ปลูกมะเดื่อฝรั่ง เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้ในช่วงวิกฤตโควิด-19

หากเอ่ยชื่อ “ฟิก” (FIG) คิดว่าคงมีหลายคนที่ยังไม่รู้จักว่าคือพืชชนิดใด แต่หากเอ่ยชื่อ “มะเดื่อฝรั่ง” ก็คิดว่าคงมีบางคนที่เคยได้ยินชื่อมาบ้างแล้ว มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เนื่องจากมีรสชาติดีและอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร เชื่อกันว่า การกินมะเดื่อฝรั่งอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคเบาหวาน บรรเทาอาการท้องผูก หูด และอาจมีประโยชน์ต่อผิวหนังด้วย 

คุณนงเยาว์ ชาญนคร

มะเดื่อฝรั่ง เป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำและปราศจากไขมัน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและผู้ที่อยากกินอาหารอื่นที่ยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย โดยมะเดื่อฝรั่งตากแห้ง 100 กรัม ประกอบด้วยกากใยอาหาร 9.8 กรัม ซึ่งจะช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้นและยังส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งการกระตุ้นการขับถ่าย ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เพราะมะเดื่อฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ต่างๆ หลายชนิด คือ วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี วิตามินเค โพแทสเซียม สังกะสี เหล็ก และอื่นๆ อีกมากมาย

คุณธวัชชัย บุญสุข หรือ คุณโต 

ใครที่เคยเข้าไปกินขนมจีนสารพัดน้ำยา ที่ร้าน “บ้านคุณย่า” อยู่เลขที่ 60 หมู่ที่ 11 ตำบลบางหมาก อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร คงได้เห็นแปลงปลูกพืชกางมุ้งที่ตั้งอยู่ติดลานจอดรถของร้าน เป็นแปลงขนาด 12×8 เมตร สร้างด้วยโครงเหล็กขึงผ้าพลาสติกสีขาวโปร่งแสง เพื่อป้องกันแมลงรบกวน ส่วนภายในเรือนเพาะชำมีการปลูก “มะเดื่อฝรั่ง” หรือ “FIG” นับร้อยต้น

แปลงกางมุ้งปลูกมะเดื่อฝรั่ง

เมื่อสอบถาม คุณนงเยาว์ ชาญนคร หรือ ป้าเยาว์ อายุ 64 ปี เจ้าของร้านขนมจีน “บ้านคุณย่า” ก็ทราบว่า แปลงปลูกมะเดื่อฝรั่งดังกล่าว เป็นของบุตรเขย ชื่อ คุณธวัชชัย บุญสุข หรือ คุณโต อายุ 37 ปี ซึ่งมีอาชีพหลักคือเป็นวิศวกรไบโอก๊าซ บริษัท กลุ่มปาล์มธรรมชาติ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืชตราผึ้ง ในวันหยุดและหลังเลิกงานประจำ คุณธวัชชัยก็จะปลูกมะเดื่อฝรั่งขายเป็นรายได้เสริม ยิ่งในช่วงที่สังคมโลกรวมทั้งสังคมไทยกำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) การหารายได้เสริมถือเป็นสิ่งจำเป็นมาก

กิ้งก่า ช่วยกำจัดแมลง

คุณธวัชชัย กล่าวว่า ตนเองเริ่มปลูกมะเดื่อฝรั่ง หรือ FIG ได้ประมาณ 1 ปี โดยใช้ที่ว่างข้างลานจอดรถของร้านขนมจีนเป็นแปลงปลูกพืชกางมุ้ง ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น ประมาณ 80,000 บาท แบ่งเป็นเงินสร้างตัวเรือนเพาะชำกางมุ้งจำนวน 50,000 บาท อีก 30,000 บาท ก็ใช้ในการสั่งซื้อพันธุ์มะเดื่อฝรั่งและอุปกรณ์ต่างๆ

