศาสตร์ จังหวัดเชียงใหม่.

http:// www.gsbg.org

http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?topic=563

http://www.medplant.mahidol.ac.th/user/reply.asp?id=5558

http://www.bsnnews.com/ContentDetail.asp?ContentID=16371

http://tastefood.info/th/sichuan-pepper%E2%80%93-chinese-food-seasoning