เกษตรกรจังหวัดตรัง ปลูกพริกไทยดำพันธุ์ปะเหลียน ในล้อยางรถยนต์ สร้างรายได้ดี กิโลกรัมละ 400 บาท

พริกไทยปะเหลียน เป็นพริกไทยสายพันธุ์พื้นบ้านของชาวอำเภอปะเหลียน มีเอกลักษณ์เฉพาะที่โดดเด่นกว่าพริกไทยสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยรสชาติที่เผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ฝักแน่น ทำให้ได้รับความนิยมจากร้านอาหารเป็นอย่างมาก สามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ มีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกได้ จะปลูกในกระถาง ล้อยางรถยนต์ หรือเข่ง ก็ได้ ดูแลง่าย ให้ผลผลิตเร็ว ทนทานต่อโรค ปลูกได้ทุกสภาพอากาศ ราคาดี ถือเป็นพืชแซมในสวนที่สร้างรายได้ดีอีกชนิดหนึ่ง

คุณมณี นิลละออ หรือ พี่กี้ อยู่ที่ 39/4 หมู่ที่ 7 ตำบลนาหมื่นศรี อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง ผู้ที่เป็นทั้งเกษตรกรและนักอนุรักษ์ในเวลาเดียวกัน และที่มาของนักอนุรักษ์ก็มาจากการที่พี่กี้ได้พัฒนาพริกไทยพื้นบ้านตั้งแต่รุ่นตายายได้ปลูกไว้บริเวณบ้านมาเสียบยอดขยายพันธุ์เพิ่ม เพื่อเป็นการอนุรักษ์และแบ่งปันให้กับเพื่อนบ้าน จากการแบ่งปันกลายเป็นการต่อยอดสร้างรายได้ มีการพัฒนาจากการปลูกขึ้นค้างแบบเดิมมาเป็นการปลูกในภาชนะทำให้เป็นทรงพุ่ม โดยการเสียบยอดกับต้นโคลูบรินั่ม เพื่อให้ง่ายต่อการปลูก การดูแล

คุณมณี นิลละออ หรือ พี่กี้

พี่กี้ บอกว่า ก่อนที่จะมีการพัฒนาขยายพันธุ์พริกไทยปะเหลียน ตนเป็นเกษตรกรปลูกยางพาราอยู่แล้ว จำนวน 15 ไร่ ส่วนจุดเริ่มต้นของการเริ่มมาปลูกพริกไทย สืบเนื่องมาจากบริเวณรอบบ้านมีการปลูกพริกไทยมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่า เกิดมาก็เห็นต้นพริกไทยอยู่ก่อนแล้ว แต่ปลูกจำนวนไม่มาก ปลูกไว้แค่กินเองในครอบครัว เหลือถึงนำไปขาย วิธีการปลูกก็ยังเป็นแบบเดิมๆ อยู่ คือปลูกขึ้นเสาขึ้นค้าง ค่อนข้างที่จะต้องใช้พื้นที่เยอะ และต้นทุนที่สูง จนปัจจุบันตนได้มีการพัฒนาทำให้แตกต่าง ปลูกพริกไทยแบบใหม่ ปลูกลงในกระถาง ปลูกในล้อยางรถยนต์ รวมถึงปลูกในเข่ง เพราะพริกไทยทรงพุ่มขึ้นไม่สูง มีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกได้ เก็บง่าย ดูแลง่ายกว่า แต่ได้ผลผลิตดกเหมือนกัน

4 ผลผลิตดกเต็มต้น

เทคนิคการปลูกพริกไทยทรงพุ่ม
ในล้อยางรถยนต์ ง่าย ประหยัด ผลผลิตดก

เจ้าของบอกว่า ตนเริ่มทดลองปลูกขยายพันธุ์พริกไทยในกระถางได้ระยะเวลาเพียงปีกว่า ปลูกอยู่จำนวนกว่า 100 กระถาง ตอนนี้ผลผลิตได้ออกมาให้เก็บบ้างแล้ว และเป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก เพราะผลผลิตที่ออกมาดกมากเมื่อเทียบกับการปลูกดูแลที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

