TACC แกร่ง! ชูกลยุทธ์คุมต้นทุนสู้วิกฤติโควิด-19 ลุยปรับตัวรับมือทุกสถานการณ์ผลักดันเติบโตยั่งยืน ผู้ถือหุ้นเฮ! บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.15 บ.

TACC รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวม 355.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.32 % และกำไรสุทธิแตะ 54.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.27% จากงวดเดียวกันปีก่อน ชี้เป็นผลสำเร็จจากกลยุทธ์การบริหารจัดการด้านการดำเนินงานและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝ่าวิกฤติโควิด-19 ฟาก “ชัชชวี วัฒนสุข” ประธานกรรมการบริหาร ระบุครึ่งปีหลัง มีแนวโน้มที่มั่นคงแข็งแรง และมีการปรับตัวรองรับกับทุกสถานการณ์ เร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้ตรงกับความต้องการผู้บริโภค เดินหน้าขยายตลาด Café Business และ Delivery Platform ช่วยหนุนอนาคตเติบโตอย่างยั่งยืน บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลงวดระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท/หุ้น

นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC  เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 355.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.32% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 322.13 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 54.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.27 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 47.77 ล้านบาท

ขณะที่งวดครึ่งแรกของปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 683.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.89% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวมเท่ากับ 652.08 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.02% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 90.41 ล้านบาท

สาเหตุที่ภาพรวมผลการดำเนินงานยังรักษาการเติบโตไว้ได้ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ
โควิด-19 เนื่องจากผลสำเร็จของการบริหารจัดการด้านการดำเนินงานและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้รักษาผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมียอดขายเติบโตจากกลุ่มเครื่องดื่ม non coffee ในมุม All Café ที่มากขึ้นตามจำนวนสาขา การจำหน่ายสินค้าขนาด 22 ออนซ์ ที่มีการรับรู้รายได้เต็มปีในปีนี้ และกลุ่มสินค้า B2C

“จากประเมินผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว สิ่งที่ TACC ได้ทำก็คือ การ เตรียมตัวในการตั้งรับ และดูแลในเรื่องของการบริหารจัดการด้านการดำเนินงานและต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาระดับยอดขาย และประคับประคองธุรกิจไว้ได้ ขณะเดียวกันก็ปรับวิธีการบริหารจัดการภายในทำให้ได้รับผลกระทบจากโควิดน้อยที่สุด และอยากให้ผู้ลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า TACC พร้อมจะเป็นองค์การที่มีการเติบโตได้อย่างมั่นคง”

ประธานกรรมการบริหาร TACC กล่าวว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯจะดำเนินงานอย่างระมัดระวัง น่าจะเติบโตตามสถานการณ์การฟื้นตัว และการคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดยบริษัทฯจะเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และการเข้าไปอยู่ในบริการ 7Delivery Platform ซึ่งเป็น Platform ที่เติบโต รวมทั้งมีแผนจะรุกขยายไปยังกลุ่ม Café Business เพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ ธุรกิจคาแรคเตอร์ เป็นธุรกิจที่บริษัทให้ความสำคัญ เพราะจะช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันมีคาเแรคเตอร์ ประกอบด้วย “Rilakkuma”, “หมาจ๋า”, “Jay The Rabbit” และ “Warbie Yama”  โดย “หมาจ๋า”, “Jay The Rabbit” และ“Warbie Yama” เป็นคาแรคเตอร์ฝีมือคนไทย ที่มีผลตอบรับที่ดีเทียบเท่า “Rilakkuma” คาแรคเตอร์ ลิขสิทธิ์ของประเทศญี่ปุ่น

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเดินหน้า นโยบายการบริหารจัดการด้านการดำเนินงานและต้นทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบและสามารถปรับตัวรองรับกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างเหมาะสมและรวดเร็วทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยมั่นใจว่าจะสามารถผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในรอบนี้ไปได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับรอบผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2564 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท/หุ้น โดยจ่ายในวันที่ 10 กันยายน 2564 นี้