เผยแพร่ |
---|
บริษัท นิวแลนด์ เทคโนโลยี จำกัด ผู้นำในลำดับต้น ๆ ในธุรกิจกัญชาทางการแพทย์ของประเทศไทย บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสทองของเมกะเทรนในธุรกิจกัญชาและกัญชงนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา หลังจากที่ภาครัฐได้ทำการปลดล็อคกัญชาออกจากการเป็นสิ่งเสพติดประเภท 5 โดยยังคงจำกัดการใช้ประโยชน์จากช่อดอกและเมล็ดของกัญชาเพื่อการวิจัยและการแพทย์เท่านั้น ในการนี้บริษัทเลือกที่จะทำความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสกลนคร ผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตครบทั้ง 4 ใบ คือ การปลูก การผลิต การครอบครอง และ การจำหน่าย บริษัทเป็นผู้ให้การสนับสนุนการลงทุนในโรงเรือนปลูกรวมทั้งอุปกรณ์ครบครันในการปลูกเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ภาครัฐกำหนด จนสามารถทำให้มหาวิทยาลัย ฯ สามารถผลิตเมล็ดพันธุ์กัญชาหางกระรอก จำนวน 18,000 เมล็ดแจกจ่ายให้กับ 150 โรงพยาบาลชุมชน ผ่านกระทรวงสาธารณสุข เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2563 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้เมื่อปลายธันวาคม พ.ศ. 2563 รัฐบาลได้ปลดล็อคส่วนต่าง ๆ ของต้นกัญชา เช่น ใบ กิ่ง ก้าน ราก และ ลำต้น ให้สามารถนำมาใช้ในการผลิตสินค้าต่าง ๆ ในเชิงพาณิชย์ได้ ส่งผลให้การลงทุนในธุรกิจกัญชาเกิดมูลค่าเพิ่มและสร้างผลกำไรให้กับผู้ลงทุนที่มีศักยภาพครบทั้ง ต้นทาง กลางทาง และ ปลายทางได้เป็นอย่างดี บริษัท นิวแลนด์ เทคโนโลยี จำกัดนั้นมีความพร้อมครบทั้ง 3 ด้าน ดังนี้
ต้นทาง : ในพื้นที่ 25 ไร่ ปัจจุบันบริษัทมีโรงเรือนแบบกึ่งปิด (Greenhouse) 3 โรงเรือน และ โรงเรือนแบบเปิด 1 โรงเรือน ที่สามารถปลูกได้ รวมทั้งสิ้น 4,000 ต้น/ปี ให้ผลผลิตพืชกัญชาสด ได้ถึง 20 ตัน ต่อปี บริษัท ได้เตรียมปรับพื้นที่สำหรับการปลูกไว้ 40 โรงเรือน และสามารถขยายได้ถึง 200 โรงเรือนในอนาคตอีกด้วย ปัจจุบันบริษัทได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศไม่น้อย นอกจากนี้บริษัทยังเปิดกว้างสำหรับผู้ลงทุนรายใหม่ที่สนใจมาร่วมลงทุนการปลูกกัญชาเพื่อสนับสนุนธุรกิจปลายทางซึ่งกำลังเติบโตและมีความต้องการในวัตถุดิบพืชกัญชาอีกจำนวนมาก ในส่วนของการลงทุนในโรงเรือนของบริษัทที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นจะส่งผลดีในการร่นระยะเวลาการขออนุญาตจากองค์การอาหารและยาและเริ่มทำการปลูกได้เร็วขึ้นถึง 6-8 เดือน
กลางทาง : ว่าด้วยเรื่องของการผลิตยาสมุนไพรตามตำรับ, การผลิตสินค้าในเชิงพาณิชย์ต่าง ๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ในส่วนนี้บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาคสถาบันการศึกษาและภาคเอกชนที่ได้รับมาตรฐานในระดับสากลอีกหลายแห่งที่พร้อมรองรับการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่กฎหมายอนุญาตให้นำกัญชาไปผสมได้เพื่อให้เกิดความเพียงพอต่อความต้องการที่สูงมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย
ปลายทาง : เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ภาครัฐพยายามจะพลักดันให้กัญชา กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ และนี่ก็คือจุดเด่นของบริษัทเนื่องจากเรามีบุคลากรคุณภาพที่มีองค์ความรู้ด้านตำรับยาไทย และด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ผสมผสานกันจนเกิดเป็นสินค้าและบริการที่นำกัญชามาเป็นส่วนประกอบที่ตอบโจทย์ได้ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านสุขภาพ ด้านไลฟ์สไตล์ และการบูรณาการต่อยอดเพื่อพัฒนาเป็น โครงการศูนย์สุขภาพอายุวัฒนะ “World Wellness” ตอบโจทย์ทั้งระดับประเทศและระดับสากล
