เผยแพร่ |
---|
รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงคุณค่าทางโภชนาการของ “ข้าวโอ๊ต” ว่าประกอบด้วย “เบต้ากลูแคน” (Beta Glucan) ซึ่งพบไม่มากเท่าในข้าวชนิดอื่นๆ ซึ่งหากร่างกายได้รับเบต้ากลูแคนอย่างสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่า3 กรัมต่อวัน สามารถลดระดับโคเลสเตอเรอลในเลือด ช่วยให้ห่างไกลจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่สำคัญได้แก่โรคหลอดเลือดหัวใจได้
สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สมาคมอาหารและโภชนาการแห่งอินโดนีเซีย สมาคมโภชนาการแห่งมาเลเซีย มูลนิธิโภชนาการแห่งฟิลิปปินส์ และ สมาคมโภชนาการเวียดนาม จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “Healthy Cooking with Oats” รวมเมนูอาหารสุขภาพจากข้าวโอ๊ตเพื่อเสนอแนวคิดในการนำข้าวโอ๊ตมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหารสำหรับเมนูพื้นบ้าน และอาหารฟิวชันจาก 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในส่วนของเมนูจากประเทศไทยที่ร่วมเผยแพร่ในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวมีทั้งอาหารคาว และหวานจำนวน 10 ชนิด ได้แก่ ลาบเหนือ น้ำพริกตาแดง มัสหมั่นไก่ขนมกรอบเค็ม กระทงทอง ขนมกล้วย ขนมตะโก้ สาคูไส้หมูขนมต้มบัวลอย และขนมบ้าบิ่น
รองศาสตราจารย์ ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ได้ให้มุมมองสำหรับสตาร์ทอัพในการนำข้าวโอ๊ตไปสร้างสรรค์ต่อยอดนอกจากตามเมนูที่แนะนำในหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ “Healthy Cooking with Oats” แล้ว ข้าวโอ๊ตยังเหมาะสำหรับนำไปทำอาหารและขนมทั้งที่มีเนื้อสัมผัสแบบกรุบกรอบ และข้นหนืด ซึ่งหากนำไปประกอบอาหารสำหรับเด็ก ควรเน้นประโยชน์ในเชิงสุขภาพที่มีส่วนผสมของข้าวโอ๊ตในสัดส่วนที่มากพอ