ปลูกพริกไทยในล้อยางรถยนต์

ขั้นตอนการปลูก

  1. การเตรียมภาชนะปลูก ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ในกระถางอย่างเดียว แต่ให้อาศัยความสะดวกเป็นหลัก ที่บ้านใครสะดวกอะไรก็ใช้แบบนั้น ยกตัวอย่าง การปลูกในล้อยางรถยนต์ จะเป็นล้อรถเก๋ง หรือล้อรถกระบะ ปลูกได้ทั้งหมด วิธีการปลูกเหมือนกับการปลูกลงดินแตกต่างที่การดูแล ถ้าปลูกลงในภาชนะจะดูแลง่าย กำจัดวัชพืชง่าย การให้น้ำ ปุ๋ย สามารถควบคุมได้หมด หรือหากที่บ้านทำสวนอยู่แล้วก็สามารถยกกระถางไปปลูกแซมไว้ในสวนได้เลย ถือเป็นการสร้างรายได้เพิ่มอีกช่องทางหนึ่ง และเป็นการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าที่สุด แต่ขอย้ำว่าการนำกระถางไปวางจำเป็นต้องใช้อิฐวางรองเป็นฐานเพื่อไม่ให้ต้นไม้อย่างอื่นเลื้อยขึ้นมาแย่งอาหารได้
  2. การเตรียมดิน สามารถใช้ดินบริเวณรอบบ้านมาปลูกได้เลย ในสัดส่วน 1:1:1 ดิน 1 ส่วน แกลบเก่า 1 ส่วน และปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำใส่ภาชนะปลูกที่เตรียมไว้ได้เลย
  3. จากนั้นนำต้นพันธุ์พริกไทยที่เสียบยอดไว้มาลงดินปลูก โดยต้นพริกไทยที่นำมาปลูกเกิดจากการเสียบยอด โดยใช้กับต้นโคลูบรินั่มเป็นต้นตอ ลักษณะคล้ายกับการเสียบยอดต้นทุเรียนที่มีต้นตอเป็นสายพันธุ์พื้นบ้านแล้วเอาต้นตอหมอนทองมาเสียบยอด

ต้นโคลูบรินั่ม เป็นต้นไม้ที่เกิดจากในป่า แล้วนำมาชำไว้ เป็นไม้เลื้อยคล้ายพริกไทย ทนต่อความแห้งแล้ง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำได้ ทนทานต่อโรคสูง และรากจะแข็งแรงมาก

  1. ปลูกเสร็จแล้วให้นำไม้มาปักค้ำยันไว้ ขนาดไม้ไม่ต้องใหญ่มาก ความสูงประมาณ 1 เมตร เพื่อประคองต้น

ขั้นตอนการดูแลรักษา

ระบบน้ำ …ใช้สายยางเดินรด หากวันไหนฝนตกก็งดให้น้ำ แต่ถ้าฝนไม่ตกให้รดทุกวันช่วงเช้าหรือเย็นก็ได้ รดจนชุ่มเพราะพริกไทยค่อนข้างชอบความชื้นพอสมควร แต่ก็ไม่ชอบแดดจัดมาก พริกไทยจะชอบแดดประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ถ้าในกรณีที่ปลูกในพื้นที่โล่งแจ้งให้หาซาแรนพรางแสงมาป้องกัน แต่ถ้าปลูกแซมในสวนยางหรือสวนผลไม้ ก็ไม่ต้องใช้ซาแรน เพราะมีร่มเงาจากไม้พี่เลี้ยงพรางแสงให้อยู่แล้ว

ปุ๋ย …ที่นี่เป็นการปลูกแบบอินทรีย์ เพราะฉะนั้นปุ๋ยที่ใช้จะเป็นปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ทั้งหมด ปุ๋ยคอกจะเติมเดือนละครั้ง ปุ๋ยหมักจากผักผลไม้ หรือปุ๋ยหมักปลาทะเลใช้สลับกัน จะเติมทุก 2-3 วันครั้ง ในอัตราส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 500 ลิตร

ระยะการปลูกถึงเก็บเกี่ยว …ที่สวนเริ่มปลูกพริกไทยทรงพุ่มมาเป็นระยะเวลาปีกว่า ตอนนี้เริ่มเก็บผลผลิตครั้งแรก ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ ในปีแรกทรงพุ่มอาจจะยังไม่ใหญ่มาก แต่คาดเดาด้วยสายตาแล้วหากทรงพุ่มใหญ่เต็มที่ผลผลิตจะดกมากพอสมควร เฉลี่ยจะได้ผลผลิตประมาณ 10 กิโลกรัม ต่อพุ่ม

ปลูกในกระถาง

การเก็บเกี่ยวผลผลิต …ลักษณะพริกไทยที่แก่พร้อมเก็บเกี่ยวจะมีทั้งสีแดงและสีเขียวอยู่ในพวงเดียวกัน คือ พริกไทยที่แก่เต็มที่แล้ว สามารถเก็บนำมาตากด้วยวิธีธรรมชาติจนแห้งสนิท ถ้าแดดแรงใช้เวลาการตากประมาณ 1 สัปดาห์  เมื่อแห้งสนิทแล้วนำมาเก็บใส่ภาชนะถุงหรือขวดแก้ว ขวดพลาสติกก็ได้ โดยไม่ต้องนำไปเข้าเครื่องอบใดๆ ทั้งสิ้น