ด้านสุขภาพ บริษัท ได้ดำเนินธุรกิจคลินิกการแพทย์แผนไทยและคลินิกกัญชาทางการแพทย์ ที่ชื่อว่า “บ้านคุณสุข” ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 3 สาขา คือ สาขาโรงพยาบาลหลวงปู่แฟ๊บ สุภัทโท อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร ซึ่งได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในจุดแวะชมในโครงการเส้นทางท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพและเรียนรู้กัญชา-กัญชง ของกระทรวงสาธารณสุข (เขตสุขภาพที่ 8), สถาบันกัญชาทางการแพทย์ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA สาขาที่ 2 สาขาพหลโยธิน ณ. อาคารศุภาลัย ปาร์ค 2 พหลโยธิน 21 กรุงเทพมหานคร และ สาขาที่ 3 สาขามีนบุรี ณ. อาคาร 24 ชั่วโมง คอฟฟี่ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด มีนบุรี กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นต้นแบบให้กับผู้สนใจในธุรกิจคลินิก
คลินิกบ้านคุณสุขเรามีบริการครอบคลุมทั้ง 2 รูปแบบ คือ แบบที่ 1 แบบครบวงจร ซึ่งเป็นการให้บริการตั้งแต่จัดหาวัสดุ อุปกรณ์ ระบบงาน และการขออนุญาตเปิดคลินิกทั้ง 2 ใบจนสามารถเปิดให้บริการได้รวมทั้งการจัดหายาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายในคลินิก การจัดหาและอบรมแพทย์ประจำคลินิก การสนับสนุนด้านการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เป็นต้น และแบบที่ 2 เป็นการให้บริการด้านคำปรึกษาและเป็นพี่เลี้ยงในการเปิดคลินิก บ้านคุณสุข ณ. สถานที่ของผู้ลงทุน
ด้านไลฟ์สไตล์ บริษัท ผลิตสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ทั้งแบบ B to B และ B to C ดังนี้
B to B หรือ สำหรับผู้ประกอบการ เราเน้นให้นำหัวเชื้อหรือน้ำปรุง/ผงปรุงสมุนไพรกัญชา นำไปผลิตเป็นสินค้าในแบรนด์ของตนเองหรือนำไปปรุงที่ร้านของตนเองเราจึงเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจค่าเฟ่ และกลุ่มธุรกิจศูนย์อาหาร ภายใต้ชื่อ ศูนย์อาหารกินกัญ บ้านคุณสุข นอกจากนี้บริษัทยังมีบริการงานวิจัยและพัฒนาสูตรสินค้าที่ประสงค์จะนำกัญชาเป็นส่วนประกอบในสินค้าของตนอีกด้วย นี่จึงเป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้นำองค์ความรู้ด้านตำรับยาไทยและนวัตกรรมสมัยใหม่มาสร้างสรรให้เป็นบริการใหม่ ๆ ตามที่ผู้ประกอบการให้โจทย์มา
B to C หรือสำหรับผู้บริโภค บริษัทได้ออกแบบสินค้าปรุงรสสำเร็จรูปชนิดน้ำและชนิดผง เพื่อความสะดวกในการนำไปประกอบอาหารและเครื่องดื่มที่บ้านจึงเหมาะสำหรับมีติดไว้ทุกครัวเรือน
นอกจากนี้บริษัทยังมีสินค้าต้นแบบในงานสาธิตและวิจัยกว่า 100 ชนิดเพื่อให้ผู้ประกอบการที่สนใจนำไปต่อยอดทำการผลิตเป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนได้อีกด้วย
โครงการศูนย์สุขภาพอายุวัฒนะ “World Wellness” (Prevent & Rehab Center for Elderly Care) จากความพร้อมทั้งด้านวัตถุดิบสมุนไพรและกัญชาจากแหล่งที่มาที่ถูกกฎหมาย ด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางการแพทย์แผนไทย ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ รวมทั้งพันธมิตรทางธุรกิจที่ครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้เกิดการต่อยอดในองค์ความรู้และความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านศูนย์ป้องกันฟื้นฟูและบำบัดผู้สูงวัยจากสหรัฐอเมริกาและจากประเทศจีน
