ดอกกันจอง (ตาลปัตรฤๅษี) ผักพื้นบ้าน เติบโตดีในท้องนา ขายรายได้ดี

ดอกกันจอง หรือ ตาลปัตรฤๅษี เป็นพืชผักพื้นบ้านที่เจริญงอกงามได้ดีในท้องนา จึงมักเก็บมาเป็นอาหารในครัวเรือนหรือขายเป็นรายได้ เป็นอีกหนึ่งพืชผักพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในการบริโภคอย่างแพร่หลาย เป็นพืชที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตไว ใช้ต้นทุนการผลิตต่ำ ให้ผลตอบแทนคุ้มทุน

เกษตรกรในพื้นที่บ้านบางชัน อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี ได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำนามาปลูกดอกกันจองในเชิงการค้า สร้างรายได้กว่าเดือนละหมื่นบาท ดอกกันจองเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของท้องถิ่น เป็นหนึ่งอาชีพทางเลือกที่น่าสนใจ ช่วยเสริมสร้างรายได้สู่วิถีชีวิตที่มั่นคง จึงนำเรื่อง ดอกกันจอง…พืชผักพื้นบ้าน ผักปลอดภัย ปลูกขายรายได้ดี มาบอกเล่าสู่กัน

ป้าประภารัตน์ บุญเลิศ เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่ปลูกดอกกันจอง พืชผักพื้นบ้าน เธอมีอาชีพหลักคือ ทำนา 29 ไร่ ปีละ 2 ครั้ง ปลูกข้าวพันธุ์ กข 31 และ ข้าวพันธุ์ กข 47 แต่การทำนาต้องใช้น้ำปริมาณมาก รายได้ไม่มั่นคง เธอจึงมองหาอาชีพเสริม พบว่า ดอกกันจองเจริญเติบโตพร้อมกับต้นข้าวในท้องนาที่เก็บมาเป็นอาหารเครื่องเคียงกินกับน้ำพริกในครัวเรือนบ่อยๆ

ประกอบกับพ่อค้าคนกลางที่เข้ามาซื้อผลผลิตทางการเกษตรในชุมชนได้แจ้งความประสงค์ว่าต้องการรับซื้อดอกกันจองเพื่อนำไปขาย จะปลูกและผลิตให้ได้หรือไม่ เมื่อพิจารณาข้อดี-ข้อด้อย และการมีตลาดรับซื้อที่แน่นอน เมื่อปี 2557 จึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนพื้นที่นา 1 ไร่ มาปลูกดอกกันจองขาย เพื่อเป็นพืชทางเลือกในการเสริมรายได้ถึงทุกวันนี้

เธอคัดเลือกต้นพันธุ์ดอกกันจองที่สมบูรณ์ ปลอดโรค ที่มีอยู่ในแปลงนามาปลูก วิธีการเก็บต้นพันธุ์ ให้จับโคนต้น แล้วค่อยๆ ดึงขึ้นมาตรงๆ เพื่อไม่ให้ต้นพันธุ์ช้ำ นำมาแช่น้ำไว้ในภาชนะ เพื่อช่วยเก็บรักษาความสดของต้นพันธุ์ไว้ให้ได้นานก่อนนำไปปลูก

การปลูกดอกกันจอง เตรียมดินปลูกด้วยการตีเทือกเหมือนการทำนาทั่วไป แปลงนาจะเป็นดินตม ดินอ่อน และควรมีน้ำขังในแปลงนาด้วย วิธีการปลูก ใช้วิธีการปักดำ ระยะห่างระหว่างต้นและแถว 50×50 เซนติเมตร หรือ 1 ศอก

หลังจากปลูก 7 วัน จะเริ่มทยอยเก็บดอกกันจองไปขาย ดอกกันจองจะมีให้เก็บเกี่ยวได้เกือบทุกวัน แต่ละครั้งจะเก็บดอกกันจองได้ 250-270 ดอก นำดอกกันจองมาจัดเป็นกำ 1 กำ มี 12 ดอก แล้วจัดดอกกันจองใส่ถุงพลาสติกสะอาด 10 กำต่อถุง จะได้ 25-27 ถุง นำไปขายส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง 15 บาทต่อถุง ทำให้มีรายได้ 375-405 บาทต่อวัน หรือมีรายได้โดยเฉลี่ย 11,250-12,150 บาทต่อเดือน เป็นรายได้เสริมที่ทำให้วิถีครอบครัวมีความมั่นคง

คุณทองอุไร เอี่ยมลออ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ เล่าให้ฟังว่า ดอกกันจองเป็นพืชผักพื้นบ้านปลอดภัย ซึ่งในกระบวนการผลิตไม่มีการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืช ในด้านการพัฒนาคุณภาพผลผลิตดอกกันจอง ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรผลิตฮอร์โมนนมใช้ วัสดุที่ผลิตจะมี นมกล่องชนิดจืด ขนาดบรรจุ 250 มิลลิลิตร 3 กล่อง กากน้ำตาล 1 แก้วน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง 10 ช้อนแกง และผงปรุงรสอาหาร 1 ช้อนแกง นำวัสดุทั้งหมดใส่ภาชนะที่สะอาดคลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน เทใส่ขวดสีชา ปิดฝา หมักไว้ 10 วัน ระหว่างนี้ต้องคอยเปิดฝาเพื่อช่วยระบายก๊าซในขวดออก เมื่อครบกำหนดจะได้หัวเชื้อฮอร์โมนนมคุณภาพ เมื่อต้องการนำไปใช้งาน ให้นำไปผสมกับน้ำ ใช้ได้ประมาณ 20 ครั้ง

วิธีการใช้ เตรียมถังที่สะอาด ใส่น้ำลงไป 20 ลิตร นำหัวเชื้อฮอร์โมนนม 5 ช้อนแกง ใส่ลงไป ใช้ไม้คนให้เข้ากัน แล้วนำไปฉีดพ่นทุก 15 วันต่อครั้ง จะได้ดอกกันจองอวบ กรอบ และอร่อย การผลิตหัวเชื้อฮอร์โมนนมใช้เป็นหนึ่งทางเลือกในการลดต้นทุนการผลิตที่ทำให้ได้ผลตอบแทนคุ้มทุน และนำไปสู่การยกระดับรายได้เพื่อการมีวิถีชีวิตที่มั่นคง

สอบถามข้อมูลเพิ่มได้ที่ ป้าประภารัตน์ บุญเลิศ เกษตรกรผู้ปลูกดอกกันจอง เลขที่ 171 หมู่ที่ 6 บ้านบางชัน ตำบลบ้านแป้ง อำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โทร. 087-669-0144 หรือที่ คุณทองอุไร เอี่ยมลออ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี โทร. 089-801-4214 ก็ได้นะครับ

………………..

เผยแพร่ในระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก เมื่อวันพฤหัสที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559