ต้นทุนการปลูก …ไม่มาก ยิ่งถ้าหากทดลองปลูกในกระถาง ต้นทุนจะยิ่งต่ำลง สำหรับมือใหม่อยากแนะนำให้ทดลองปลูกดูสัก 20-30 ต้น ใช้เวลาการปลูกประมาณ 1 ปีกว่า ก็สามารถเห็นผลลัพธ์แล้วว่าควรปลูกขยายเพิ่ม หรือว่าควรหยุดไปทำอย่างอื่น พริกไทยถือเป็นพืชที่ทดลองปลูกได้ไม่เสียหาย เพราะใช้ต้นทุนต่ำ การดูแลที่ไม่ยุ่งยาก เงินลงทุนไม่มาก เพราะปลูกแบบอินทรีย์ ใช้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก แกลบ เป็นหลัก กิ่งพันธุ์ราคาไม่เกิน 80 บาท ต่อต้น แล้วแต่ว่าซื้อมาจากที่ไหน แต่ถ้าหากท่านใดสนใจอยากปลูก ลองติดต่อสอบถามเทคนิคขั้นตอนการปลูกมาที่นี่ได้ถือเป็นการแบ่งปันความรู้ให้เพื่อนเกษตรกรด้วยกัน

 

ตลาดพริกไทยดำปะเหลียน ยังไปได้อีกไกล
คนปลูกน้อย แต่ความต้องการสูง

พี่กี้ เล่าถึงสถานการณ์การตลาดของพริกไทยปะเหลียนว่า ถึงแม้ตนจะเริ่มปลูกพริกไทยได้ไม่นาน แต่ก็พอที่จะทราบถึงสถานการณ์ความต้องการของพริกไทยพันธุ์นี้มาบ้าง เพราะจากข้อมูลที่กล่าวไปข้างต้นว่า ที่บ้านมีการปลูกพริกไทยไว้บริเวณรอบบ้านมานานแล้ว ถึงแม้จะปลูกไม่มากนัก แต่ก็พอมีได้ขายปีละ 30-40 กิโลกรัม ราคาที่ผ่านมาถือว่าดีมากๆ กิโลกรัมละไม่ต่ำกว่า 350-400 บาท และถึงแม้จะให้ราคาตกอย่างไร ก็จะไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 300 บาท มีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่บ้านเพื่อนำไปทำพริกแกงใต้

“ทุกวันนี้ผลผลิตที่ทำได้ก็ยังไม่พอขาย จึงได้มีการขยายพื้นที่การปลูกเพิ่ม และมองว่าการตลาดพริกไทยดำปะเหลียนยังไปได้อีกไกล และที่สำคัญตอนนี้ที่จังหวัดตรังมีการสนับสนุนเรื่องการปลูกพริกไทยเป็นอย่างมาก ที่ผ่านมาไม่เคยเกิดการสินค้าล้นตลาด เพราะเป็นที่ต้องการมาก แต่ในอนาคตเมื่อคนเริ่มปลูกมากขึ้นสินค้ามีมากก็ยังสามารถเก็บรักษาใส่ถุงได้ไม่เสียหาย เก็บไว้ได้นานเป็นปี”

ปลูกในกระถาง

ฝากถึงเกษตรกร

“อยากให้พี่น้องเกษตรกรหันมาปลูกพืชผสมผสานกันมากขึ้น ให้เริ่มจากพื้นที่น้อยๆ ไปก่อนก็ได้ อย่างการปลูกพริกไทย จะเริ่มปลูก 10-20 ต้น ก็ได้ แล้วนำไปวางแซมไว้ในสวนไม้ผลของท่าน ปีหนึ่งผ่านไปไวมาก พริกไทยออกก็สามารถเก็บขายได้แล้ว ราคาก็ดี การปลูกพืชแซมจึงถือเป็นทางแก้ปัญหาสินค้าล้นตลาดได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงเฉพาะแค่ปลูกพริกไทย แต่จะปลูกอะไรก็ได้ที่สะดวก แล้วเป็นพืชสร้างรายได้ ขายได้ในท้องถิ่นของเรา” คุณมณี กล่าวทิ้งท้าย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสนใจต้นพันธุ์พริกไทยปะเหลียน ติดต่อพี่กี้ หรือ คุณมณี นิลละออ ได้ที่เบอร์โทร. 087-918-9248

จากพริกไทยสดมาเป็นพริกไทยดำ ผลผลิตจากสวนตากแห้งด้วยวิธีธรรมชาติ