โครงการศูนย์บำบัดสุขภาพด้วยวิถีไทยธรรมชาติ (Thai Natural Therapy center/TNTc) จึงเกิดขึ้นจากการนำความโดดเด่นของสารสำคัญในกัญชาหางกระรอกของไทยที่ช่วยลดความวิตกกังวล สร้างสมาธิ การนอนหลับลึก และอารมณ์ดี ร่วมกับกรดอะมิโนโปรตีนในปลิงที่ชื่อว่า Hirudinaria bpling Protein ที่สามารถยับยั้งการเกิดลิ่มเลือดได้โดยตรงโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและได้รับสิทธิบัตรในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ Hirudin ถึง 5 ใบจากประเทศจีน การนำนวัตกรรมในการบำบัดผู้ป่วยในลักษณะนี้เชื่อได้ว่าที่นี่จะเป็นที่แรกของโลก ดังนั้นจะดึงดูดให้ผู้ป่วยและผู้ที่ต้องการจะป้องกันปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ข้างต้นให้หันมาดูแลสุขภาพด้วยด้วยวิถีธรรมชาติและออแกนนิคกับบริษัทอย่างแน่นอน
นอกจากนี้บริษัทยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มการบริการครบวงจรในการจัดตั้งศูนย์สุขภาพ “World Wellness” สำหรับธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตที่กำลังมองหารูปแบบธุรกิจใหม่เพื่อที่จะลดการพึ่งพาจากนักท่องเที่ยวขาจรให้มาเป็นที่พำนักระยะยาวเพื่อรองรับตลาดผู้สูงอายุทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง เป็นที่คาดการณ์กันว่าหลังวิกฤติโควิท-19 ควบคุมได้ดี การเปิดประเทศจะค่อย ๆ เกิดขึ้นทั่วโลก การท่องเที่ยวเพื่อสันทนาการและเพื่อการทำงานไปพร้อมกับการท่องเที่ยวที่เรียกว่า Workation หรือ Work from Anywhere จะกลายมาเป็นวิถีปกติใหม่สำหรับประชากรโลก ในส่วนของผู้สูงอายุที่มองหาสถานที่พำนักเพื่อการเกษียณปัจจัยสำคัญที่ใช้ประกอบการตัดสินใจก็คือ ประเทศนั้น ๆ จะต้องมีระบบสาธารณสุขที่มีความพร้อมและได้มาตรฐานในระดับที่ค่อนข้างดี มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีความปลอดภัยที่ดี และที่สำคัญมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าเงิน ประเทศไทยจึงเป็นตัวเลือกในอันดับต้น ๆ ของกลุ่มเป้าหมายเหล่านั้น และยิ่งเป็นข่าวดีที่รัฐบาลได้เล็งเห็นโอกาสที่จะนำเงินตราเข้าประเทศด้วยการดึงดูดให้ผู้มีรายได้สูงและมีศักยภาพเข้ามาทำงาน ลงทุน และพักยาวสำหรับผู้เกษียณอายุ โดยเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนเพื่อการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ประกอบด้วย 4 กลุ่มเป้าหมายคือ เศรษฐีต่างชาติ ผู้เกษียณอายุ พนักงานที่ต้องการ และผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ให้ได้รับวีซ่านาน 10 ปี พ่วงสิทธิพิเศษอนุญาตทำงานอัตโนมัติ มีสิทธิครอบครองอสังหาริมทรัพย์ จูงใจกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษเลือกเสียภาษีอัตราก้าวหน้า หรือ 17% คงที่เหมือนอีอีซี
โครงการแปลงโรงแรมและรีสอร์ตให้เป็นศูนย์สุขภาพอายุวัฒนะ “World Wellness” เพื่อรองรับการเข้าพักอาศัยระยะยาวพร้อมบริการสุขภาพวิถีไทยธรรมชาติจึงเกิดขึ้น และบริษัทได้ทำความร่วมมือกับโรงแรมแคแนลลิส สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต (Canalis Suvarnabhumi Airport Hotel) ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว ย่านสุวรรณภมิเพื่อเตรียมปรับโฉมธุรกิจไว้รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติในต้นปีหน้าไว้แล้ว และโรงแรมในหัวเมืองใหญ่ ๆ อีกหลายแห่งก็ทยอยเข้าทำความร่วมมือกับบริษัท บริษัทเชื่อว่าภายในปีหน้าจะมีโรงแรมและรีสอร์ตที่เปิดให้บริการศูนย์สุขภาพอายุวัฒนะ “World Wellness” ร่วมกับบริษัท ได้ไม่น้อยกว่า 10 แห่งด้วยกัน