ขยายพันธุ์

หลังจากปลูกแล้วต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงจะเก็บผลผลิตออกจำหน่ายได้ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็คือลูกค้าทางสื่อสังคมออนไลน์ ส่วนราคาจำหน่ายมะเดื่อฝรั่งก็อยู่ กิโลกรัมละ 300-800 บาท ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเดื่อฝรั่ง หากเป็นสายพันธุ์ Brown Turkey หรือ Black Jack ก็กิโลกรัมละ 300 บาท แต่ถ้าเป็นพวกพันธุ์ Black Maderia พันธุ์ White Israel ก็ราคากิโลกรัมละ 800 บาท

ต้นกล้ามะเดื่อฝรั่ง

คุณธวัชชัย กล่าวว่า สรรพคุณของมะเดื่อฝรั่งนั้น สามารถนำไปทำสลัดหรือนำมาแปรรูปเป็นแยมทาขนมปัง ส่วนใบก็นำไปต้มเป็นชา FIG จะมีกลิ่นหอม ถ้ากินสดๆ จะมีรสหวานอมเปรี้ยว แก้โรคเบาหวาน ปรับสภาพร่างกายของคนที่ระบบลำไส้ไม่ดี เช่น ท้องเสียบ่อยๆ หรือท้องผูก จริงๆ แล้ว FIG หรือมะเดื่อฝรั่งไม่ใช่ผลไม้ แต่เป็นดอกไม้ มีเกสรอยู่ด้านใน พวกแมลงจึงมักเข้าไปในรูด้านล่างของมะเดื่อฝรั่ง หากไม่สร้างโรงเรือนกางมุ้ง ก็จะมีแมลงมารบกวน ทำให้เกิดหนอนอยู่ด้านในมะเดื่อฝรั่ง และยังต้องหากิ้งก่ามาปล่อยในโรงเรือนให้ช่วยกำจัดแมลงด้วย ส่วนการปลูกก็ไม่ยุ่งยากอะไร แค่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์พวกปุ๋ยหมัก ลงไปในกาบมะพร้าวสับและตะกอนจากบ่อบำบัดน้ำเสียแล้วใส่เมล็ดมะเดื่อฝรั่งลงไป รดน้ำวันละครั้ง หรืออาจใช้วิธีตัดกิ่งชำก็ได้

ติดผลดี

“หากต้องการให้ได้มะเดื่อฝรั่งลูกใหญ่ หนักประมาณ 200 กรัม ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี ในการเก็บเกี่ยว การขนส่งมะเดื่อฝรั่งออกจากเรือนเพาะชำ ต้องใช้การขนส่งระบบแช่เย็นเท่านั้น มะเดื่อฝรั่งจึงจะอยู่ได้จนถึงปลายทาง ปัจจุบัน มีคนสนใจหันมาบริโภคมะเดื่อฝรั่งมากขึ้น นอกจากการปลูกมะเดื่อฝรั่งขายแล้ว ยังมีในส่วนของกิ่งตอนและกิ่งชำมะเดื่อฝรั่งที่อนุบาลแล้วจำหน่ายให้ผู้สนใจปลูก ในราคาต้นละ 100 บาทด้วย” คุณธวัชชัย กล่าว

ผลยังไม่สุก
มะเดื่อฝรั่งสุกแล้ว

สำหรับผู้สนใจจะปลูกมะเดื่อฝรั่ง หรือ FIG เป็นรายได้เสริม คุณธวัชชัยก็พร้อมให้คำแนะนำ เพราะเป็นพืชที่ใช้พื้นที่ปลูกน้อยและผลผลิตให้ราคาดี ซึ่งคุณธวัชชัยอยากให้ชาวชุมพรปลูกมะเดื่อฝรั่งกันเยอะๆ เนื่องจากตลาดของมะเดื่อฝรั่งในเมืองไทยกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หากมีสิ่งใดที่สามารถแบ่งปันกันได้ ก็พร้อมและยินดี โดยติดต่อได้ที่ ร้านขนมจีน “บ้านคุณย่า” โทร. 090-923-9959